00 เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้หรืออาจเป็นวันนี้(18 ม.ค.) ตอนสายๆบ่ายๆน่าจะได้ข้อสรุปเสียทีว่า 5 คนไทยที่เหลือจะได้รับความเมตตาให้ประกันตัวตามหลัง พนิช วิกิตเศรษฐ์ กับคนไทยอีกคนหรือเปล่า หลังจากก่อนหน้านี้ศาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ประกันตัว จนต้องมีการอุทธรณ์และกำลังลุ้นกันอยู่ ซึ่ง รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ แย้มว่าจะมี “ข่าวดี” อีกไม่นาน
00 พูดอย่างนี้อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาได้อ่อนข้อทอดไมตรีมาตลอด ล่าสุดเมื่อสองสามวันก่อนได้ปล่อยชาวเขมร “รุกล้ำ”เข้าเมืองผิดกฎหมายล็อตที่สองไปอีก 199 คน หลังจากปล่อยไปก่อน 2 คนแรก หวังว่าจะได้รับไมตรีกลับมาใช่หรือไม่ แม้ว่าอยากให้ปล่อยตัวคนไทยทั้งหมดโดยเร็วก็จริง แต่หากไปถามครอบครัวของ พนิชรวมไปถึงเจ้าตัวและคนอื่นๆ คงไม่ปลื้มเท่าไหร่แน่ เพราะ “สถานะ” เป็นแค่ผู้หลบหนีเข้าเมือง ถูกตีค่าให้ “ต่ำชั้น” สิ้นดี
00 อย่างไรก็ดีคำว่าข่าวดี ดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่าดีแบบไหน จะออกมาในลักษณะปล่อยตัวชั่วคราวเหมือน 2 คนแรก หรือ “ลดโทษ” ความผิดให้กับคนไทยที่ถูกจับกุมเหล่านั้น ซึ่งนาทีนี้อย่าได้แปลกใจที่ต้องพูดในลักษณะรอความเมตตาจากฝ่ายโน้น เพราะฝ่ายผู้นำรัฐบาลไทยดันไปยอมรับความผิดตั้งแรก และอย่าได้แปลกใจที่สื่อกัมพูชาก็รายงานออกมาในลักษณะดังกล่าวโดยอ้างคำพูดของทั้ง กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ผู้ว่าฯสระแก้ว และหากยังจำไม่ได้ก็ยังมีอีกหลายคน เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมทั้ง รองนายกฯ สุเทพ ด้วย ทุด !!
00 อีกเรื่องที่กลายเป็นเรื่องซับซ้อนทั้งที่ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร นั่นคือกรณีการว่าจ้างทนายความชาวกัมพูชาให้ช่วยเหลือด้านคดีความให้คนไทยดังกล่าว ข่าวล่ามาเร็วแจ้งว่าแท้ที่จริงแล้วมีพ่อค้าเขมรคนหนึ่งที่ทำธุรกิจใกล้ชิดกับ “ฮุนเซน” เป็นคนออกเงินว่าจ้างให้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องพิลึก ขณะเดียวกันก็ต้องตั้งคำถามตัวโตๆถึงสถานทูตไทยในพนมเปญว่า “คิดได้อย่างไร” ถึงไปเห็นดีเห็นงาม เท่ากับว่าไปสมยอมกับเขานะซี
00 อีกเรื่องหนึ่งที่คิดว่าหลังจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไปน่าจะเป็นที่จับตามองก็คือ “ปาหี่” เกมแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าในที่สุดแล้วกลายเป็นเรื่องแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างลงตัว “หยวนๆ” ต่างฝ่ายก็ได้ด้วยกันทั้งคู่ นั่นคือ ปชป.จะได้สูตรสัดส่วน ส.ส. 375-125 ขณะที่พรรคร่วมที่เหลือจะได้ระบบ “แบ่งเขตเล็ก” สำหรับความได้เปรียบในการเลือกตั้งคราวหน้า
00 เชื่อว่าในวันที่ 25 ม.ค.การสนทนาบนโต๊ะอาหารที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงกับลงทุนนำทีมไปกล่อมและต่อรองพรรคร่วมรัฐบาลด้วยตัวเอง คงไม่มีอะไรตื่นเต้น ผลจะออกมาอย่างที่เห็น ถือว่าได้กันทุกฝ่าย เพียงแต่ฝ่าย ปชป.จะได้ “มากกว่า” เท่านั้น หรือถ้าทำฮึดฮัดไม่เอาด้วย จะยุบสภาเอามั๊ยละ พูดแค่นี้ก็ขวัญหนีดีฝ่อไม่ใช่เหรอ “หลงจู๊เติ้ง”
00 ส่วนการประชุมพรรคเพื่อไทยวันนี้ (18 ม.ค.) มีการแย้มออกมาล่วงหน้าจาก “ประธานวิปฝ่ายค้าน” วิทยา บูรณศิริ ว่าจะยังไม่เคาะผู้นำในศึกซักฟอกรัฐบาลในเดือน ก.พ.นี้ นั่นก็หมายความว่า ระดับ “ลิ่วล้อ” ข้างในยังซัดกันเละ โดยเฉพาะ “ก๊กเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับฝ่าย “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ขณะที่ “นายใหญ่” ยังไม่ตัดสินใจ รอจนถึงนาทีสุดท้าย อีกทั้งงานนี้สำคัญไม่เบา เพราะในญัตติดังกล่าวหากซักฟอกนายกฯอภิสิทธิ์ ก็ต้องแนบท้ายญัตติเสนอชื่อนายกฯคนใหม่เข้าไปด้วย ซึ่งถ้าเป็นมิ่งขวัญ เป็ดเหลิมคงกรี๊ดแน่ และนั่นหมายความว่า ทักษิณ เลือก “นักรบในห้องแอร์” มากกว่า นะซี !!
00 พูดอย่างนี้อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาได้อ่อนข้อทอดไมตรีมาตลอด ล่าสุดเมื่อสองสามวันก่อนได้ปล่อยชาวเขมร “รุกล้ำ”เข้าเมืองผิดกฎหมายล็อตที่สองไปอีก 199 คน หลังจากปล่อยไปก่อน 2 คนแรก หวังว่าจะได้รับไมตรีกลับมาใช่หรือไม่ แม้ว่าอยากให้ปล่อยตัวคนไทยทั้งหมดโดยเร็วก็จริง แต่หากไปถามครอบครัวของ พนิชรวมไปถึงเจ้าตัวและคนอื่นๆ คงไม่ปลื้มเท่าไหร่แน่ เพราะ “สถานะ” เป็นแค่ผู้หลบหนีเข้าเมือง ถูกตีค่าให้ “ต่ำชั้น” สิ้นดี
00 อย่างไรก็ดีคำว่าข่าวดี ดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่าดีแบบไหน จะออกมาในลักษณะปล่อยตัวชั่วคราวเหมือน 2 คนแรก หรือ “ลดโทษ” ความผิดให้กับคนไทยที่ถูกจับกุมเหล่านั้น ซึ่งนาทีนี้อย่าได้แปลกใจที่ต้องพูดในลักษณะรอความเมตตาจากฝ่ายโน้น เพราะฝ่ายผู้นำรัฐบาลไทยดันไปยอมรับความผิดตั้งแรก และอย่าได้แปลกใจที่สื่อกัมพูชาก็รายงานออกมาในลักษณะดังกล่าวโดยอ้างคำพูดของทั้ง กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ผู้ว่าฯสระแก้ว และหากยังจำไม่ได้ก็ยังมีอีกหลายคน เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมทั้ง รองนายกฯ สุเทพ ด้วย ทุด !!
00 อีกเรื่องที่กลายเป็นเรื่องซับซ้อนทั้งที่ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร นั่นคือกรณีการว่าจ้างทนายความชาวกัมพูชาให้ช่วยเหลือด้านคดีความให้คนไทยดังกล่าว ข่าวล่ามาเร็วแจ้งว่าแท้ที่จริงแล้วมีพ่อค้าเขมรคนหนึ่งที่ทำธุรกิจใกล้ชิดกับ “ฮุนเซน” เป็นคนออกเงินว่าจ้างให้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องพิลึก ขณะเดียวกันก็ต้องตั้งคำถามตัวโตๆถึงสถานทูตไทยในพนมเปญว่า “คิดได้อย่างไร” ถึงไปเห็นดีเห็นงาม เท่ากับว่าไปสมยอมกับเขานะซี
00 อีกเรื่องหนึ่งที่คิดว่าหลังจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไปน่าจะเป็นที่จับตามองก็คือ “ปาหี่” เกมแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าในที่สุดแล้วกลายเป็นเรื่องแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างลงตัว “หยวนๆ” ต่างฝ่ายก็ได้ด้วยกันทั้งคู่ นั่นคือ ปชป.จะได้สูตรสัดส่วน ส.ส. 375-125 ขณะที่พรรคร่วมที่เหลือจะได้ระบบ “แบ่งเขตเล็ก” สำหรับความได้เปรียบในการเลือกตั้งคราวหน้า
00 เชื่อว่าในวันที่ 25 ม.ค.การสนทนาบนโต๊ะอาหารที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงกับลงทุนนำทีมไปกล่อมและต่อรองพรรคร่วมรัฐบาลด้วยตัวเอง คงไม่มีอะไรตื่นเต้น ผลจะออกมาอย่างที่เห็น ถือว่าได้กันทุกฝ่าย เพียงแต่ฝ่าย ปชป.จะได้ “มากกว่า” เท่านั้น หรือถ้าทำฮึดฮัดไม่เอาด้วย จะยุบสภาเอามั๊ยละ พูดแค่นี้ก็ขวัญหนีดีฝ่อไม่ใช่เหรอ “หลงจู๊เติ้ง”
00 ส่วนการประชุมพรรคเพื่อไทยวันนี้ (18 ม.ค.) มีการแย้มออกมาล่วงหน้าจาก “ประธานวิปฝ่ายค้าน” วิทยา บูรณศิริ ว่าจะยังไม่เคาะผู้นำในศึกซักฟอกรัฐบาลในเดือน ก.พ.นี้ นั่นก็หมายความว่า ระดับ “ลิ่วล้อ” ข้างในยังซัดกันเละ โดยเฉพาะ “ก๊กเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับฝ่าย “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ขณะที่ “นายใหญ่” ยังไม่ตัดสินใจ รอจนถึงนาทีสุดท้าย อีกทั้งงานนี้สำคัญไม่เบา เพราะในญัตติดังกล่าวหากซักฟอกนายกฯอภิสิทธิ์ ก็ต้องแนบท้ายญัตติเสนอชื่อนายกฯคนใหม่เข้าไปด้วย ซึ่งถ้าเป็นมิ่งขวัญ เป็ดเหลิมคงกรี๊ดแน่ และนั่นหมายความว่า ทักษิณ เลือก “นักรบในห้องแอร์” มากกว่า นะซี !!
