ASTVผู้จัดการรายวัน - ‘ไทยน้ำทิพย์’ ลงทุนครั้งใหญ่กว่า 600 ล้านบาท เพิ่มไลน์การผลิตเทคโนโลยีล้ำรายแรกในกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ทั่วโลก รองรับการเติบโตของมินิทเมด และนวัตกรรมเครื่องดื่มใหม่ๆ
นายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯได้ลงทุนเพิ่มในไลน์การผลิตใหม่ที่ใช้นวัตกรรม ไนโตร-ฮอต-ฟิล (Nitro-Hot-Fill) มูลค่า 600 ล้านบาท สำหรับเครื่องดื่มชนิดไม่อัดลมในบรรจุภัณฑ์พีอีที เพื่อรองรับการเติบโตของเครื่องดื่มน้ำผลไม้แบรนด์มินิทเมด รวมถึงนวัตกรรมเครื่องดื่มน้ำผลไม้และอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคไทย
ทั้งนี้ ไทยน้ำทิพย์ นป็นบริษัทแรกในกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ทั่วโลกที่ติดตั้งไลน์การผลิตเทคโนโลยีใหม่นี้ โดยจะเป็นไลน์การผลิตความเร็วสูง และรองรับการผลิตบรรจุภัณฑ์พีอีทีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถลดปริมาณพลาสติกที่ใช้ผลิตขวดบรรจุภัณฑ์ต่อหน่วยลงได้ตั่งแต่ 13-20% ดังนั้นนวัตกรรมนี้นอกจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตแล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นายฆอเฮ การ์ดูโน ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การที่มินิทเมด พัลพิมียอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) ภายใน 5 ปีที่วางจำหน่าย นับเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของคุณภาพและรสชาติที่ถูกใจผู้บริโภค น้ำส้มผสมเนื้อส้มแท้คุณภาพจากธรรมชาติแบบพร้อมดื่มตรามินิทเมด พัลพิ คือนวัตกรรมแห่งความภาคภูมิใจของเรา
โดยเป็นแบรนด์แรกที่ได้รับการพัฒนาและเปิดตัวในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (emerging market) และได้รับการตอบรับอย่างสูงยิ่งจากผู้บริโภคในทุกๆ ประเทศที่วางจำหน่าย รวมถึงประเทศไทย มินิทเมด พัลพิ จึงนับเป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จของโคคา-โคลา ในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มคุณภาพให้สามารถขยายการผลิตและจำหน่ายไปทั่วโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“กลุ่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้พร้อมดื่มแบรนด์มินิทเมดในเมืองไทยมีอัตราการเติบโตระดับตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่องทุกปี และโตเร็วกว่าตลาดเครื่องดื่มในกลุ่มเดียวกัน ทำให้มินิทเมดก้าวเป็นแบรนด์น้ำผลไม้ที่ขายดีอันดับหนึ่งของไทย โดยมินิทเมด พัลพิ มียอดขายอันดับหนึ่งในโมเดิร์น เทรด และมินิทเมด สแปชมียอดขายอันดับหนึ่งในร้านค้าปลีกรายย่อยและร้านอาหาร เราจึงมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดน้ำผลไม้ในทุกๆ ด้าน รวมถึงการลงทุนในไลน์การผลิตใหม่ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด” นาย ฆอเฮ กล่าว
ปัจจุบัน มินิทเมด พัลพิ ประสบความสำเร็จในการบุกตลาดรวม 18 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย จีน อินโดนิเซีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ปากีสถาน ฮ่องกง คาซัคสถาน เม็กซิโก เกาหลี แอลจีเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย มองโกเลีย อินเดีย ศรีลังกา และมาเก๊า
นายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯได้ลงทุนเพิ่มในไลน์การผลิตใหม่ที่ใช้นวัตกรรม ไนโตร-ฮอต-ฟิล (Nitro-Hot-Fill) มูลค่า 600 ล้านบาท สำหรับเครื่องดื่มชนิดไม่อัดลมในบรรจุภัณฑ์พีอีที เพื่อรองรับการเติบโตของเครื่องดื่มน้ำผลไม้แบรนด์มินิทเมด รวมถึงนวัตกรรมเครื่องดื่มน้ำผลไม้และอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคไทย
ทั้งนี้ ไทยน้ำทิพย์ นป็นบริษัทแรกในกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ทั่วโลกที่ติดตั้งไลน์การผลิตเทคโนโลยีใหม่นี้ โดยจะเป็นไลน์การผลิตความเร็วสูง และรองรับการผลิตบรรจุภัณฑ์พีอีทีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถลดปริมาณพลาสติกที่ใช้ผลิตขวดบรรจุภัณฑ์ต่อหน่วยลงได้ตั่งแต่ 13-20% ดังนั้นนวัตกรรมนี้นอกจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตแล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นายฆอเฮ การ์ดูโน ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การที่มินิทเมด พัลพิมียอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) ภายใน 5 ปีที่วางจำหน่าย นับเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของคุณภาพและรสชาติที่ถูกใจผู้บริโภค น้ำส้มผสมเนื้อส้มแท้คุณภาพจากธรรมชาติแบบพร้อมดื่มตรามินิทเมด พัลพิ คือนวัตกรรมแห่งความภาคภูมิใจของเรา
โดยเป็นแบรนด์แรกที่ได้รับการพัฒนาและเปิดตัวในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (emerging market) และได้รับการตอบรับอย่างสูงยิ่งจากผู้บริโภคในทุกๆ ประเทศที่วางจำหน่าย รวมถึงประเทศไทย มินิทเมด พัลพิ จึงนับเป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จของโคคา-โคลา ในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มคุณภาพให้สามารถขยายการผลิตและจำหน่ายไปทั่วโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“กลุ่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้พร้อมดื่มแบรนด์มินิทเมดในเมืองไทยมีอัตราการเติบโตระดับตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่องทุกปี และโตเร็วกว่าตลาดเครื่องดื่มในกลุ่มเดียวกัน ทำให้มินิทเมดก้าวเป็นแบรนด์น้ำผลไม้ที่ขายดีอันดับหนึ่งของไทย โดยมินิทเมด พัลพิ มียอดขายอันดับหนึ่งในโมเดิร์น เทรด และมินิทเมด สแปชมียอดขายอันดับหนึ่งในร้านค้าปลีกรายย่อยและร้านอาหาร เราจึงมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดน้ำผลไม้ในทุกๆ ด้าน รวมถึงการลงทุนในไลน์การผลิตใหม่ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด” นาย ฆอเฮ กล่าว
ปัจจุบัน มินิทเมด พัลพิ ประสบความสำเร็จในการบุกตลาดรวม 18 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย จีน อินโดนิเซีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ปากีสถาน ฮ่องกง คาซัคสถาน เม็กซิโก เกาหลี แอลจีเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย มองโกเลีย อินเดีย ศรีลังกา และมาเก๊า