ASTVผู้จัดการรายวัน – เสริมสุขผนึกเป๊ปซี่สยบความร้าวฉาน “สมชาย บุลสุข” ประกาศนโยบายปี 54 ต้อง”ซูเปอร์ โกรว์ท” หลังปีที่ผ่านมาฝ่ามรสุมขัดแย้งแต่ยังโต 9% ลั่นเป็นมืออาชีพมองปมขัดแย้งเป็นระดับนโยบายไม่ได้เป็นปัญหาส่วนตัว เดินเกมทำงานทีมเวิร์คเสริมสุข-เป๊ปซี่ ชูแผนซูเปอร์เพาเวอร์ สู้ศึกตลาดน้ำอัดลม 3.5 หมื่นล. จับตากลุ่มเจริญ สิริวัฒนภักดี ต่อฮุบ ระบุวันที่ 15 กพ.54 ประชุมผู้ถือหุ้นใหม่
หลังจากที่ นายสมชาย บุลสุข ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือ SSC ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 40,528,717หุ้น หรือคิดเป็น 15.24% และนายฐิติวุฒิ์ บุลสุข ได้ขายหุ้นจำนวน 14,290,489 หุ้น หรือคิดเป็น 5.37% ผ่านการทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ให้กับบริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ทั้งหมดรวม 20.61% และในเร็วๆนี้ หรือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 จะมีประชุมผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องจับตาดูอีกครั้งว่ากลุ่มใดจะเข้ามาเทคโอเวอร์เสริมสุข หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า เป็นกลุ่มของเจริญ สิริวัฒนภักดี
ความเคลื่อนไหวล่าสุดระหว่างบริษัทเสริมสุขกับบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ได้ร่วมแถลงข่าว ที่ประเทศกัมพูชา โดยทางกลุ่มเป๊ปซี่ โค มีนายมุสตาฟา มุสสา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอเชียเหนือและใต้ บริษัทเป๊ปซี่ โคและ นางเจษฎากร ธราธิป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์อัดลม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง ขณะที่บริษัทเสริมสุข มีนายนภ วงศ์พานิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด นางปรางณี ไชยพิเดช ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ และนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการขาย ซึ่งเป็นลูกหม้อและเปรียบเสมือนมือขวาให้กับนายสมชายแห่งเสริมสุข ได้กล่าวเปิดใจแทนถึงนโยบายบริษัทเสริมสุข หลังจากตระกูลบุลสุขขายหุ้นทิ้งทั้งหมดว่า
ในฐานะที่ ”สมชาย บุลสุข” ยังคงฐานะตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร ได้ให้นโยบายว่า แม้ว่าเสริมสุขกับกลุ่มเป๊ปซี่ โคล่า เกิดความขัดแย้งกรณีเป๊ปซี่ โคล่าจะเทคโอเวอร์เสริมสุข แต่การทำงานต้องเป็นมืออาชีพ อย่าให้ปัญหาระดับนโยบายมาเป็นปัญหาส่วนตัว การทำงานร่วมกันทุกอย่างต้องเหมือนเดิม และแม้ว่ากลุ่มใดจะเข้ามาเทคโอเวอร์เสริมสุข แต่ได้มีรับการยืนยันว่า “สมชาย บุลสุข” ยังคงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารตลอด แต่ขึ้นอยู่ว่าจะเกษียณตัวเองในเวลาไหน เพราะตอนนี้ก็อายุ 68 ปีแล้ว
“ปีที่ผ่านมานับว่าเป็นปีที่เหนื่อยมากสำหรับ”สมชาย บุลสุข” เพราะมีปัญหารุมเร้า แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ ซึ่งได้ให้แนวทางการทำงานแก่พนักงานว่า แม้ข้างบนจะขัดแย้งยังไง แต่ที่ผ่านมาเราทำงานมาได้ตลอด โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียน จากใจที่คุณสมชาย กล่าวว่า ในเวลาที่เราวิกฤติคนที่เดินจากเราไป คือ ไม่ใช่เพื่อน แต่คนที่อยู่ในยามวิกฤติกับเรา คือ เพื่อนแท้”
***เป้าหมายซูเปอร์โกรว์ทปี 54
สำหรับแผนการตลาดปีนี้บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตซูเปอร์โกรว์ท (Super Growth) หลังจากปีที่ผ่านเป๊ปซึ่ เติบโต 9% นับว่าเป็นการเติบโตสูงที่สุดในรอบ 6 ปี จากที่ผ่านมาการเติบโตเพียง 4-5% นอกจากนี้เครื่องดื่มอื่นๆ อาทิ ลิปตันมีการเติบโตสูงถึง 20% คริสตัลโต 15-16% และเกเตอเรด โต 10% ทั้งนี้มาการทำงานเป็นทีมเวิร์คระหว่างเสริมสุขและเป๊ปซี่ โคล่า ส่วนเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงที่ให้บริษัทเสริมสุขกระจายสินค้าให้และเติบโตถึง 50% มากที่สุดในรอบ 8 ปี และตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มเป๊ปซี่มีการเติบโตมากกว่าตลาด ดังนั้นมั่นใจว่าปีนี้จะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น
นายปริญญา กล่าวว่า เป้าหมายการเติบโตแบบ”ซูเปอร์โกรว์ท” ในปีนี้ ที่ขาดไม่ได้คือการทำงานร่วมระหว่างเป๊ปซี่ ซึ่งผสมผสานเป็น ซูเปอร์ เพาเวอร์ จากการมีแคมเปญการตลาดของเป๊ปซี่ โคล่า ซึ่งบริษัทได้ดูจากแผนของเป๊ปซี่ปี 2554 มั่นใจว่าการร่วมกันขับเคลื่อนจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ ท่ามกลางสภาพตลาดน้ำอัดลมปีนี้ซึ่งคาดว่าเติบโต 4-5% เท่านั้น แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงฤดูร้อน และพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีการประมาณการณ์ว่าจีดีพีเติบโต 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีปัจจัยบวกจากสภาพอากาศที่ร้อนเร็วและร้อนนาน ผลักดันตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท โต 6%
แผนลงทุนปีนี้ล่าสุดได้สั่งซื้อเครื่องจักรผลิตน้ำดื่มคริสตัล ที่โรงงานปทุมธานี และโรงงานนครราชสีมา ส่วนกรณีราคาวัตถุดิบที่ปรับราคาขึ้น อาทิ น้ำตาล บริษัทมุ่งดำเนินการตลาดเชิงรุกเพื่อขายสินค้าให้ได้มากขึ้น เพราะน้ำอัดลมแม้ว่าไม่ได้เป็นสินค้าควบคุมแต่ก็เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ต้องเฝ้าระวัง การปรับราคาสินค้าก็ต้องยื่นต่อกรมการค้าภายใน ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทต้องการปรับราคาขึ้น และได้ยื่นของปรับราคาไปในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ สำหรับน้ำอัดลมได้ปรับราคาขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา
สำหรับการเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขนาด ไม่ได้ช่วยในเรื่องต้นทุนมากนัก แต่แง่ของการตลาด เพื่อให้ขนาดบรรจุภัณฑ์ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแง่ของความสะดวก ขณะที่ปัจจัยการตัดสินใจซื้อพิจารณาจากราคาและคุณภาพสินค้า ซึ่งแม้ว่าการแข่งขันจะมีความรุนแรงมากขึ้น จากการมีค่ายน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่า เข้ามาทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ราคาและปริมาณ ผลักดันให้ตลาดคึกคักและเติบโตมากขึ้น แต่ในภาวะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น บริษัทไม่ได้ให้ความสำคัญการเพิ่มส่วนแบ่ง โดยเน้นการเติบโตยอดขายและผลกำไรเป็นหลัก และได้ย้ำทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันเป๊ปซี่ เป็นผู้นำตลาดน้ำดำ
หลังจากที่ นายสมชาย บุลสุข ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือ SSC ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 40,528,717หุ้น หรือคิดเป็น 15.24% และนายฐิติวุฒิ์ บุลสุข ได้ขายหุ้นจำนวน 14,290,489 หุ้น หรือคิดเป็น 5.37% ผ่านการทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ให้กับบริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ทั้งหมดรวม 20.61% และในเร็วๆนี้ หรือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 จะมีประชุมผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องจับตาดูอีกครั้งว่ากลุ่มใดจะเข้ามาเทคโอเวอร์เสริมสุข หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า เป็นกลุ่มของเจริญ สิริวัฒนภักดี
ความเคลื่อนไหวล่าสุดระหว่างบริษัทเสริมสุขกับบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ได้ร่วมแถลงข่าว ที่ประเทศกัมพูชา โดยทางกลุ่มเป๊ปซี่ โค มีนายมุสตาฟา มุสสา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอเชียเหนือและใต้ บริษัทเป๊ปซี่ โคและ นางเจษฎากร ธราธิป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์อัดลม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง ขณะที่บริษัทเสริมสุข มีนายนภ วงศ์พานิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด นางปรางณี ไชยพิเดช ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ และนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการขาย ซึ่งเป็นลูกหม้อและเปรียบเสมือนมือขวาให้กับนายสมชายแห่งเสริมสุข ได้กล่าวเปิดใจแทนถึงนโยบายบริษัทเสริมสุข หลังจากตระกูลบุลสุขขายหุ้นทิ้งทั้งหมดว่า
ในฐานะที่ ”สมชาย บุลสุข” ยังคงฐานะตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร ได้ให้นโยบายว่า แม้ว่าเสริมสุขกับกลุ่มเป๊ปซี่ โคล่า เกิดความขัดแย้งกรณีเป๊ปซี่ โคล่าจะเทคโอเวอร์เสริมสุข แต่การทำงานต้องเป็นมืออาชีพ อย่าให้ปัญหาระดับนโยบายมาเป็นปัญหาส่วนตัว การทำงานร่วมกันทุกอย่างต้องเหมือนเดิม และแม้ว่ากลุ่มใดจะเข้ามาเทคโอเวอร์เสริมสุข แต่ได้มีรับการยืนยันว่า “สมชาย บุลสุข” ยังคงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารตลอด แต่ขึ้นอยู่ว่าจะเกษียณตัวเองในเวลาไหน เพราะตอนนี้ก็อายุ 68 ปีแล้ว
“ปีที่ผ่านมานับว่าเป็นปีที่เหนื่อยมากสำหรับ”สมชาย บุลสุข” เพราะมีปัญหารุมเร้า แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ ซึ่งได้ให้แนวทางการทำงานแก่พนักงานว่า แม้ข้างบนจะขัดแย้งยังไง แต่ที่ผ่านมาเราทำงานมาได้ตลอด โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียน จากใจที่คุณสมชาย กล่าวว่า ในเวลาที่เราวิกฤติคนที่เดินจากเราไป คือ ไม่ใช่เพื่อน แต่คนที่อยู่ในยามวิกฤติกับเรา คือ เพื่อนแท้”
***เป้าหมายซูเปอร์โกรว์ทปี 54
สำหรับแผนการตลาดปีนี้บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตซูเปอร์โกรว์ท (Super Growth) หลังจากปีที่ผ่านเป๊ปซึ่ เติบโต 9% นับว่าเป็นการเติบโตสูงที่สุดในรอบ 6 ปี จากที่ผ่านมาการเติบโตเพียง 4-5% นอกจากนี้เครื่องดื่มอื่นๆ อาทิ ลิปตันมีการเติบโตสูงถึง 20% คริสตัลโต 15-16% และเกเตอเรด โต 10% ทั้งนี้มาการทำงานเป็นทีมเวิร์คระหว่างเสริมสุขและเป๊ปซี่ โคล่า ส่วนเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงที่ให้บริษัทเสริมสุขกระจายสินค้าให้และเติบโตถึง 50% มากที่สุดในรอบ 8 ปี และตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มเป๊ปซี่มีการเติบโตมากกว่าตลาด ดังนั้นมั่นใจว่าปีนี้จะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น
นายปริญญา กล่าวว่า เป้าหมายการเติบโตแบบ”ซูเปอร์โกรว์ท” ในปีนี้ ที่ขาดไม่ได้คือการทำงานร่วมระหว่างเป๊ปซี่ ซึ่งผสมผสานเป็น ซูเปอร์ เพาเวอร์ จากการมีแคมเปญการตลาดของเป๊ปซี่ โคล่า ซึ่งบริษัทได้ดูจากแผนของเป๊ปซี่ปี 2554 มั่นใจว่าการร่วมกันขับเคลื่อนจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ ท่ามกลางสภาพตลาดน้ำอัดลมปีนี้ซึ่งคาดว่าเติบโต 4-5% เท่านั้น แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงฤดูร้อน และพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีการประมาณการณ์ว่าจีดีพีเติบโต 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีปัจจัยบวกจากสภาพอากาศที่ร้อนเร็วและร้อนนาน ผลักดันตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท โต 6%
แผนลงทุนปีนี้ล่าสุดได้สั่งซื้อเครื่องจักรผลิตน้ำดื่มคริสตัล ที่โรงงานปทุมธานี และโรงงานนครราชสีมา ส่วนกรณีราคาวัตถุดิบที่ปรับราคาขึ้น อาทิ น้ำตาล บริษัทมุ่งดำเนินการตลาดเชิงรุกเพื่อขายสินค้าให้ได้มากขึ้น เพราะน้ำอัดลมแม้ว่าไม่ได้เป็นสินค้าควบคุมแต่ก็เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ต้องเฝ้าระวัง การปรับราคาสินค้าก็ต้องยื่นต่อกรมการค้าภายใน ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทต้องการปรับราคาขึ้น และได้ยื่นของปรับราคาไปในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ สำหรับน้ำอัดลมได้ปรับราคาขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา
สำหรับการเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ขนาด ไม่ได้ช่วยในเรื่องต้นทุนมากนัก แต่แง่ของการตลาด เพื่อให้ขนาดบรรจุภัณฑ์ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแง่ของความสะดวก ขณะที่ปัจจัยการตัดสินใจซื้อพิจารณาจากราคาและคุณภาพสินค้า ซึ่งแม้ว่าการแข่งขันจะมีความรุนแรงมากขึ้น จากการมีค่ายน้ำอัดลมบิ๊ก โคล่า เข้ามาทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ราคาและปริมาณ ผลักดันให้ตลาดคึกคักและเติบโตมากขึ้น แต่ในภาวะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น บริษัทไม่ได้ให้ความสำคัญการเพิ่มส่วนแบ่ง โดยเน้นการเติบโตยอดขายและผลกำไรเป็นหลัก และได้ย้ำทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันเป๊ปซี่ เป็นผู้นำตลาดน้ำดำ