เอเอฟพี/รอยเตอร์ - คลื่นมหาชนชาวอียิปต์หลายแสนคนแห่เดินขบวนขับไล่ผู้นำประเทศครั้งใหญ่ที่กรุงไคโรและเมืองอเล็กซานเดรีย ตลอดจนเมืองสุเอซ ใน “วันรวมพลังมวลชน 1 ล้านคน” เมื่อวานนี้ อันเป็นการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และเป็นการกดดันประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัคอย่างหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่การลุกฮือจลาจลปะทุขึ้นเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนจนคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วประมาณ 300 ราย ขณะที่แกนนำการประท้วงยังกำหนดเส้นตายให้มูบารัคลาออกภายในวันศุกร์นี้ ขณะที่กองทัพอียิปต์แถลงยอมรับสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน และจะไม่ใช้กำลังต่อต้านประชาชน
ประชาชนชาวอียิปต์จำนวนหลายแสนคนหลั่งไหลเข้าสู่จัตุรัสตอห์รีร์ ศูนย์กลางการประท้วงในกรุงไคโรอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (1 ก.พ.) ก่อนจะร่วมชุมนุมเดินขบวนขับไล่ประธานาธิบดี มูบารัค ครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงเย็น ซึ่งทางกลุ่มแกนนำการประท้วงหวังจะระดมได้ถึงหลักล้านคน ภาพข่าวทางโทรทัศน์เผยให้เห็นบรรยากาศช่วงเที่ยงภายในจัตุรัสดังกล่าวซึ่งแน่นขนัดไปด้วยผู้คนพร้อมกับป้ายและธงซึ่งมีข้อความของการประท้วงโบกสะบัดพลิ้วไหว หลังจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวคลาคล่ำไปด้วยผู้คนอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำคืนวันจันทร์ (31 ม.ค.) เมื่อมีผู้ประท้วงบางส่วนปักหลักตั้งแคมป์ค้างคืน
รายงานข่าวระบุว่า ฝ่ายทหารอียิปต์ซึ่งก่อนหน้านี้ประกาศว่าจะไม่ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนของบรรดาพลเรือนผู้มาร่วมการประท้วงก่อนที่จะยอมปล่อยให้พวกเขาเดินผ่านเข้าไปยังจัตุรัส ขณะเดียวกันทางฝั่งแกนนำจัดการชุมนุมก็ได้ตรวจบัตรประชาชนของพวกเขาอีกรอบ ด้วยเกรงว่าบางคนจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวมาเป็นสายลับให้กับทางการ
ทั้งนี้ การประท้วงของประชาชนอียิปต์ดูมีโอกาสได้ชัยชนะเพิ่มขึ้นอีกมาก ขณะที่อนาคตของมูบารัคก็ทำท่าหดสั้นลงฮวบฮาบ เมื่อกองทัพได้ออกคำแถลงในคืนวันจันทร์ ระบุว่า “ถึงประชาชนชาวอียิปต์ผู้ยิ่งใหญ่ กองทัพของพวกท่าน รับทราบถึงสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน” พร้อมกับย้ำว่ากองทัพ “ไม่ได้ใช้และจะไม่ใช้กำลังต่อต้านประชาชนชาวอียิปต์”
ส่วนบรรยากาศการประท้วงภายในจัตุรัสตอห์รีร์นั้น ตลอดวานนี้มีการปลุกระดมขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัคอยู่เป็นระยะๆ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องกันเกรียวกราว โดยที่ผู้ประท้วงบางคนยังได้นำหุ่นจำลองของมูบารัคมาแขวนในสภาพถูกแขวนคอไว้ใกล้กับไฟสัญญาณจราจรอีกด้วย
“ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะตาย” โอซามา อาลาม หนึ่งในผู้ชุมนุมซึ่งสวมเสื้อแจ็กเก็ตกับกางเกงยีนส์พร้อมผูกเน็กไทกล่าว
“หากผมตายตอนนี้ คนในครอบครัวผมทั้งหมดจะภูมิใจในตัวผม นี่คือสิ่งที่ประชาชนอียิปต์ต้องการ” อาลาม วัย 43 ปีซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความ บอก
“การปฏิวัติคราวนี้ไม่ใช่ทั้งของพรรคการเมือง, กลุ่มมุสลิม, หรือกลุ่มคนใดๆ หากแต่เป็นเพียงประชาชนจนๆ ของอียิปต์” ชายสูงอายุคนหนึ่งซึ่งปฏิเสธไม่บอกชื่อกล่าว ในระหว่างที่ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งแบกโลงศพจำลองของมูบารัคเดินผ่านเขาไป
“อิสระภาพหรือความตาย!” ตาเรก ชาบาสซี หนึ่งในผู้ชุมนุมร้องตะโกน “ผมพร้อมจะอยู่ที่นี่ 10, 20, 30 ปี ความตายไม่มีความหมายสำหรับผมอีกต่อไปเพราะผมได้ตายมาแล้ว 30 ปี นับตั้งแต่ที่มูบารัคยึดครองอำนาจ”
ขณะที่ในเมืองอเล็กซานเดรีย เมืองใหญ่อันดับสองของอียิปต์ ก็มีรายงานว่าผู้ประท้วงจำนวนเรือนแสนได้เดินขบวนขับไล่รัฐบาลกันที่บริเวณด้านหน้าของมัสยิดกอเอ็ด อิบรอฮิม ใกล้กับสถานีเอล-รอมละ โดยที่กลุ่มผู้ประท้วงได้โบกธงชาติอียิปต์ โดยที่บางผืนมีข้อความเขียนไว้ว่า “ออกไปไอ้เศษสวะ ไปอยู่กับซิเน เอล อาบีดีนโน่น” ซึ่งพวกเขาหมายถึงอดีตผู้นำเผด็จการของตูนิเซียซึ่งเพิ่งถูกโค่นอำนาจไปเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่ามีประชาชนจำนวนมากชุมนุมประท้วงกันที่เมืองสุเอซอีกด้วย
ทางด้าน คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อติดตามผลการเรียกร้องของประชาชน ซึ่งเป็นองค์กรเครือข่ายฝ่ายค้านที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น ได้ออกคำแถลงวานนี้ระบุว่า ทางฝ่ายค้านจะไม่เจรจาใดๆ ทั้งสิ้นกับฝ่ายรัฐบาล จนกว่ามูบารัคจะ “ออกไป” ข่าวบอกว่ากลุ่มต่างๆ ที่เข้าร่วมในองค์กรเครือข่ายฝ่ายค้านนี้มีทั้ง สมาคมแห่งชาติเพื่อการเปลี่ยนแปลงของ โมฮัมเหม็ด เอลบาราเด อดีตผู้อำนวยการใหญ่ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ), กลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ที่เป็นพวกอิสลามิสต์ทรงอิทธิพลที่ถูกมูบารัคปราบปรามเรื่อยมา, ตลอดจนพรรคการเมืองต่างๆ และบรรดาบุคคลสำคัญๆ
ด้านเอลบาราเด ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนต์ของอังกฤษในฉบับวานนี้ (1 ก.พ.) ระบุว่า ประธานาธิบดีมูบารัคควรลาออกไปเสียหากเขายังต้องการรักษาชีวิตเอาไว้
“เมื่อรัฐบาลถอนกำลังตำรวจทั้งหมดออกไปจากถนนสายต่างๆ ในกรุงไคโร เมื่อคนโหดร้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตำรวจลับ เพื่อพยายามทำให้ประจักษ์ว่าหากไม่มีมูบารัค ประเทศแห่งนี้จะตกอยู่ในภาวะโกลาหลนั้น ถือเป็นการกระทำเยี่ยงอาชญากร ใครบางคนควรจะต้องรับผิดชอบ” เขากล่าวกับอินดิเพนเดนต์
“และบัดนี้ เมื่อคุณยังสามารถได้ยินได้ฟังเสียงจากผู้คนบนท้องถนน พวกเขาต่างก็ไม่ได้ร้องตะโกนว่ามูบารัคควรออกไปอีกต่อไปแล้ว หากแต่พวกเขากำลังโห่ร้องว่าเขาควรถูกจับดำเนินคดีแล้วต่างหาก เพราะฉะนั้นหากเขายังต้องการรักษาเลือดเนื้อเอาไว้ เขาควรจะรีบไปให้พ้นๆ ซะ” เอลบาราเด ระบุ
จากนั้นเขาก็ได้ประกาศผ่านโทรทัศน์ดาวเทียมอัล-อาระเบียโดยขีดเส้นตายให้ประธานาธิบดีมูบารัคลาออกภายในวันศุกร์นี้
“สิ่งที่ผมได้ยิน (จากผู้ประท้วง) ก็คือ พวกเขาต้องการให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว หากไม่ใช่วานนี้ (1ก.พ.) อย่างช้าที่สุดก็วันศุกร์ (4 ก.พ.)” เอลบาราเด เจ้าของรางวัลโนเบลและอดีตหัวหน้าผู้ตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติ ระบุ พร้อมกับกล่าวเสริมด้วยว่า ชาวอียิปต์ต่างระบุให้วันศุกร์นี้เป็นวันแห่งการลาจาก
“ผมหวังว่าประธานาธิบดีมูบารัคจะออกก่อนเส้นตายนี้และไปให้พ้นจากประเทศหลังจากปกครองมายาวนานกว่า 30 ปี ผมไม่คิดว่าเขาต้องการจะเห็นการนองเลือดมากกว่านี้” เอลบาราเด บอก
ประชาชนชาวอียิปต์จำนวนหลายแสนคนหลั่งไหลเข้าสู่จัตุรัสตอห์รีร์ ศูนย์กลางการประท้วงในกรุงไคโรอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (1 ก.พ.) ก่อนจะร่วมชุมนุมเดินขบวนขับไล่ประธานาธิบดี มูบารัค ครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงเย็น ซึ่งทางกลุ่มแกนนำการประท้วงหวังจะระดมได้ถึงหลักล้านคน ภาพข่าวทางโทรทัศน์เผยให้เห็นบรรยากาศช่วงเที่ยงภายในจัตุรัสดังกล่าวซึ่งแน่นขนัดไปด้วยผู้คนพร้อมกับป้ายและธงซึ่งมีข้อความของการประท้วงโบกสะบัดพลิ้วไหว หลังจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวคลาคล่ำไปด้วยผู้คนอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำคืนวันจันทร์ (31 ม.ค.) เมื่อมีผู้ประท้วงบางส่วนปักหลักตั้งแคมป์ค้างคืน
รายงานข่าวระบุว่า ฝ่ายทหารอียิปต์ซึ่งก่อนหน้านี้ประกาศว่าจะไม่ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนของบรรดาพลเรือนผู้มาร่วมการประท้วงก่อนที่จะยอมปล่อยให้พวกเขาเดินผ่านเข้าไปยังจัตุรัส ขณะเดียวกันทางฝั่งแกนนำจัดการชุมนุมก็ได้ตรวจบัตรประชาชนของพวกเขาอีกรอบ ด้วยเกรงว่าบางคนจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวมาเป็นสายลับให้กับทางการ
ทั้งนี้ การประท้วงของประชาชนอียิปต์ดูมีโอกาสได้ชัยชนะเพิ่มขึ้นอีกมาก ขณะที่อนาคตของมูบารัคก็ทำท่าหดสั้นลงฮวบฮาบ เมื่อกองทัพได้ออกคำแถลงในคืนวันจันทร์ ระบุว่า “ถึงประชาชนชาวอียิปต์ผู้ยิ่งใหญ่ กองทัพของพวกท่าน รับทราบถึงสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน” พร้อมกับย้ำว่ากองทัพ “ไม่ได้ใช้และจะไม่ใช้กำลังต่อต้านประชาชนชาวอียิปต์”
ส่วนบรรยากาศการประท้วงภายในจัตุรัสตอห์รีร์นั้น ตลอดวานนี้มีการปลุกระดมขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัคอยู่เป็นระยะๆ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องกันเกรียวกราว โดยที่ผู้ประท้วงบางคนยังได้นำหุ่นจำลองของมูบารัคมาแขวนในสภาพถูกแขวนคอไว้ใกล้กับไฟสัญญาณจราจรอีกด้วย
“ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะตาย” โอซามา อาลาม หนึ่งในผู้ชุมนุมซึ่งสวมเสื้อแจ็กเก็ตกับกางเกงยีนส์พร้อมผูกเน็กไทกล่าว
“หากผมตายตอนนี้ คนในครอบครัวผมทั้งหมดจะภูมิใจในตัวผม นี่คือสิ่งที่ประชาชนอียิปต์ต้องการ” อาลาม วัย 43 ปีซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความ บอก
“การปฏิวัติคราวนี้ไม่ใช่ทั้งของพรรคการเมือง, กลุ่มมุสลิม, หรือกลุ่มคนใดๆ หากแต่เป็นเพียงประชาชนจนๆ ของอียิปต์” ชายสูงอายุคนหนึ่งซึ่งปฏิเสธไม่บอกชื่อกล่าว ในระหว่างที่ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งแบกโลงศพจำลองของมูบารัคเดินผ่านเขาไป
“อิสระภาพหรือความตาย!” ตาเรก ชาบาสซี หนึ่งในผู้ชุมนุมร้องตะโกน “ผมพร้อมจะอยู่ที่นี่ 10, 20, 30 ปี ความตายไม่มีความหมายสำหรับผมอีกต่อไปเพราะผมได้ตายมาแล้ว 30 ปี นับตั้งแต่ที่มูบารัคยึดครองอำนาจ”
ขณะที่ในเมืองอเล็กซานเดรีย เมืองใหญ่อันดับสองของอียิปต์ ก็มีรายงานว่าผู้ประท้วงจำนวนเรือนแสนได้เดินขบวนขับไล่รัฐบาลกันที่บริเวณด้านหน้าของมัสยิดกอเอ็ด อิบรอฮิม ใกล้กับสถานีเอล-รอมละ โดยที่กลุ่มผู้ประท้วงได้โบกธงชาติอียิปต์ โดยที่บางผืนมีข้อความเขียนไว้ว่า “ออกไปไอ้เศษสวะ ไปอยู่กับซิเน เอล อาบีดีนโน่น” ซึ่งพวกเขาหมายถึงอดีตผู้นำเผด็จการของตูนิเซียซึ่งเพิ่งถูกโค่นอำนาจไปเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่ามีประชาชนจำนวนมากชุมนุมประท้วงกันที่เมืองสุเอซอีกด้วย
ทางด้าน คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อติดตามผลการเรียกร้องของประชาชน ซึ่งเป็นองค์กรเครือข่ายฝ่ายค้านที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น ได้ออกคำแถลงวานนี้ระบุว่า ทางฝ่ายค้านจะไม่เจรจาใดๆ ทั้งสิ้นกับฝ่ายรัฐบาล จนกว่ามูบารัคจะ “ออกไป” ข่าวบอกว่ากลุ่มต่างๆ ที่เข้าร่วมในองค์กรเครือข่ายฝ่ายค้านนี้มีทั้ง สมาคมแห่งชาติเพื่อการเปลี่ยนแปลงของ โมฮัมเหม็ด เอลบาราเด อดีตผู้อำนวยการใหญ่ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ), กลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ที่เป็นพวกอิสลามิสต์ทรงอิทธิพลที่ถูกมูบารัคปราบปรามเรื่อยมา, ตลอดจนพรรคการเมืองต่างๆ และบรรดาบุคคลสำคัญๆ
ด้านเอลบาราเด ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนต์ของอังกฤษในฉบับวานนี้ (1 ก.พ.) ระบุว่า ประธานาธิบดีมูบารัคควรลาออกไปเสียหากเขายังต้องการรักษาชีวิตเอาไว้
“เมื่อรัฐบาลถอนกำลังตำรวจทั้งหมดออกไปจากถนนสายต่างๆ ในกรุงไคโร เมื่อคนโหดร้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตำรวจลับ เพื่อพยายามทำให้ประจักษ์ว่าหากไม่มีมูบารัค ประเทศแห่งนี้จะตกอยู่ในภาวะโกลาหลนั้น ถือเป็นการกระทำเยี่ยงอาชญากร ใครบางคนควรจะต้องรับผิดชอบ” เขากล่าวกับอินดิเพนเดนต์
“และบัดนี้ เมื่อคุณยังสามารถได้ยินได้ฟังเสียงจากผู้คนบนท้องถนน พวกเขาต่างก็ไม่ได้ร้องตะโกนว่ามูบารัคควรออกไปอีกต่อไปแล้ว หากแต่พวกเขากำลังโห่ร้องว่าเขาควรถูกจับดำเนินคดีแล้วต่างหาก เพราะฉะนั้นหากเขายังต้องการรักษาเลือดเนื้อเอาไว้ เขาควรจะรีบไปให้พ้นๆ ซะ” เอลบาราเด ระบุ
จากนั้นเขาก็ได้ประกาศผ่านโทรทัศน์ดาวเทียมอัล-อาระเบียโดยขีดเส้นตายให้ประธานาธิบดีมูบารัคลาออกภายในวันศุกร์นี้
“สิ่งที่ผมได้ยิน (จากผู้ประท้วง) ก็คือ พวกเขาต้องการให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว หากไม่ใช่วานนี้ (1ก.พ.) อย่างช้าที่สุดก็วันศุกร์ (4 ก.พ.)” เอลบาราเด เจ้าของรางวัลโนเบลและอดีตหัวหน้าผู้ตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติ ระบุ พร้อมกับกล่าวเสริมด้วยว่า ชาวอียิปต์ต่างระบุให้วันศุกร์นี้เป็นวันแห่งการลาจาก
“ผมหวังว่าประธานาธิบดีมูบารัคจะออกก่อนเส้นตายนี้และไปให้พ้นจากประเทศหลังจากปกครองมายาวนานกว่า 30 ปี ผมไม่คิดว่าเขาต้องการจะเห็นการนองเลือดมากกว่านี้” เอลบาราเด บอก