ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักลงทุนจากสิงคโปร์สนใจลงทุนอุตสาหกรรมแปรรูปปลาทูน่าแบบครบวงจรในภูเก็ตเพื่อส่งออกไปยังญี่ปุ่นและอเมริกา
นายศุภกร บุญคำเอียด ผู้ประสานงาน บริษัท ซีสไพ ภูเก็ต จำกัด เปิดเผยถึงการขยายการลงทุนธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าในจ.ภูเก็ต ภายหลังนำผู้บริหารบริษัท ซีสไพ ภูเก็ต เข้าหารือ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ถึงลู่ทางการลงทุนธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าในจ.ภูเก็ตเมื่อเร็วๆนี้ ว่า ผู้บริหารของบริษัท ซีสไพ ภูเก็ต จำกัด ซึ่งเป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์สนใจเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมแปรรูปปลาทูน่าแบบครบวงจร ภายหลังจากที่บริษัทเข้ามาลงทุนส่งออกปลาทูน่าแบบเป็นตัวไปยังประเทศญี่ปุ่นและปลาทูน่าแปรรูปไปยังสหรัฐอเมริกามาระยะหนึ่งแล้ว
บริษัทนี้มีเรือจับปลาทูน่าอยู่ในมหาสมุทรอินเดียกว่า 200 ลำ ได้นำปลาทูน่าที่จับได้มาขึ้นท่าที่จ.ภูเก็ตเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ และเห็นว่าแนวโน้มการทำธุรกิจแปรรูปทูน่าในภูเก็ตมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ผู้บริหารจึงต้องการที่จะขยายการลงทุนในภูเก็ตเพิ่มแบบครบวงจร
สำหรับการลงทุนแปรรูปปลาทูน่าแบบครบวงจรในภูเก็ต มีตั้งแต่เรือจับปลาทูน่าในมหาสมุทรอินเดียที่มีอยู่ 200 ลำ ที่มาขึ้นปลาที่ภูเก็ต และบริษัทพร้อมที่จะย้ายเรือทูน่าที่ดำเนินการอยู่ในประเทศอินโดนีเซียอีก 200-300 ลำเข้ามาในจ.ภูเก็ต โดยจะมีการตั้งโรงงานแปรรูปปลาทูน่าเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ตลาดหลักอยู่ที่ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา แ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อม คาดว่าประมาณเดือนมีนาคม 2554 จะมีความชัดเจนในการลงทุนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในการขยายการลงทุนครั้งนี้ บริษัทยังติดปัญหาในหลายๆเรื่องที่ต้องการให้จ.ภูเก็ตและรัฐบาลให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสถานที่ก่อสร้างโรงงานแปรรูปปลาทูน่า ห้องเย็น เพราะจากการสำรวจพบว่าในภูเก็ตไม่มีห้องเย็นเพียงพอในการให้บริการเก็บปลาทูน่า เพื่อแปรรูปส่งออกไปได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งขั้นตอนการขออนุญาตให้การส่งออกด้วย
นายศุภกร บุญคำเอียด ผู้ประสานงาน บริษัท ซีสไพ ภูเก็ต จำกัด เปิดเผยถึงการขยายการลงทุนธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าในจ.ภูเก็ต ภายหลังนำผู้บริหารบริษัท ซีสไพ ภูเก็ต เข้าหารือ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ถึงลู่ทางการลงทุนธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าในจ.ภูเก็ตเมื่อเร็วๆนี้ ว่า ผู้บริหารของบริษัท ซีสไพ ภูเก็ต จำกัด ซึ่งเป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์สนใจเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมแปรรูปปลาทูน่าแบบครบวงจร ภายหลังจากที่บริษัทเข้ามาลงทุนส่งออกปลาทูน่าแบบเป็นตัวไปยังประเทศญี่ปุ่นและปลาทูน่าแปรรูปไปยังสหรัฐอเมริกามาระยะหนึ่งแล้ว
บริษัทนี้มีเรือจับปลาทูน่าอยู่ในมหาสมุทรอินเดียกว่า 200 ลำ ได้นำปลาทูน่าที่จับได้มาขึ้นท่าที่จ.ภูเก็ตเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ และเห็นว่าแนวโน้มการทำธุรกิจแปรรูปทูน่าในภูเก็ตมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ผู้บริหารจึงต้องการที่จะขยายการลงทุนในภูเก็ตเพิ่มแบบครบวงจร
สำหรับการลงทุนแปรรูปปลาทูน่าแบบครบวงจรในภูเก็ต มีตั้งแต่เรือจับปลาทูน่าในมหาสมุทรอินเดียที่มีอยู่ 200 ลำ ที่มาขึ้นปลาที่ภูเก็ต และบริษัทพร้อมที่จะย้ายเรือทูน่าที่ดำเนินการอยู่ในประเทศอินโดนีเซียอีก 200-300 ลำเข้ามาในจ.ภูเก็ต โดยจะมีการตั้งโรงงานแปรรูปปลาทูน่าเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ตลาดหลักอยู่ที่ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา แ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อม คาดว่าประมาณเดือนมีนาคม 2554 จะมีความชัดเจนในการลงทุนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในการขยายการลงทุนครั้งนี้ บริษัทยังติดปัญหาในหลายๆเรื่องที่ต้องการให้จ.ภูเก็ตและรัฐบาลให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสถานที่ก่อสร้างโรงงานแปรรูปปลาทูน่า ห้องเย็น เพราะจากการสำรวจพบว่าในภูเก็ตไม่มีห้องเย็นเพียงพอในการให้บริการเก็บปลาทูน่า เพื่อแปรรูปส่งออกไปได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งขั้นตอนการขออนุญาตให้การส่งออกด้วย
