เอเอฟพี / รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกซึ่งอาจพุ่งสูงเกินระดับ 100 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบาร์เรลนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เป็นไปได้และไม่ใช่เหตุเร่งด่วนที่จะทำให้องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ต้องเปิดการประชุมฉุกเฉินแต่อย่างใด จากการชี้แจงของเมซุด มีร์คาเซมี รัฐมนตรีน้ำมันแห่งอิหร่าน ซึ่งเป็นประธานตามวาระของโอเปกประจำปีนี้
มีร์คาเซมี กล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าววันนี้ (16) ว่า “ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้” เขาบอกต่อไปว่า “แม้กระทั่งว่าหากราคาน้ำมันก้าวพ้นระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปแล้ว ก็ยังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่กลุ่มโอเปกจะต้องจัดการประชุมเป็นวาระเร่งด่วนด้วยซ้ำ โดยชาติสมาชิกบางประเทศเห็นว่า ณ เวลานี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น แม้ว่าราคาจะพุ่งพรวดขึ้นไปถึงระดับ 110 หรือ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก็ตามที”
ลิเบีย, เอกวาดอร์, และเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นสมาชิกโอเปกในสาย “เหยี่ยว” เช่นเดียวกับอิหร่าน ต่างก็ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบควรอยู่ในระดับสูงกว่าที่เป็นอยู่เพื่อที่จะให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังสามารถคงเพดานการผลิตเช่นนี้ไว้ได้ต่อไป
แต่ทางด้านซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของกลุ่มโอเปก เคยกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า ราคาน้ำมันดิบในขณะนี้ควรอยู่ในช่วงระหว่าง 70 – 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาที่เหมาะสมสำหรับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดี (13) ผู้แทนคนหนึ่งจากกลุ่มโอเปก ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ระบุว่า ทางโอเปกจะจัดการประชุมฉุกเฉินทันที “หากราคาน้ำมันดิบพุ่งเกิน 100 ดอลลาร์และไม่ปรับตัวลงมา”
สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนี้นั้น สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด เพื่อการส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ในตลาดไนเม็กซ์ของนิวยอร์ก ปิดที่ระดับ 91.54 ดอลลาร์ในวันศุกร์ (14) ส่วนราคาของสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบชนิด “เบรนต์” ของทะเลเหนือในตลาดลอนดอน ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ระดับราว 98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีร์คาเซมี กล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าววันนี้ (16) ว่า “ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้” เขาบอกต่อไปว่า “แม้กระทั่งว่าหากราคาน้ำมันก้าวพ้นระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปแล้ว ก็ยังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่กลุ่มโอเปกจะต้องจัดการประชุมเป็นวาระเร่งด่วนด้วยซ้ำ โดยชาติสมาชิกบางประเทศเห็นว่า ณ เวลานี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น แม้ว่าราคาจะพุ่งพรวดขึ้นไปถึงระดับ 110 หรือ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก็ตามที”
ลิเบีย, เอกวาดอร์, และเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นสมาชิกโอเปกในสาย “เหยี่ยว” เช่นเดียวกับอิหร่าน ต่างก็ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบควรอยู่ในระดับสูงกว่าที่เป็นอยู่เพื่อที่จะให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังสามารถคงเพดานการผลิตเช่นนี้ไว้ได้ต่อไป
แต่ทางด้านซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของกลุ่มโอเปก เคยกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า ราคาน้ำมันดิบในขณะนี้ควรอยู่ในช่วงระหว่าง 70 – 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาที่เหมาะสมสำหรับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดี (13) ผู้แทนคนหนึ่งจากกลุ่มโอเปก ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ระบุว่า ทางโอเปกจะจัดการประชุมฉุกเฉินทันที “หากราคาน้ำมันดิบพุ่งเกิน 100 ดอลลาร์และไม่ปรับตัวลงมา”
สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนี้นั้น สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด เพื่อการส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ในตลาดไนเม็กซ์ของนิวยอร์ก ปิดที่ระดับ 91.54 ดอลลาร์ในวันศุกร์ (14) ส่วนราคาของสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบชนิด “เบรนต์” ของทะเลเหนือในตลาดลอนดอน ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ระดับราว 98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา