ASTVผู้จัดการรายวัน – “ลอฟท์” ปรับกลยุทธ์รับม็อบ-ปัญหาการเมือง เร่งปรับสินค้าตามสาขา เพิ่มสินค้เอ็กซ์คลูซีฟ คุมต้นทุน ทำซีอาร์เอ็ม ดึงลูกค้า หลังปีที่แล้วพลาดเป้าหมายเล็กน้อย
นายชาญชัย เชิดชูวงศ์ธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านลอฟท์ ในเครือ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯจะชูกลยุทธ์หลัก 3 ประเด็นในการทำตลาดร้านลอฟท์ คือ 1. การปรับสินค้าต่างๆ 2.การควบคุมต้นทุน และ 3. การลงทุนทำซีอาร์เอ็มและเพิ่มสมาชิก
เนื่องจากปีที่แล้วผลประกอบการโดยรวมบริษัทฯเติบโตเตียง 40% ต่ำกกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 50-60% เพราะว่าต้องปิดสาขาสยามดิสคัฟเวอรี่นานถึง 3 เดือน และสาขาพาราไดซ์พาร์คที่เปิดใหม่ก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
“ปีนี้ผมกลัวเรื่องการเมืองมาก เห็นตามข่าวจะชุมนุมที่ราชประสงค์เดือนละ 2 ครั้ง มันมีผลมาก ส่วนพวกทัวร์ริสต์ก็ยังไม่กลับมาเท่าที่ควร หายไปมากกว่า 40% จาก 20% ที่เป็นลูกค้าต่างชาติ การซื้อก็ระมัดระวังมากขึ้นเพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น” นายชาญชัยกล่าว
ทั้งนี้แผนการปรับสินค้าจะให้ตรงกับความต้องการของแต่ละสาขา เช่น สาขาพาราไดซ์พาร์คมีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มครอบครัว และจะเพิ่มสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟนำเข้ามาจากญี่ปุนเป็น 40% จากเดิม 20% รวมทั้งเพิ่มสินค้าประเภทฟังชันนัลที่ไม่ได้ซื้อเฉพาะช่วงเทศกาลมากขึ้น ซึ่งกลุ่มสินค้าขายดีคือ กิ๊ฟท์ชอป สเตชันเนอรี่ และหมวดสินค้าไอที
ส่วนการควบคุมต้นทุนก็จำเป็นยิ่งหากต้องปิดสาขาเพราะการชุมนุมทางการเมือง ด้านสมาชิกปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอีก 40% จากฐานเดิมปีที่แล้ววที่มี 60,000 ราย ซึ่งปีที่แล้วเพิ่ม 70% ทั้งในแง่จำนวนสมาชิกและยอดขายจากสมาชิก ซึ่งมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000 บาทต่อคนต่อครั้ง ความถี่เข้าร้าน 3 ครั้งต่อเดือน ซึ่งยอดใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าทั่วไปเท่าตัว และเข้าร้านเพียง 1 ครั้งต่อเดือน
สำหรับการทำซีอาร์เอ็มจะลงทุนซื้อซอฟท์แวร์ เพื่อนำมาใช้ในการทำระบบสมาชิกและซีอาร์เอ็ม ซึ่งเดิมมีแต่การให้ส่วนลดกับสมาชิกเท่านั้น แต่จากนี้ไปจะสามารทำอะไรได้มากขึ้นทั้งทำเองและร่วมมือกับพันธมิตร จากข้อมูลที่มีชัดเจนและเป็นระบบ หวังเพิ่มสมาชิกอีก 40% ในปีนี้
ด้านงบตลาดปีนี้ใช้ 20 ล้านบาท และรุกหนักสื่อโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งเฟซบุ๊คของบิษัทฯมีแฟนเพจแล้วกว่า 30,000 ราย ซึ่งจะใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมาย
นายชาญชัยกล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 30% แบ่งสัดส่วนรายได้และเติบโตดังนี้ สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ สัดส่วนรายได้ 50% เติบโต 20% สาขาพาราไดซ์พาร์ค 40% ปีนี้เติบโต 100% และสาขาจามจุรี 10 % คาดปีนี้เติบโต 15% ขณะที่สัดส่วนลูกค้าจะเป็นคนไทย 80% ต่างชาติ 20% และกลุ่มลูกค้าที่มีอายุมากกว่า 25 ปี สัดส่วน 60% อายุต่ำกว่า 25 ปี สัดส่วน 40%
นายชาญชัย เชิดชูวงศ์ธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านลอฟท์ ในเครือ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯจะชูกลยุทธ์หลัก 3 ประเด็นในการทำตลาดร้านลอฟท์ คือ 1. การปรับสินค้าต่างๆ 2.การควบคุมต้นทุน และ 3. การลงทุนทำซีอาร์เอ็มและเพิ่มสมาชิก
เนื่องจากปีที่แล้วผลประกอบการโดยรวมบริษัทฯเติบโตเตียง 40% ต่ำกกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 50-60% เพราะว่าต้องปิดสาขาสยามดิสคัฟเวอรี่นานถึง 3 เดือน และสาขาพาราไดซ์พาร์คที่เปิดใหม่ก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
“ปีนี้ผมกลัวเรื่องการเมืองมาก เห็นตามข่าวจะชุมนุมที่ราชประสงค์เดือนละ 2 ครั้ง มันมีผลมาก ส่วนพวกทัวร์ริสต์ก็ยังไม่กลับมาเท่าที่ควร หายไปมากกว่า 40% จาก 20% ที่เป็นลูกค้าต่างชาติ การซื้อก็ระมัดระวังมากขึ้นเพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น” นายชาญชัยกล่าว
ทั้งนี้แผนการปรับสินค้าจะให้ตรงกับความต้องการของแต่ละสาขา เช่น สาขาพาราไดซ์พาร์คมีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มครอบครัว และจะเพิ่มสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟนำเข้ามาจากญี่ปุนเป็น 40% จากเดิม 20% รวมทั้งเพิ่มสินค้าประเภทฟังชันนัลที่ไม่ได้ซื้อเฉพาะช่วงเทศกาลมากขึ้น ซึ่งกลุ่มสินค้าขายดีคือ กิ๊ฟท์ชอป สเตชันเนอรี่ และหมวดสินค้าไอที
ส่วนการควบคุมต้นทุนก็จำเป็นยิ่งหากต้องปิดสาขาเพราะการชุมนุมทางการเมือง ด้านสมาชิกปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอีก 40% จากฐานเดิมปีที่แล้ววที่มี 60,000 ราย ซึ่งปีที่แล้วเพิ่ม 70% ทั้งในแง่จำนวนสมาชิกและยอดขายจากสมาชิก ซึ่งมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000 บาทต่อคนต่อครั้ง ความถี่เข้าร้าน 3 ครั้งต่อเดือน ซึ่งยอดใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าทั่วไปเท่าตัว และเข้าร้านเพียง 1 ครั้งต่อเดือน
สำหรับการทำซีอาร์เอ็มจะลงทุนซื้อซอฟท์แวร์ เพื่อนำมาใช้ในการทำระบบสมาชิกและซีอาร์เอ็ม ซึ่งเดิมมีแต่การให้ส่วนลดกับสมาชิกเท่านั้น แต่จากนี้ไปจะสามารทำอะไรได้มากขึ้นทั้งทำเองและร่วมมือกับพันธมิตร จากข้อมูลที่มีชัดเจนและเป็นระบบ หวังเพิ่มสมาชิกอีก 40% ในปีนี้
ด้านงบตลาดปีนี้ใช้ 20 ล้านบาท และรุกหนักสื่อโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งเฟซบุ๊คของบิษัทฯมีแฟนเพจแล้วกว่า 30,000 ราย ซึ่งจะใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมาย
นายชาญชัยกล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 30% แบ่งสัดส่วนรายได้และเติบโตดังนี้ สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ สัดส่วนรายได้ 50% เติบโต 20% สาขาพาราไดซ์พาร์ค 40% ปีนี้เติบโต 100% และสาขาจามจุรี 10 % คาดปีนี้เติบโต 15% ขณะที่สัดส่วนลูกค้าจะเป็นคนไทย 80% ต่างชาติ 20% และกลุ่มลูกค้าที่มีอายุมากกว่า 25 ปี สัดส่วน 60% อายุต่ำกว่า 25 ปี สัดส่วน 40%