ปีทองอุตสาหกรรมอีเว้นท์ 3งานยักษ์ดันโต 20-25% หลังกลับมาเติบโต 10%ในปีก่อน “อินเด็กซ์” เท 100 ล้าน เพิ่มอุปกรณ์ -ผุด 2 บิซิเนสยูนิตใหม่ หลังปีก่อนรายได้รวมงานเวิล์ดเอ็กซ์โปทะลุ 2,071 ล้านบาท โต28% มั่นใจปีนี้เติบโตอีก 19%
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ คลีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอีเว้นท์ในปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 10% คิดเป็นมูลค่ากว่า 13,750 ล้านบาท ถือเป็นการกลับมาเติบโตอีกครั้งในรอบ 3 ปี เนื่องจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยในปีนี้เชื่อว่า เป็นปีทองของอุตสาหกรรมอีเว้นท์อีกครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ถึงแม้การเมืองอาจจะยังไม่นิ่งแต่ประเทศไทยปรับตัวรบมือได้อยู่แล้ว บวกกับในปีนี้จะมีการจัดบิ๊กอีเว้นท์ถึง 3 งาน คือ BOI Fair, งานเฉลิมฉลองครบรอบ 84 พรรษา และการเลือกตั้ง มั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดในปีนี้ อุตสาหกรรมอีเว้นท์จะเติบโตได้อีก20-25%
ในส่วนของอินเด็กซ์นั้น ในปีที่ผ่านมา จากการที่มีงานเวิล์ดเอ็กซ์โปเข้ามา ส่งผลให้บริษัทมีภาพรวมรายได้เติบโตถึง 28% คิดเป็นมูลค่าได้กว่า 20,71 ล้านบาท และเมื่อตัดเอางานเวิล์ดเอ็กซ์โปออกไป 396 ล้านบาท จะมีรายได้อยู่ที่ 1675 ล้านบาท จากรายได้ทั้งหมด 14 ยูนิต โดยมีเพียง 2 ยูนิตเท่านั้นที่ไม่ทำเงิน คือ 1.เพอร์เซอนัล แบรนด์ดิ้ง กับ บริษัท ยังดีที่ปีก่อนไม่มีการจัดงานคอนเสิร์ต และ 2.อินเตอร์แรกทีฟ มีเดีย ซึ่งจะต้องมีเปิดให้บริการในเซ็นทรัลเวิล์ด แต่ต้องปิดให้บริการลงไป จึงไม่เกิดรายได้ แต่ในปีนี้ ทั้ง 2 ยูนิต จะกลับมาสร้างรายได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในปีนี้ ทางบริษัทได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ในการลงทุนด้านอุปกรณ์ และเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ รองรับงานอีเว้นท์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันยังได้ขยายนิวบิซิเนสยูนิตใหม่ขึ้นมาอีก 2 ยูนิต คือ 1. ธุรกิจด้าน Pracademics เกี่ยวกับการศึกษา เช่น จับมือกับทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เตรียมเปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต - เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และพัฒนาธุรกิจ:M.B.A-Creative Economy & Business Development 2.MICE เป็นปีแรกที่จะเข้าไปบุกธุรกิจMICE ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้เข้ามาจัดงานMICEในประเทศไทย เน้นตลาดเอเชีย และ จีน เป็นหลัก ซึ่งรายได้จาก 2 บิซิเนสยูนิตใหม่นี้ ปลายปีอาจจะเริ่มรับรู้รายได้บ้างเล็กน้อย แต่ในปีหน้าจะเห็นตัวเลขที่ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ ปีนี้ทางอินเด็กซ์ ยังเข้ามาเน้นในธุรกิจการรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์มากยิ่งขึ้น จากปีก่อนมีเพียง 2-3 รายการ ปีนี้อย่างต่ำจะได้เห็นถึง 8-9 รายการ เช่น ต้นศิลปะ กำลังออกอากาศทางทีวีไทย ทุกวันอังคาร เวลา 21.00-22.00น., กระตุกต่อมคิด กำลังจะออกอากาศทางทีวีไทยเร็วๆนี้, กวีตั้งไข่ จะออกทางทีวีไทยเร็วๆนี้ เช่นกัน, เข้าใจ MICE ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ ทางช่อง 5 ในเดือนม.ค.-ส.ค.นี้, ต่อยอด ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 16.55-17.25น. ทางเคเบิลทีวี ช่องMoney Channel, ไอเดียไทย สกู้ปพิเศษ 2 นาที ออกทางช่อง 5 และช่อง9, เอกเขนก ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.30น. ทาง True inside ช่อง61, Star Hunt ทางTrue inside ช่อง61 ทุกวันพฤหัสบดีเวลา 21.30 น.
จากแผนการดำเนินงานที่กล่าวมา คาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 20,71 ล้านบาท อาจจะเห็นว่าไม่เติบโต แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีการเติบโตขึ้น 19% เทียบกับรายได้ธุรกิจเดิมที่ไม่รวมรายได้จากเวิล์ดเอ็กโปเข้ามา ขณะที่ปีนี้รายได้จากภาครัฐจะอยู่ที่ 40% และเอกชน 60% จากปีก่อนรายได้จากภาครัฐจะสูงถึง 60% เนื่องจากได้งานเวิล์ดเอ็กซ์โปเข้ามา และเอกชนขยับมาเป็น 40% แทน
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ คลีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอีเว้นท์ในปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 10% คิดเป็นมูลค่ากว่า 13,750 ล้านบาท ถือเป็นการกลับมาเติบโตอีกครั้งในรอบ 3 ปี เนื่องจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยในปีนี้เชื่อว่า เป็นปีทองของอุตสาหกรรมอีเว้นท์อีกครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ถึงแม้การเมืองอาจจะยังไม่นิ่งแต่ประเทศไทยปรับตัวรบมือได้อยู่แล้ว บวกกับในปีนี้จะมีการจัดบิ๊กอีเว้นท์ถึง 3 งาน คือ BOI Fair, งานเฉลิมฉลองครบรอบ 84 พรรษา และการเลือกตั้ง มั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดในปีนี้ อุตสาหกรรมอีเว้นท์จะเติบโตได้อีก20-25%
ในส่วนของอินเด็กซ์นั้น ในปีที่ผ่านมา จากการที่มีงานเวิล์ดเอ็กซ์โปเข้ามา ส่งผลให้บริษัทมีภาพรวมรายได้เติบโตถึง 28% คิดเป็นมูลค่าได้กว่า 20,71 ล้านบาท และเมื่อตัดเอางานเวิล์ดเอ็กซ์โปออกไป 396 ล้านบาท จะมีรายได้อยู่ที่ 1675 ล้านบาท จากรายได้ทั้งหมด 14 ยูนิต โดยมีเพียง 2 ยูนิตเท่านั้นที่ไม่ทำเงิน คือ 1.เพอร์เซอนัล แบรนด์ดิ้ง กับ บริษัท ยังดีที่ปีก่อนไม่มีการจัดงานคอนเสิร์ต และ 2.อินเตอร์แรกทีฟ มีเดีย ซึ่งจะต้องมีเปิดให้บริการในเซ็นทรัลเวิล์ด แต่ต้องปิดให้บริการลงไป จึงไม่เกิดรายได้ แต่ในปีนี้ ทั้ง 2 ยูนิต จะกลับมาสร้างรายได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในปีนี้ ทางบริษัทได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ในการลงทุนด้านอุปกรณ์ และเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ รองรับงานอีเว้นท์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันยังได้ขยายนิวบิซิเนสยูนิตใหม่ขึ้นมาอีก 2 ยูนิต คือ 1. ธุรกิจด้าน Pracademics เกี่ยวกับการศึกษา เช่น จับมือกับทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เตรียมเปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต - เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และพัฒนาธุรกิจ:M.B.A-Creative Economy & Business Development 2.MICE เป็นปีแรกที่จะเข้าไปบุกธุรกิจMICE ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้เข้ามาจัดงานMICEในประเทศไทย เน้นตลาดเอเชีย และ จีน เป็นหลัก ซึ่งรายได้จาก 2 บิซิเนสยูนิตใหม่นี้ ปลายปีอาจจะเริ่มรับรู้รายได้บ้างเล็กน้อย แต่ในปีหน้าจะเห็นตัวเลขที่ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ ปีนี้ทางอินเด็กซ์ ยังเข้ามาเน้นในธุรกิจการรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์มากยิ่งขึ้น จากปีก่อนมีเพียง 2-3 รายการ ปีนี้อย่างต่ำจะได้เห็นถึง 8-9 รายการ เช่น ต้นศิลปะ กำลังออกอากาศทางทีวีไทย ทุกวันอังคาร เวลา 21.00-22.00น., กระตุกต่อมคิด กำลังจะออกอากาศทางทีวีไทยเร็วๆนี้, กวีตั้งไข่ จะออกทางทีวีไทยเร็วๆนี้ เช่นกัน, เข้าใจ MICE ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ ทางช่อง 5 ในเดือนม.ค.-ส.ค.นี้, ต่อยอด ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 16.55-17.25น. ทางเคเบิลทีวี ช่องMoney Channel, ไอเดียไทย สกู้ปพิเศษ 2 นาที ออกทางช่อง 5 และช่อง9, เอกเขนก ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.30น. ทาง True inside ช่อง61, Star Hunt ทางTrue inside ช่อง61 ทุกวันพฤหัสบดีเวลา 21.30 น.
จากแผนการดำเนินงานที่กล่าวมา คาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 20,71 ล้านบาท อาจจะเห็นว่าไม่เติบโต แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีการเติบโตขึ้น 19% เทียบกับรายได้ธุรกิจเดิมที่ไม่รวมรายได้จากเวิล์ดเอ็กโปเข้ามา ขณะที่ปีนี้รายได้จากภาครัฐจะอยู่ที่ 40% และเอกชน 60% จากปีก่อนรายได้จากภาครัฐจะสูงถึง 60% เนื่องจากได้งานเวิล์ดเอ็กซ์โปเข้ามา และเอกชนขยับมาเป็น 40% แทน
