ASTVผู้จัดการรายวัน - ททท.ภาคอีสาน จัดโครงการ “1 สำนักงาน 1 พันธมิตร” จี้ 7 สำนักงาน ผนึกเอกชน ร่วมส่งเสริมการตลาด พร้อมผนึกสำนักงานททท. ต่างประเทศ ที่เป็นตลาดเป้าหมาย ตั้งเป้าทั้งปีโกยนักท่องเที่ยว 20 ล้านคนครั้ง โต 11% เงินสะพัด 4.3 หมื่นล้านบาท
นายอภิชาติ อินทร์พงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเวริมการท่องเที่ยวภาคอีสาน ในปี 2554 จึงได้จัดโครงการความร่วมมือ “ หนึ่งสำนักงาน หนึ่ง พันธมิตร” โดยมอบหมายให้ สำนักงานททท.ในภาคอีสานทั้ง 7 สำนักงาน ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น นครพนม เลย และ สุรินทร์ หาพันธมิตรอย่างน้อย 1 ราย ในการที่จะร่วมกันทำงานการตลาด ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยให้เน้นเป็นองค์กรหรือหน่วยงานใหญ่ ที่มีศักยภาพสูง เช่น สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัด หอการค้าจังหวัด สมาคมโรงแรมจังหวัด เป็นต้น
นอกจากนั้นยังให้ ประสานการทำงานไปยังสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ ในสำนักงานที่เป็นตลาดเป้าหมาย ที่เหมาะกับสินค้าทางการท่องเที่ยวที่มีอยู่ในพื้นที่ เน้นให้นำเสนอสินค้าที่วิเคราะห์แล้วว่า มีจุดเด่นเพียงพอที่จะใช้เป็นจุดขายได้มานำเสนอ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมจัดงานงาน “เทศกาลสงกรานต์ภาคอีสาน” โดยจะรวบรวมพื้นที่จัดงานเทศกาลสงกรานต์ในภาคอีสานทั้งหมด รวมถึง กิจกรรมของแต่ละพื้นที่ที่มีการจัดงาน เพื่อชูจุดเด่นในแต่ละงาน ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกและตัดสินใจเดินทางไปร่วมงาน ซึ่งเทศกาลสงกรานต์ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย และจุดขายสำคัญของภาคอีสานคือประเพณีวัฒนธรรม
ดังนั้นในแต่ละจังหวัดก็จะจัดงานตามประเพณีของตัวเอง ได้แก่ อุบลราชธานี หนองคาย นครพนม ขอนแก่น เป็นต้น
“ททท.ต้องการให้อีสานเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เดินทางได้ตลอดปี ด้วยงานประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ รวมถึงการตอกย้ำ 7 เส้นทางเที่ยวอีสานซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว เช่น เส้นเที่ยวตามรอยบูรพาจารย์ เส้นทางไดโนเสาร์ เป็นต้น นอกจากนั้นในแต่ละเดือนจะนำเสนอการท่องเที่ยวอีสานในแต่ละจังหวัด เช่น ช่วงนี้เหมาะกับการเที่ยวอุดรธานี ชมพิพิธภัณฑ์ บ้านเชียงและเที่ยวงานเทศกาลเก็บองุ่น จังหวัดนครราชสีมา “
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ ททท.ยังคงจัดงานเทศกาลเที่ยวอีสาน เช่นเดิม ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมงาน ซึ่งจากที่จัดงานดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคอีสานมาตลอด 4 ปี พบว่าขณะนี้ผู้ประกอบการอีสานเริ่มที่จะรู้จัดการนำเสนอสินค้า เลือกจุดเด่นนำมาใช้เป็นจุดขาย รวมถึง การจัดรูปแบบแพกเกจทัวร์มานำเสนอ ทำให้
อีสานเริ่มเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว ซึ่งจากงานปีที่ผ่านมาพบว่ามีเงินสะพัดในงาน 5 ล้านบาท ในที่นี้เกือบ 50% เป็นเม็ดเงินที่ซื้อแพกเกจท่องเที่ยว ที่เหลือเป็นการใช้จ่ายซื้อสินค้าOTOP“
สำหรับปีนี้ ททท.ตั้งเป้าหมาย มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่อีสานราย 20 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้เข้าพื้นที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน ราว 11% ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าอีสานที่ 18 ล้านคนครั้ง รายได้สะพัด 4 หมื่นล้านบาท
นายอภิชาติ อินทร์พงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเวริมการท่องเที่ยวภาคอีสาน ในปี 2554 จึงได้จัดโครงการความร่วมมือ “ หนึ่งสำนักงาน หนึ่ง พันธมิตร” โดยมอบหมายให้ สำนักงานททท.ในภาคอีสานทั้ง 7 สำนักงาน ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น นครพนม เลย และ สุรินทร์ หาพันธมิตรอย่างน้อย 1 ราย ในการที่จะร่วมกันทำงานการตลาด ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยให้เน้นเป็นองค์กรหรือหน่วยงานใหญ่ ที่มีศักยภาพสูง เช่น สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัด หอการค้าจังหวัด สมาคมโรงแรมจังหวัด เป็นต้น
นอกจากนั้นยังให้ ประสานการทำงานไปยังสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ ในสำนักงานที่เป็นตลาดเป้าหมาย ที่เหมาะกับสินค้าทางการท่องเที่ยวที่มีอยู่ในพื้นที่ เน้นให้นำเสนอสินค้าที่วิเคราะห์แล้วว่า มีจุดเด่นเพียงพอที่จะใช้เป็นจุดขายได้มานำเสนอ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมจัดงานงาน “เทศกาลสงกรานต์ภาคอีสาน” โดยจะรวบรวมพื้นที่จัดงานเทศกาลสงกรานต์ในภาคอีสานทั้งหมด รวมถึง กิจกรรมของแต่ละพื้นที่ที่มีการจัดงาน เพื่อชูจุดเด่นในแต่ละงาน ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกและตัดสินใจเดินทางไปร่วมงาน ซึ่งเทศกาลสงกรานต์ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย และจุดขายสำคัญของภาคอีสานคือประเพณีวัฒนธรรม
ดังนั้นในแต่ละจังหวัดก็จะจัดงานตามประเพณีของตัวเอง ได้แก่ อุบลราชธานี หนองคาย นครพนม ขอนแก่น เป็นต้น
“ททท.ต้องการให้อีสานเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เดินทางได้ตลอดปี ด้วยงานประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ รวมถึงการตอกย้ำ 7 เส้นทางเที่ยวอีสานซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว เช่น เส้นเที่ยวตามรอยบูรพาจารย์ เส้นทางไดโนเสาร์ เป็นต้น นอกจากนั้นในแต่ละเดือนจะนำเสนอการท่องเที่ยวอีสานในแต่ละจังหวัด เช่น ช่วงนี้เหมาะกับการเที่ยวอุดรธานี ชมพิพิธภัณฑ์ บ้านเชียงและเที่ยวงานเทศกาลเก็บองุ่น จังหวัดนครราชสีมา “
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ ททท.ยังคงจัดงานเทศกาลเที่ยวอีสาน เช่นเดิม ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมงาน ซึ่งจากที่จัดงานดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคอีสานมาตลอด 4 ปี พบว่าขณะนี้ผู้ประกอบการอีสานเริ่มที่จะรู้จัดการนำเสนอสินค้า เลือกจุดเด่นนำมาใช้เป็นจุดขาย รวมถึง การจัดรูปแบบแพกเกจทัวร์มานำเสนอ ทำให้
อีสานเริ่มเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว ซึ่งจากงานปีที่ผ่านมาพบว่ามีเงินสะพัดในงาน 5 ล้านบาท ในที่นี้เกือบ 50% เป็นเม็ดเงินที่ซื้อแพกเกจท่องเที่ยว ที่เหลือเป็นการใช้จ่ายซื้อสินค้าOTOP“
สำหรับปีนี้ ททท.ตั้งเป้าหมาย มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่อีสานราย 20 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้เข้าพื้นที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน ราว 11% ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าอีสานที่ 18 ล้านคนครั้ง รายได้สะพัด 4 หมื่นล้านบาท
