ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลจำคุก “สุชาติ ภูมี”ผู้ช่วยสัปเหร่อวัดไผ่เงิน 8,008 เดือน คดีซุกซ่อนซากทารก 2,002 ศพ แต่คำรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4,004 เดือน ติดคุกจริง 20 ปี ส่วนสัปเหร่อวัดไผ่เงิน“สุเทพ ชะบางบอน”ให้การปฏิเสธพร้อมยื่นคำแถลงขอต่อสู้คดี ศาลให้อัยการแยกสำนวนฟ้องใหม่ภายใน 7 วัน
วานนี้(27 ม.ค.)ที่ห้องพิจารณา 402 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ด.19/2554 ที่นายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุชาติ ภูมี อายุ 39 ปี ผู้ช่วยสัปเหร่อวัดไผ่เงินโชตนาราม และนายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 47 ปี สัปเหร่อวัดไผ่เงินฯ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้นพยานหลักฐานในการกระทำความผิดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ต้องรับโทษทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญาม. 184 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 1 พ.ย.52 - 13 พ.ย.53 จำเลยทั้งสองร่วมกันรับซากทารกที่ทำแท้ง 2,002 ศพ มาจาก น.ส.ลัญฉกร จันทมนัส อดีตผู้ช่วยพยาบาลที่เปิดคลินิกทำแท้ง ย่านหนองแขม เพื่อทำลายซากทารกที่วัดไผ่เงิน
ศาลได้สอบคำให้การจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 7 ม.ค.แล้ว ให้การรับสารภาพ แต่ภายหลังนายสุเทพ จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำให้การใหม่เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ขอให้การปฏิเสธสู้คดี
ศาลจึงมีคำพิพากษาเฉพาะในส่วนที่นายสุชาติ จำเลยที่ 1 ที่ให้การรับสารภาพ โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน ประกอบคำรับสารภาพแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ระหว่างวันที่ 1 พ.ย.52 - 13 พ.ย.53 จำเลยที่ 1 ได้ ร่วมกับ น.ส.ลัญฉกร และบุคคลที่ไม่มีชื่อตามในทางสอบสวนว่าเป็นใครช่วยเหลือนำซากศพทารกจากการทำแท้งหญิงอื่น จำนวน 2,002 ศพไปเก็บไว้ที่วัดไผ่เงินไม่ให้บุคคลอื่นเห็น เพื่อเผาทำลาย
การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามมาตรา 184 ประกอบมาตรา 83 อันเป็นการกระทำผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษจำคุก 2,002 กระทง ๆ ละ 4 เดือน รวมจำคุก 8,008 เดือน หรือ 666 ปี เศษ คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4,004 เดือน หรือ 333 ปีเศษ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกนายสุชาติ จำเลยที่ 1 ไว้ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่กำหนดไว้จำคุกไม่เกิน 20 ปี
ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งให้การปฏิเสธก็ให้อัยการโจทก์ยื่นคำฟ้องใหม่ต่อศาลภายใน 7 วัน โดยให้นายประกัน นำตัวจำเลยที่ 2 มาส่งฟ้องด้วย
ด้านนายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการเจ้าของสำนวน กล่าวว่า คดีนี้นายสุเทพ จำเลยที่ 2 แถลงขอสู้คดี จึงต้องแยกสำนวนและยื่นฟ้องใหม่ ภายใน 7 วัน คาดว่าสามารถยื่นฟ้องได้ภายใน 5 วัน ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกแล้วนั้นสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ตามกฎหมาย
ส่วนพี่ชายของนายสุเทพ กล่าวว่า ที่นายสุเทพ ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี เพราะไม่ได้กระทำผิด โดยที่ผ่านมาถูกบังคับให้เซ็นคำรับสารภาพ เนื่องจาก นายสุเทพ อ่านหนังสือไม่ออก
วานนี้(27 ม.ค.)ที่ห้องพิจารณา 402 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ด.19/2554 ที่นายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุชาติ ภูมี อายุ 39 ปี ผู้ช่วยสัปเหร่อวัดไผ่เงินโชตนาราม และนายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 47 ปี สัปเหร่อวัดไผ่เงินฯ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้นพยานหลักฐานในการกระทำความผิดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ต้องรับโทษทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญาม. 184 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 1 พ.ย.52 - 13 พ.ย.53 จำเลยทั้งสองร่วมกันรับซากทารกที่ทำแท้ง 2,002 ศพ มาจาก น.ส.ลัญฉกร จันทมนัส อดีตผู้ช่วยพยาบาลที่เปิดคลินิกทำแท้ง ย่านหนองแขม เพื่อทำลายซากทารกที่วัดไผ่เงิน
ศาลได้สอบคำให้การจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 7 ม.ค.แล้ว ให้การรับสารภาพ แต่ภายหลังนายสุเทพ จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำให้การใหม่เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ขอให้การปฏิเสธสู้คดี
ศาลจึงมีคำพิพากษาเฉพาะในส่วนที่นายสุชาติ จำเลยที่ 1 ที่ให้การรับสารภาพ โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน ประกอบคำรับสารภาพแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ระหว่างวันที่ 1 พ.ย.52 - 13 พ.ย.53 จำเลยที่ 1 ได้ ร่วมกับ น.ส.ลัญฉกร และบุคคลที่ไม่มีชื่อตามในทางสอบสวนว่าเป็นใครช่วยเหลือนำซากศพทารกจากการทำแท้งหญิงอื่น จำนวน 2,002 ศพไปเก็บไว้ที่วัดไผ่เงินไม่ให้บุคคลอื่นเห็น เพื่อเผาทำลาย
การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามมาตรา 184 ประกอบมาตรา 83 อันเป็นการกระทำผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษจำคุก 2,002 กระทง ๆ ละ 4 เดือน รวมจำคุก 8,008 เดือน หรือ 666 ปี เศษ คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4,004 เดือน หรือ 333 ปีเศษ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกนายสุชาติ จำเลยที่ 1 ไว้ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่กำหนดไว้จำคุกไม่เกิน 20 ปี
ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งให้การปฏิเสธก็ให้อัยการโจทก์ยื่นคำฟ้องใหม่ต่อศาลภายใน 7 วัน โดยให้นายประกัน นำตัวจำเลยที่ 2 มาส่งฟ้องด้วย
ด้านนายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการเจ้าของสำนวน กล่าวว่า คดีนี้นายสุเทพ จำเลยที่ 2 แถลงขอสู้คดี จึงต้องแยกสำนวนและยื่นฟ้องใหม่ ภายใน 7 วัน คาดว่าสามารถยื่นฟ้องได้ภายใน 5 วัน ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกแล้วนั้นสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ตามกฎหมาย
ส่วนพี่ชายของนายสุเทพ กล่าวว่า ที่นายสุเทพ ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี เพราะไม่ได้กระทำผิด โดยที่ผ่านมาถูกบังคับให้เซ็นคำรับสารภาพ เนื่องจาก นายสุเทพ อ่านหนังสือไม่ออก