อุดรธานี - คณะแพทย์ทีมรักษาองค์ "หลวงตามหาบัว" มีความเห็นยังไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายองค์หลวงตาเข้าพักห้องปลอดเชื้อ เผยเหตุเพราะห้องยังมีกลิ่นสี-ทินเนอร์อยู่ จนกว่าจะมีความพร้อมและปลอดภัยมากกว่านี้
เมื่อบ่ายวานนี้(10 ม.ค.)ที่ศาลาหลังใหญ่วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี คณะสงฆ์และคณะแพทย์ที่ทำการรักษาองค์หลวงตามหาบัว ได้มีการประชุมกันในเรื่องการเคลื่อนย้ายตัวพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จากกุฏิหลังใหม่ที่หลวงตามหาบัว ที่ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ ซึ่งอยู่บริเวณหน้าวัดป่าบ้านตาด ไปพักรักษาตัวที่กุฏิเดิมของหลวงตามหาบัว ในวัดป่าบ้านตาดซึ่งต่อเติมเป็นห้องปลอดเชื้อเพื่อใช้เป็นที่รักษาตัวหลวงตามหาบัว
ก่อนการประชุม พระอาจารย์อินทร์ถวาย ได้ให้นายกฤษดา ทองสังวรณ์ อายุ 40 ปีนักวิชาการสาธารณสุข ร.พ.ศูนย์อุดรธานี ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องที่ใช้เป็นที่พักของหลวงตามหาบัว ได้ชี้แจงถึงความพร้อมของห้องที่จะให้หลวงตามหาบัว ได้เข้าพักรักษาตัว
โดยนายกฤษดา ได้รายงานว่า สำหรับห้องที่หลวงตาจะพักอยู่นี้เป็นห้องที่ปลอดเชื้อโรคห้องที่มีเครื่องกรองที่จะกรองอากาศ กรองฝุ่น และกรองแบคทีเรีย ให้ออกไปจากห้อง ส่งไปตามท่อไปยังเครื่อง AHU ที่เครื่องกรองนี้จะมีการปรับระดับกรองอากาศทั้งในห้องหลวงตาฯ รวมถึงเชื้อโรคในห้องน้ำหลวงตาด้วย โดยห้องนี้จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องแรกจะเป็นห้องที่เรียกว่าห้องแอนตี้รูมนี้จะมีประตู 2 ประตู
โดยประตูแรกที่เปิดเข้าไปจะช่วยกันเชื้อโรคไม่ให้เชื้อโรคเข้าไป คนที่เข้าไปในห้องจะต้องมีการวัดอุณหภูมิมีการใส่หน้ากากกันเชื้อ ถ้ามีเชื้อหลุดเข้าไป เครื่องกรองจะดูดเชื้อออกมาทางท่อ แล้วส่งเข้าไปสู่ตัวกรอง ที่เครื่อง AHU ซึ่งเครื่องกรองอากาศตัวนี้จะมีระบบการกรองที่ต่อเนื่องกัน มีอากาศเข้ามาก็จะมีการกรองไว้ตลอด
ขณะนี้ก็ได้ทำการเปิดทดลองมาตั้งแต่เวลา 05.00 น.แล้วและตนกับคณะวิศวกรที่มาติดตั้งได้ตรวจทานทดสอบอย่างดีแล้ว เพียงแต่ยังมีกลิ่นของสีและทินเนอร์อยู่บ้าง
หลังจากนั้นทางคณะสงฆ์ และคณะแพทย์ ก็ได้แยกกันประชุมโดยทางคณะแพทย์ขอไปทำการตรวจสอบห้องปลอดเชื้อว่า จะสามารถนำหลวงตาเข้าพักรักษาได้หรือยัง ซึ่งผลจากการที่คณะแพทย์เข้าตรวจสอบเห็นว่ายังไม่ควรที่จะเคลื่อนย้ายหลวงตามหาบัว เนื่องจากห้องปลอดเชื้อพบว่ายังมีกลิ่นของสีและทินเนอร์อยู่
ด้านมติของคณะสงฆ์ ได้บอกว่า ก็คงต้องเลื่อนการเคลื่อนย้ายองค์หลวงตาออกไปก่อนตามคำที่แพทย์แนะนำ ซึ่งยังไงวันนี้ (11 ม.ค.) จะต้องมีการหารือกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อบ่ายวานนี้(10 ม.ค.)ที่ศาลาหลังใหญ่วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี คณะสงฆ์และคณะแพทย์ที่ทำการรักษาองค์หลวงตามหาบัว ได้มีการประชุมกันในเรื่องการเคลื่อนย้ายตัวพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จากกุฏิหลังใหม่ที่หลวงตามหาบัว ที่ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ ซึ่งอยู่บริเวณหน้าวัดป่าบ้านตาด ไปพักรักษาตัวที่กุฏิเดิมของหลวงตามหาบัว ในวัดป่าบ้านตาดซึ่งต่อเติมเป็นห้องปลอดเชื้อเพื่อใช้เป็นที่รักษาตัวหลวงตามหาบัว
ก่อนการประชุม พระอาจารย์อินทร์ถวาย ได้ให้นายกฤษดา ทองสังวรณ์ อายุ 40 ปีนักวิชาการสาธารณสุข ร.พ.ศูนย์อุดรธานี ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องที่ใช้เป็นที่พักของหลวงตามหาบัว ได้ชี้แจงถึงความพร้อมของห้องที่จะให้หลวงตามหาบัว ได้เข้าพักรักษาตัว
โดยนายกฤษดา ได้รายงานว่า สำหรับห้องที่หลวงตาจะพักอยู่นี้เป็นห้องที่ปลอดเชื้อโรคห้องที่มีเครื่องกรองที่จะกรองอากาศ กรองฝุ่น และกรองแบคทีเรีย ให้ออกไปจากห้อง ส่งไปตามท่อไปยังเครื่อง AHU ที่เครื่องกรองนี้จะมีการปรับระดับกรองอากาศทั้งในห้องหลวงตาฯ รวมถึงเชื้อโรคในห้องน้ำหลวงตาด้วย โดยห้องนี้จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องแรกจะเป็นห้องที่เรียกว่าห้องแอนตี้รูมนี้จะมีประตู 2 ประตู
โดยประตูแรกที่เปิดเข้าไปจะช่วยกันเชื้อโรคไม่ให้เชื้อโรคเข้าไป คนที่เข้าไปในห้องจะต้องมีการวัดอุณหภูมิมีการใส่หน้ากากกันเชื้อ ถ้ามีเชื้อหลุดเข้าไป เครื่องกรองจะดูดเชื้อออกมาทางท่อ แล้วส่งเข้าไปสู่ตัวกรอง ที่เครื่อง AHU ซึ่งเครื่องกรองอากาศตัวนี้จะมีระบบการกรองที่ต่อเนื่องกัน มีอากาศเข้ามาก็จะมีการกรองไว้ตลอด
ขณะนี้ก็ได้ทำการเปิดทดลองมาตั้งแต่เวลา 05.00 น.แล้วและตนกับคณะวิศวกรที่มาติดตั้งได้ตรวจทานทดสอบอย่างดีแล้ว เพียงแต่ยังมีกลิ่นของสีและทินเนอร์อยู่บ้าง
หลังจากนั้นทางคณะสงฆ์ และคณะแพทย์ ก็ได้แยกกันประชุมโดยทางคณะแพทย์ขอไปทำการตรวจสอบห้องปลอดเชื้อว่า จะสามารถนำหลวงตาเข้าพักรักษาได้หรือยัง ซึ่งผลจากการที่คณะแพทย์เข้าตรวจสอบเห็นว่ายังไม่ควรที่จะเคลื่อนย้ายหลวงตามหาบัว เนื่องจากห้องปลอดเชื้อพบว่ายังมีกลิ่นของสีและทินเนอร์อยู่
ด้านมติของคณะสงฆ์ ได้บอกว่า ก็คงต้องเลื่อนการเคลื่อนย้ายองค์หลวงตาออกไปก่อนตามคำที่แพทย์แนะนำ ซึ่งยังไงวันนี้ (11 ม.ค.) จะต้องมีการหารือกันอีกครั้งหนึ่ง
