ASTVผู้จัดการรายวัน-สหภาพฯ ร.ฟ.ท.กระทุ้งผู้บริหาร ทวงค่าทำงานเกินเวลา เผยค้างมาตั้งแต่ปี 49 เป็นเงินกว่า 1,700 ล้านบาท "สุพจน์” รับปากที่ประชุมบอร์ดวันนี้ อนุมัติจ่ายได้ 3 เดือนก่อน เหตุมีเงินเพียง 74 ล้านบาท ย้อนหลังต้องหางบใหม่
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (25 ม.ค.) ตัวแทนสหภาพฯ ได้เข้าพบนายวิโรจน์ เตรียมพงศ์พันธ์ รองผู้ว่าฯร.ฟ.ท. เพื่อติดตามเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนการทำงานเกินกว่าเวลาปกติ ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับมาตรฐานสภาพการจ้างขั้นต่ำของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งร.ฟ.ท.ไม่ได้จ่ายให้พนักงานตั้งแต่ปี 2549 รวมเป็นเงินกว่า 1,700 ล้านบาท และที่ผ่านมา ได้มีการทวงถามหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ครั้งนี้ผู้บริหารร.ฟ.รับปากว่าจะนำเรื่องเสนอคณะกรรมการร.ฟ.ท. ที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิจารณาในการประชุมวันนี้ (26 ม.ค.)
เบื้องต้น ร.ฟ.ท.ระบุว่ามีเงินอยู่ประมาณ 74 ล้านบาท โดยจะเสนอบอร์ดร.ฟ.ท.ขอนำมาจ่ายค่าตอบแทนพนักงานในการทำงานช่วงเดือนต.ค.–ธ.ค.2553 ก่อน รวมทั้งจะหารือร่วมกับสหภาพฯ ร.ฟ.ท.อีกครั้ง ถึงแนวทางการจ่ายค่าตอบแทนที่ยังค้างอยู่
“ค่าตอบแทนการทำงานเกินกว่าเวลาปกติดังกล่าว พนักงานสามารถเบิกเงินตามค่าจ้างรายชั่วโมงที่ทำงาน โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานบนขบวนรถกว่า 3,000 คน ที่ผ่านมา ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ จึงไม่ออกระเบียบการจ่ายเงินให้สอดคล้องกับมาตรฐานสภาพการจ้างของรัฐวิสาหกิจที่ประกาศเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2549 จึงทำให้เม็ดเงินสะสมมากขึ้นถึงกว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งหากปล่อยไปเม็ดเงินก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นจนมาสามารถหางบประมาณมาจ่ายให้พนักงานได้”นายสาวิทย์กล่าว
นอกจากนี้ สหภาพฯ กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการปรับปรุงร.ฟ.ท.ภายใต้งบไทยเข้มแข็ง ว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ เช่น กรณีการปรับปรุงและซ่อมทางรถไฟช่วง ทุ่งสง-ปากคลอง (จ.พัทลุง) โดยงบไทยเข้มแข็งกว่า 150 ล้านบาท เมื่อเดือนพ.ย. 2553 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นก็ยังมีอุบัติเหตุรถไฟตกราง โดยในเดือนธ.ค. 2553 รถไฟตกรางถึง 2 ขบวนคือ ขบวนที่ 83 กรุงเทพฯ-ตรังและขบวนที่ 41 กรุงเทพฯ-ยะลา
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ดร.ฟ.ท. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาการขาดงบประมาณ ดังนั้น ก็จะต้องหาแนวทางแก้ไขต่อไป โดยขณะนี้ร.ฟ.ท.รายงานว่ามีงบประมาณ 74 ล้านบาท ที่สามารถนำมาจ่ายค่าตอบแทนในช่วง 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.53 ) ได้ โดยบอร์ดจะพิจารณาให้และหลังจากนี้จะต้องพยายามจ่ายเงินให้แก่พนักงาน เพื่อไม่ให้ติดค้าง
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (25 ม.ค.) ตัวแทนสหภาพฯ ได้เข้าพบนายวิโรจน์ เตรียมพงศ์พันธ์ รองผู้ว่าฯร.ฟ.ท. เพื่อติดตามเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนการทำงานเกินกว่าเวลาปกติ ตามกฎหมายที่เกี่ยวกับมาตรฐานสภาพการจ้างขั้นต่ำของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งร.ฟ.ท.ไม่ได้จ่ายให้พนักงานตั้งแต่ปี 2549 รวมเป็นเงินกว่า 1,700 ล้านบาท และที่ผ่านมา ได้มีการทวงถามหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ครั้งนี้ผู้บริหารร.ฟ.รับปากว่าจะนำเรื่องเสนอคณะกรรมการร.ฟ.ท. ที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิจารณาในการประชุมวันนี้ (26 ม.ค.)
เบื้องต้น ร.ฟ.ท.ระบุว่ามีเงินอยู่ประมาณ 74 ล้านบาท โดยจะเสนอบอร์ดร.ฟ.ท.ขอนำมาจ่ายค่าตอบแทนพนักงานในการทำงานช่วงเดือนต.ค.–ธ.ค.2553 ก่อน รวมทั้งจะหารือร่วมกับสหภาพฯ ร.ฟ.ท.อีกครั้ง ถึงแนวทางการจ่ายค่าตอบแทนที่ยังค้างอยู่
“ค่าตอบแทนการทำงานเกินกว่าเวลาปกติดังกล่าว พนักงานสามารถเบิกเงินตามค่าจ้างรายชั่วโมงที่ทำงาน โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานบนขบวนรถกว่า 3,000 คน ที่ผ่านมา ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ จึงไม่ออกระเบียบการจ่ายเงินให้สอดคล้องกับมาตรฐานสภาพการจ้างของรัฐวิสาหกิจที่ประกาศเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2549 จึงทำให้เม็ดเงินสะสมมากขึ้นถึงกว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งหากปล่อยไปเม็ดเงินก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นจนมาสามารถหางบประมาณมาจ่ายให้พนักงานได้”นายสาวิทย์กล่าว
นอกจากนี้ สหภาพฯ กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการปรับปรุงร.ฟ.ท.ภายใต้งบไทยเข้มแข็ง ว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ เช่น กรณีการปรับปรุงและซ่อมทางรถไฟช่วง ทุ่งสง-ปากคลอง (จ.พัทลุง) โดยงบไทยเข้มแข็งกว่า 150 ล้านบาท เมื่อเดือนพ.ย. 2553 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นก็ยังมีอุบัติเหตุรถไฟตกราง โดยในเดือนธ.ค. 2553 รถไฟตกรางถึง 2 ขบวนคือ ขบวนที่ 83 กรุงเทพฯ-ตรังและขบวนที่ 41 กรุงเทพฯ-ยะลา
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ดร.ฟ.ท. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาการขาดงบประมาณ ดังนั้น ก็จะต้องหาแนวทางแก้ไขต่อไป โดยขณะนี้ร.ฟ.ท.รายงานว่ามีงบประมาณ 74 ล้านบาท ที่สามารถนำมาจ่ายค่าตอบแทนในช่วง 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.53 ) ได้ โดยบอร์ดจะพิจารณาให้และหลังจากนี้จะต้องพยายามจ่ายเงินให้แก่พนักงาน เพื่อไม่ให้ติดค้าง
