ททท.เกาะเทรนด์การท่องเที่ยวโลก ปั้นเส้นทางท่องเที่ยวCSR จับกลุ่มองค์กร หน่วยงานรัฐและเอกชนในประเทศและต่างประเทศ เร่งมือทำไกด์บุ๊ค คาดเสร็จพร้อมคิกออฟมิถุนายนนี้ โดยตั้งทุนประเดิมโครงการ 5 ล้านบาท พร้อมทำแผนต่อเนื่องปีงบประมาณ 2555 แถมปิ๊งไอเดีย จัดเวิล์ดอีเว้นท์ อาหารไทย บรรจุในปฎิทินท่องเที่ยว
นางสาวเพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำสินค้าการท่องเที่ยวที่เป็น Corporate Social Responsibility (CSR) หรือ การท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อจับกลุ่ม คอปอเรท ที่เป็น องค์กร ภาครัฐและเอกชน ได้นำไปใช้ในการทำกิจกรรมขององค์กร และยังได้สนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของประเทศอีกด้วย โดยมุ่งหวังให้ปี 2554 เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบซีเอสอาร์ ให้แก่องค์กรและหน่วยงานต่างๆ
รูปแบบการทำงาน จะตั้งเป็นคณะทำงานย่อย ของฝ่ายสินค้าและธุรกิจ เชิญหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และเจ้าของพื้นที่ในแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น มาหารือร่วมกันพร้อมจัดทำเป็นโครงการ “แพกเกจ CSR” นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่คืนกำไรให้แก่สังคมและชุมชน พร้อมรูปแบบกิจกรรมในแต่ละเส้นทาง จากนั้น จะมีการจัดทำคู่มือการเดินทาง หรือไกด์บุ๊ค
นำเสนอตัวอย่างเส้นทาง ที่น่าสนใจพร้อมกิจกรรม ในแต่ละเส้นทาง โดย ททท.จะจัดเป็นโครงการนำร่อง ให้ด้วย คาดว่า จะแล้วเสร็จเป็นรูปธรรมได้ภายในเดือน มิ.ย.ปีนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณในโครงการนี้ราว 5 ล้านบาท พร้อมหาพัทธมิตรภาคเอกชนมามาช่วยสนับสนุน ขณะเดียวกันยังบรรจุเป็นแผนเพื่อของบประมาณในปี 2555 จากงบร่วมของฝ่ายสินค้าฯที่เสนอขอไปทั้งสิ้น 750 ล้านบาท เพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องต่อไป
“ในต่างประเทศ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เทรนด์การท่องเที่ยว CSR เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป ออสเตรเลีย ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และการคืนกำไรให้สังคม เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร จึงมองว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ ททท.จะต้องนำเสนอโปรดักส์รูปแบบนี้ออกมาอย่างจริงจัง สะท้อนให้ต่างประเทศและคนไทยได้รับรู้ถึงความมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทย แต่ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวรูปแบบนี้ จะไม่มีเจ้าภาพจริงจัง และ สินค้าก็มีให้เลือกน้อย เช่น ท่องเที่ยวแบบเป็นอาสาสมัคร , การทำกิจกรรมปลูกป่า ปลูกปะการัง เป็นต้น ซี่งความจริงมีอีกหลากหลายกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถช่วยเหลือสังคมได้ระหว่างการท่องเที่ยว”
นางสาวเพ็ญสุดา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการเซ็นสัญญาความร่วมมือ หรือ MOU และ การตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้องและสังคม มีโครงการ 7 Green แต่ก็ไม่ได้มีผลการทำงานอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ประกอบกับ องค์กร ททท.ก็ยังไม่มีวิสัยทัศน์และนโยบายเกี่ยวกับการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงการCSR ครั้งนี้ ของททท. จะนำร่อง และผลักดันให้เกิดการร่างวิสัยทัศน์การทำงานเกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อมของททท. ให้บรรจุอยู่ในดัชนีชี้วัดและประเมินผลงานของ ททท.ด้วย เพราะแม้โครงการ จะไม่ได้คาดหวังเรื่องการเพิ่มรายได้ แต่ประเทศจะได้ภาพลักษณ์ด้านความมีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมโลก สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ระบุว่า ต้องการให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย เน้น กลุ่มคุณภาพ มากกว่า เชิงปริมาณ
นอกจากนั้น ยังมีแนวคิดที่จะสร้างกิจกรรมใหม่ๆ ไว้เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยให้ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยจับทางจากจุดเด่นของประเทศไทยมีแนวคิดว่า จะสร้างกิจกรรมเกี่ยวกับอาหารไทย ให้เป็นกิจกรรมระดับโลก หรือ เวิลด์ อีเว้น บรรจุในปฎิทินการท่องเที่ยวของประเทศไทย ให้สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
แต่ทั้งนี้คงต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงาน โดยททท.เป็นผู้โปรโมตแนวคิดนี้ เป็นการต่อยอดจากผลการวิจัยที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า ความสนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาประเทศไทย มีความนิยม และ ชื่นชอบอาหารไทย เป็นอันดับต้นๆ และเป็นปัจจัยหลัก ที่ประกอบการตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทยด้วย
สำหรับโครงการที่เปิดตัวไปปีก่อน ก็จะมีต่อเนื่องในปีนี้ เช่นโครงการ Lady Journey ปีนี้จะจัดเป็นปีที่สอง ต่อจากปีก่อน โดยยังคงร่วมกับ ธนาคารยูโอบี นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับผู้หญิงวัยทำงานอีก 8 เส้นทางในฝันที่ผู้หญิงอยากเที่ยว ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ จากปีก่อนที่เปิดไปแล้ว 10 เส้นทาง และกระแสตอบรับดีมาก คาดว่าจะเปิดตัว เม.ย.นี้
นางสาวเพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำสินค้าการท่องเที่ยวที่เป็น Corporate Social Responsibility (CSR) หรือ การท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อจับกลุ่ม คอปอเรท ที่เป็น องค์กร ภาครัฐและเอกชน ได้นำไปใช้ในการทำกิจกรรมขององค์กร และยังได้สนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของประเทศอีกด้วย โดยมุ่งหวังให้ปี 2554 เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบซีเอสอาร์ ให้แก่องค์กรและหน่วยงานต่างๆ
รูปแบบการทำงาน จะตั้งเป็นคณะทำงานย่อย ของฝ่ายสินค้าและธุรกิจ เชิญหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และเจ้าของพื้นที่ในแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น มาหารือร่วมกันพร้อมจัดทำเป็นโครงการ “แพกเกจ CSR” นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่คืนกำไรให้แก่สังคมและชุมชน พร้อมรูปแบบกิจกรรมในแต่ละเส้นทาง จากนั้น จะมีการจัดทำคู่มือการเดินทาง หรือไกด์บุ๊ค
นำเสนอตัวอย่างเส้นทาง ที่น่าสนใจพร้อมกิจกรรม ในแต่ละเส้นทาง โดย ททท.จะจัดเป็นโครงการนำร่อง ให้ด้วย คาดว่า จะแล้วเสร็จเป็นรูปธรรมได้ภายในเดือน มิ.ย.ปีนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณในโครงการนี้ราว 5 ล้านบาท พร้อมหาพัทธมิตรภาคเอกชนมามาช่วยสนับสนุน ขณะเดียวกันยังบรรจุเป็นแผนเพื่อของบประมาณในปี 2555 จากงบร่วมของฝ่ายสินค้าฯที่เสนอขอไปทั้งสิ้น 750 ล้านบาท เพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องต่อไป
“ในต่างประเทศ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เทรนด์การท่องเที่ยว CSR เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป ออสเตรเลีย ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และการคืนกำไรให้สังคม เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร จึงมองว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ ททท.จะต้องนำเสนอโปรดักส์รูปแบบนี้ออกมาอย่างจริงจัง สะท้อนให้ต่างประเทศและคนไทยได้รับรู้ถึงความมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทย แต่ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวรูปแบบนี้ จะไม่มีเจ้าภาพจริงจัง และ สินค้าก็มีให้เลือกน้อย เช่น ท่องเที่ยวแบบเป็นอาสาสมัคร , การทำกิจกรรมปลูกป่า ปลูกปะการัง เป็นต้น ซี่งความจริงมีอีกหลากหลายกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถช่วยเหลือสังคมได้ระหว่างการท่องเที่ยว”
นางสาวเพ็ญสุดา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการเซ็นสัญญาความร่วมมือ หรือ MOU และ การตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้องและสังคม มีโครงการ 7 Green แต่ก็ไม่ได้มีผลการทำงานอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ประกอบกับ องค์กร ททท.ก็ยังไม่มีวิสัยทัศน์และนโยบายเกี่ยวกับการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงการCSR ครั้งนี้ ของททท. จะนำร่อง และผลักดันให้เกิดการร่างวิสัยทัศน์การทำงานเกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อมของททท. ให้บรรจุอยู่ในดัชนีชี้วัดและประเมินผลงานของ ททท.ด้วย เพราะแม้โครงการ จะไม่ได้คาดหวังเรื่องการเพิ่มรายได้ แต่ประเทศจะได้ภาพลักษณ์ด้านความมีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมโลก สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ระบุว่า ต้องการให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย เน้น กลุ่มคุณภาพ มากกว่า เชิงปริมาณ
นอกจากนั้น ยังมีแนวคิดที่จะสร้างกิจกรรมใหม่ๆ ไว้เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยให้ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยจับทางจากจุดเด่นของประเทศไทยมีแนวคิดว่า จะสร้างกิจกรรมเกี่ยวกับอาหารไทย ให้เป็นกิจกรรมระดับโลก หรือ เวิลด์ อีเว้น บรรจุในปฎิทินการท่องเที่ยวของประเทศไทย ให้สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
แต่ทั้งนี้คงต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงาน โดยททท.เป็นผู้โปรโมตแนวคิดนี้ เป็นการต่อยอดจากผลการวิจัยที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า ความสนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาประเทศไทย มีความนิยม และ ชื่นชอบอาหารไทย เป็นอันดับต้นๆ และเป็นปัจจัยหลัก ที่ประกอบการตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทยด้วย
สำหรับโครงการที่เปิดตัวไปปีก่อน ก็จะมีต่อเนื่องในปีนี้ เช่นโครงการ Lady Journey ปีนี้จะจัดเป็นปีที่สอง ต่อจากปีก่อน โดยยังคงร่วมกับ ธนาคารยูโอบี นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับผู้หญิงวัยทำงานอีก 8 เส้นทางในฝันที่ผู้หญิงอยากเที่ยว ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ จากปีก่อนที่เปิดไปแล้ว 10 เส้นทาง และกระแสตอบรับดีมาก คาดว่าจะเปิดตัว เม.ย.นี้
