xs
xsm
sm
md
lg

“พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต' ไพร่แดงแพ้หมดรูป ระวังเล่ห์ทัพน้ำเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ตามคำนิยามของแกนนำ 3 เกลอสู้แล้วรวย ซึ่งเริ่มตั้งขบวนตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น เริ่มแรกดูจะเข้มข้นฮึกเหิม ดุเดือดกดดันให้รัฐบาลยุบสภา ชูธงโค่นอำมาตย์ เพื่อนำมาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นกลับดูแผ่วโหยไร้เรียวแรงและพลัง แม้จะถึงขั้นกรีดเลือดเซ่นแม่พระธรณีและประกาศสงครามชนชั้นระหว่าง 'ไพร่' และ 'อำมาตย์' แต่ก็ไม่สามารถสร้างกระแสกดดันรัฐบาลได้ หนำซ้ำจำนวนมวลชนยังลดฮวบฮาบอย่างน่าใจหาย ขณะที่สังคมทั่วไปพากันประณามยุทธศาสตร์ 'สูบเลือดม็อบ เล่นมนต์ดำ' ว่าเป็นการกระทำที่ไร้สติและน่าสะอิดสะเอียน

เกิดอะไรขึ้น ?...กับแนวรบเสื้อแดง !!

'ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์' ได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับ 'ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต' รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นักวิชาการฝีปากกล้า ซึ่งมีมุมมองในการประเมินวิเคราะห์ยุทธศาสตร์และสถานการณ์ทางการเมืองอย่างแหลมคมและตรงไปตรงมา

**มองการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. จนถึงวันนี้ สมราคาคุยไหม

ถ้ามองในแง่ของเป้าหมายที่เขาตั้งไว้จะเห็นได้ว่าเขาทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายเยอะทีเดียว ทั้งเป้าหมายด้านจำนวนคนและเป้าหมายด้านผลลัพธ์ ด้านจำนวนคนนั้นจากที่ตั้งเป้าหมายว่าคนจะมาร่วมชุมนุม 1 ล้านคน แต่จากการประเมินของหลายฝ่าย ทั้งจ้าหน้าที่รัฐและผู้สื่อข่าว ก็ระบุว่าจำนวนคนที่มาชุมนุมนั้นในวันที่คนมาชุมนุมมากที่สุดก็ไม่น่าจะเกิน 1 แสนคน และตอนนี้ผู้ชุมนุมก็กลับไปเยอะแล้ว ส่วนคนที่อยู่ก็อาจจะต้องเติมเงินเข้ามา อยู่กี่วันก็ว่ากันไป ตกลงว่าอยู่ 3 วันเท่านี้ 5 วันเท่านี้ อาจจะแถมสักวันหนึ่งแล้วก็กลับไป ถ้าประเมินแล้วมันขาดทุนมากๆ เขาคงไม่อยู่

คือถ้าดูกลไกในการระดมคนมาร่วมชุมนุมนั้นในแต่ละจังหวัดเขาจะใช้กลไกหลักๆ 2 ส่วนคือ เครือข่าย ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ เครือข่าย นปช.ซึ่งระดมคนจัดตั้งเข้ามา ซึ่งแน่นอนว่ามาจากภาคอีสานมากที่สุด รองลงมาคือภาคเหนือ จำนวนคนที่มาร่วมชุมนุมมันก็เกี่ยวกับหลายอย่าง เกี่ยวกับศักยภาพของผู้ที่ระดมคน ทรัพยากรที่เขาใช้มีมากขนาดไหน คือคนที่มาก็มีคนที่ชื่นชมคุณทักษิณอยู่แล้วล่ะแต่ถ้าจะให้เขามาชุมนุม มาทุกข์ยากลำบากในกรุงเทพฯ เขาก็อาจจะไม่มา เขาจะมาก็ต่อเมื่อได้เงินด้วย หรือบางคนอาจจะมาเพราะได้เงินและส่วนตัวก็ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณทักษิณก็มาร่วมชุมนุม ก็อาจจะเป็น 2 ส่วนมารวมกัน แต่ทีนี้ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องของทรัพยากร คือทรัพยากรที่ใช้ในการระดมคน คุณทักษิณเป็นคนจ่ายทั้งหมดหรือเปล่า หรือว่ามีคนอื่นช่วยกันจ่าย ซึ่งผมประเมินว่าน่าจะมีคนที่ช่วยจ่ายอีกจำนวนหนึ่ง ไม่ใช่จ่ายคนเดียว เพียงแต่ว่าคนที่ช่วยจ่ายเขาก็อยากจะได้คืนจากนายทุนใหญ่ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้คืนหรือเปล่า ตรงนี้ก็อาจจะเป็นข้อจำกัดอันหนึ่งที่เกิดความหวาดระแวงว่าเงินที่จ่ายออกไปจะได้คืนหรือไม่

อีกอย่างคนที่จะมาชุมนุมก็คงคิดหนักพอสมควรเพราะว่าในการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งเขาก็คงกลัวที่จะตกอยู่ในสถานการณ์ความรุนแรง จะเห็นได้ว่าเสื้อแดงที่อยู่ในกรุงเทพฯหรือจังหวัดใกล้เคียงมาค่อนข้างน้อย ต่างจากการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย. ซึ่งเสื้อแดงที่อยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งแดงสยาม นักศึกษาเสื้อแดง ปัญญาชนเสื้อแดงเขาก็ออกไปกันเยอะ แต่ครั้งนี้เขาไม่ค่อยออกไป เพราะเขามีความหวาดระแวง หรือเสื้อแดงแถวนนทบุรี ปทุมธานี ก็ไม่ได้มามากเหมือนคราวที่แล้ว คนที่เป็นเสื้อแดงกรุงเทพฯ ครั้งนี้ก็ถอย

เราจะเห็นได้จากจำนวนคนเสื้อแดงในวันเสาร์ที่ 12 มี.ค.ซึ่งน้อยมาก เต็มที่ก็ 4-5 พันคน ซึ่งถือว่าน้อย แล้วคนกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะยืนหยัดอะไรเท่าไร ถ้าไปฟังปราศรัยก็คงเอา แต่ถ้าให้ทำมากกว่านั้นเขาก็คงไม่เอา เขาก็ไม่ถึงขนาดต้องเสียสละให้คุณทักษิณมาก แล้วถ้าคิดว่าเขาเข้าใจประชาธิปไตย เราก็อาจจะคิดมากไปหน่อย เขาก็คงเข้าใจในระดับหนึ่ง แต่เขาคงไม่ถึงขนาดต้องสละชีวิตเพื่อประชาธิปไตย แต่อาจจะชอบคุณทักษิณมากกว่าประชาธิปไตย เขาก็เลยจะถอยๆไป

**แล้วเป้าหมายในด้านผลลัพธ์

ด้านผลลัพธ์นั้น เขามีเป้าหมายว่าต้องการให้รัฐบาลยุบสภา และเพื่อให้คุณทักษิณได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เขาไม่เปิดเผยมากนัก นอกจากนั้นเขายังมีอีกเป้าหมายหนึ่งที่แอบแฝงอยู่ คือต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย เปลี่ยนการปกครองให้เป็นแบบประชาธิปไตยแบบอื่นที่ไม่ได้มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นเป้าหมายที่เขาไม่เปิดเผยแต่ตามที่ติดตามข่าว มีบางกลุ่มของเสื้อแดงคิดแบบนั้นแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของคุณจักรภพ เพ็ญแข คุณสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) หรืออาจารย์ใจ อึ้งภากรณ์ ส่วนคุณทักษิณก็ยังดูว่าจะไปทางไหน เขาก็พยายามนำเงื่อนไขที่เป็นเป้าหมายทั้งหมดมาผสานกันเพื่อให้เกิดเป็นพลังในการขับเคลื่อน ส่วนเป้าหมายที่เขาประกาศต่อสาธารณชนว่าชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงและโค่นล้มอำมาตย์ ก็เป็นการประกาศเพื่อสร้างความชอบธรรมในการชุมนุมเท่านั้น เพื่อที่ช่วยปกปิดอำพรางเป้าหมายที่แท้จริง

ถ้าดูตัวเป้าหมาย ก็จะเห็นว่าเป้าหมายที่ให้รัฐบาลยุบสภานั้นเป็นเป้าหมายเฉพาะหน้า ในระยะสั้น ซึ่งอาจจะบรรลุผลหรือไม่ก็ได้ ส่วนเป้าหมายที่จะนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณทำได้ 2 จังหวะ อาจจะเป็นระยะสั้นก็ได้ถ้าเขาสามารถปั่นกระแสของสังคมให้เกิดความรู้สึกว่าต้องนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณคล้ายๆช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่มีการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญในบางประเด็นแบบฉับพลันทันที ขณะเดียวกันการนิรโทษกรรมก็อาจเป็นเป้าหมายระยะปานกลางก็ได้ คือถ้าเขาสามารถกดดันให้รัฐบาลยุบสภาได้ เขาก็ลงเลือกตั้ง ซึ่งเขาคาดว่าจะได้เสียงข้างมาก และใช้เสียงข้างมากนั้นออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่คุณทักษิณ

ส่วนเป้าหมายที่เขาต้องการจะโค่นล้มอำมาตย์เพื่อนำไปสู่การสถาปนารัฐไทยใหม่นั้น ถ้าต้องการให้บรรลุผลในระยะสั้นก็มีวิธีเดียวคือใช้ความรุนแรง หมายความว่าเขาจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้เขาก็ต้องมีกองกำลังติดอาวุธในการปฏิวัติร่วมกับกองกำลังที่เขามีซึ่งสามารถเอาชนะกำลังทหารได้ จากนั้นก็สถาปนารัฐไทยใหม่ขึ้นมา แต่ทั้งนี้การสถาปนารัฐไทยใหม่เขาจะตั้งเป้าหมายในระยะยาว โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงก็ได้ คือค่อยๆเปลี่ยนแปลงความคิดของคนและอาศัยกระบวนการเลือกตั้งเป็นกลไกในการเปลี่ยนแปลง

**อาจารย์มองยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดงที่เคลื่อนมาตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.อย่างไร

ปกติตัวยุทธศาสตร์ยุทธวิธีก็ต้องสอดคล้องกับตัวเป้าหมาย ถ้าเราต้องการเป้าหมายอะไรเราก็ต้องออกแบบยุทธวิธีให้นำเราไปสู่เป้าหมาย ทีนี้ถ้าเราดูยุทธศาตร์หลักที่แกนนำเสื้อแดงใช้ก็คือประเด็นเรื่องการต่อสู้กับอำมาตย์และเรื่องการยุบสภา

สำหรับยุทธวิธีของเขานั้นในกระบวนการขนคนมาชุมนุม เขาจะใช้กระบะและรถเก๋ง แทนที่จะใช้รถบัสเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งมีนัยด้านยุทธวิธีเพราะการใช้รถกระบะทำให้มีความคล่องตัวถ้าจะเคลื่อนในเชิงยุทธวิธีต่างๆ เช่น จะปิดถนนทำให้กรุงเทพฯ เป็นอัมพาต นอกจากนั้นก็มีการเคลื่อนเข้ามาโดยทางกองเรือ ซึ่งตอนแรกเขาวาดไว้ค่อนข้างจะใหญ่โตว่าเป็นขบวนชลมารค แต่ไปๆ มาๆ ก็มีแค่เรือไม่กี่ลำ การระดมคนอะไรต่างๆ ก็ไม่สามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้รัฐบาลได้

ส่วนยุทธวิธีอีกอย่างคือการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทำงาน ซึ่งจำเป็นต้องปิดกั้นสถานที่ต่างๆ เช่น กั้นไม่ให้นายกฯและรัฐมนตรีเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล หรือเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาล ซึ่งในทางสากลนั้นเขาก็ยังมองว่าวิธีการดังกล่าวยังถือว่าเป็นสันติวิธีเพราะไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต ทีนี้การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงครั้งนี้เขาก็ผูกคอตัวเองไว้แล้วด้วยการประกาศว่าเขาจะไม่บุกทำเนียบฯ ไม่ยึดสถานที่ราชการ ไม่ยึดสนามบิน เพราะฉะนั้นเขาก็จะใช้วิธีนี้ไม่ได้ เขาก็เลยต้องใช้วิธีกดดันรัฐบาลโดยสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

อีกยุทธวิธีหนึ่งก็คือการเรียกร้องความเห็นใจจากประชาชน โดยการเคลื่อนไหวเพื่อให้คนเกิดการสะเทือนใจ ซึ่งในอดีตก็มีหลายรูปแบบ เช่น การอดอาหารประท้วง แต่ทั้งนี้การจะทำให้คนสะเทือนใจนั้นผู้ที่อดอาหารก็ต้องเป็นคนที่สังคมให้ความเชื่อถือ ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ถ้าอย่างนั้นก็อดจนตายก็ไม่มีน้ำหนัก หรืออาจจะอดอาหารโดยมวลชนจำนวนมาก อย่างเช่นพรุ่งนี้อยู่ๆเขาประกาศว่าต่อไปนี้คนเสื้อแดงมื่นคนจะอดอาหารพร้อมกัน แล้วก็อดจริงๆ ก็จะเห็นภาพแต่ละคนค่อยๆล้มลงไป วันแรกอาจมีคนล้มไปสัก 100 คน วันต่อมาก็ล้มลงไปเรื่อยๆมันกะสร้างความสะเทือนใจได้ อีกวิธีก็คือการพลีชีพ เช่น เผาตัวเอง อย่างกรณีการประท้วงของพระเวียดนามที่ราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาตัวเอง แต่มันอาจเป็นวิธีที่คนมองว่ามันเลยขอบเขตของสันติวิธีไปเพราะการทำร้ายตัวเองก็ถือว่าเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง

**การเจาะเลือดของคนเสื้อแดงเพื่อนำไปเทหน้าทำเนียบรัฐบาล หน้าพรรคประชาธิปัตย์ และบ้านพักของนายกรัฐมนตรี ก็เป็นยุทธวิธีเพื่อสร้างความสะเทือนใจ

เท่าที่ดูมันก็ไม่ได้สร้างความสะเทือนใจเท่าไร เพราะการเจาะเลือดมันไม่ได้เจ็บอะไรเท่าไร เสียเลือดแค่เล็กน้อย ในทางกลับกันคนกลับมองในทางลบไปอีกว่าเอาเลือดมาเทเป็นการกระจายเชื้อโรคบ้าง ทำให้บ้านเมืองเลอะเทอะบ้าง บางคนก็บอกว่าทำไมไม่บริจาคให้กับคนที่เขาต้องการ

**เห็นว่าการเทเลือดนั้นมีการทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย

ก็อาจจะเป็นไปได้ที่แกนนำบางคนอาจมีความเชื่อทางไสยศาสตร์ หรือบางคนก็อาจทำเพื่อสร้างความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชน เขาก็เลยคิดว่าน่าจะเจาะเลือดแล้วเอาไปทาทำเนียบ ซึ่งผมว่ามันก็เป็นวิธีที่แปลกใหม่พอสมควรนะเพราะการเคลื่อนไหวที่ผ่านมามันไม่เคยมี เพียงแต่มันเป็นวิธีที่ไม่เข้าท่าและไม่ได้สร้างความสะเทือนกับรัฐบาล นอกจากนั้นวิธีการเคลื่อนครั้งนี้ยังทำให้แกนนำเสื้อแดงกลุ่ม 3 เกลอ กับแดงสยามแตกกันเอง ดังนั้นมาตรการนี้ดูแล้วไม่ได้สร้างความสะเทือนใจให้ประชาชนแต่เป็นมาตรการที่เลอะเทอะ

**หลายคนก็มองว่าม็อบมุกแป้ก

คือเราจะเห็นว่าวิธีการต่างๆไม่บรรลุผล ทั้งวิธีกดดันรัฐบาลก็ไม่ได้ทำให้รัฐบาลรู้สึกกดดัน ขณะที่วิธีเรียกร้องความเห็นใจก็ไม่ได้ทำให้คนในสังคมเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถทำให้เป้าหมายของเขาบรรลุ เพราะฉะนั้นถ้ามองในแง่ของมวลชนก็คงประสบความล้มเหลวในแง่ของเป้าหมาย รวมทั้งประสบความล้มเหลวในเรื่องของยุทธวิธีที่จะเรียกร้องความสนใจหรือเรียกร้องการสนับสนุนจากชนชั้นกลาง แล้วก็ประสบความล้มเหลวในการสร้างความชอบธรรมในการเคลื่อนไหว ถ้าจะพยายามให้คะแนนกลุ่มเสื้อแดงในเชิงบวกบ้างก็คือเขาก็พยายามคิดสร้างสรรค์ในเรื่องของวิธีการใหม่ๆ เช่น การใช้รถกระบะ การจัดทัพเรือ หรือการเจาะเลือด ผมมองว่ามันเป็นสีสันในการเคลื่อนไหว แต่มันไม่มีพลังพอในการที่จะกดดันรัฐบาล ทีนี้ก็จะมีอีกวิธีการหนึ่งซึ่งมันจะเลยคำว่าสันติอหิงสาไปก็คือการก่อการจลาจล

**ระเบิด M79 ที่ยิงใส่พัน 1 รอ. ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรุนแรงเพื่อนำการจลาจลไหม

อันนี้ก็เป็นร่องรอยอันหนึ่งซึ่งมันอาจจะพัฒนาต่อไปหรือไม่ก็ได้ เพราะการยิง M79 เข้าไปในช่วงนี้มันก็เป็นการเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ แล้วก็อาจเป็นชนวนที่จะพัฒนาไปสู้ความรุนแรงขึ้นมาได้ แต่อย่างไรก็ตามแกนนำเสื้อแดงก็พยายามป่าวประกาศบนเวทีว่าเขาชุมนุมอย่างสันติวิธีและใครก็ตามที่ใช้ความรุนแรงก็คือแดงเทียม ขณะที่รัฐบาลเองก็บอกว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมเด็ดขาด ถ้าจะทำการควบคุมฝูงชนก็จะทำเป็นขั้นเป็นตอน เพราะทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งรัฐบาลและผู้ชุมนุมก็พยายามสร้างกระแสของสันติวิธีขึ้นมา และในสังคมก็พยายามให้กระแสของสันติวิธีดำรงอยู่ซึ่งหลายฝ่ายก็พยายามช่วยกันพูด

อย่างไรก็ตาม จากปรากฏการณ์ที่เราเห็นว่ามีการยิงระเบิดเข้าไปทำให้เห็นว่าอาจจะมีอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มไหนก็ได้ อาจจะเป็นกลุ่มแดงฮาร์ดคอร์ก็ได้เพราะว่าจากหลักฐานในอดีตที่เราเห็นคนเสื้อแดงอยู่จำนวนหนึ่งมีศักยภาพในการใช้ความรุนแรง ซึ่งตอนนี้เรายังไม่เห็นคนกลุ่มนี้ปรากฏในที่ชุมนุม อาจจะหลบอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ อาจจะหลบอยู่ในมุมมืด รอจังหวะและโอกาสเข้ามาในการที่จะสร้างความปั่นป่วน

**เป็นที่น่าสังเกตไหมว่าตอนนี้แดงฮาร์ดคอร์หายไป

หายไปเลยฮะ พวกฮาร์ดคอร์ พวกแท็กซี่ในชมรมคนรักแท็กซี่ตอนนี้ไม่เข้ามา ทีนี้ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้หายไปเฉยๆโดยไม่มีบทบาทอะไรสังคมก็จะเบาใจ แต่เราก็ต้องระมัดระวังเพราะถ้าเราดูเป้าหมายการเคลื่อนไหวของคุณทักษิณนั้นการที่เขาจะทำให้บรรลุเป้าหมายได้โดยสันติวิธีแบบหน่อมแน้มที่แกนนำ 3 เกลอทำ ก็คงไม่บรรลุเป้าหมาย เพราะฉะนั้นก็ต้องพยามยามเพิ่มความกดดันให้รัฐบาล ซึ่งการเพิ่มความกดดันให้รัฐบาลนั้นแนวทางที่ไม่ใช่สันติวิธีมันก็มีแนวโน้มที่จะถูกเลือกมาใช้ได้ โดยเป็นไปได้ที่จะรับคำสั่งมาจากต่างประเทศ เพราะตอนนี้ทางสหรัฐอเมริกาก็แจ้งเตือนมาว่าจะมีการวินาศกรรม ก็เป็นไปได้ที่พวกฮาร์ดคอร์อาจจะหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วก็รอจังหวะโอกาสหรือว่ารอคำสั่งที่จะให้ปฏิบัติการก่อวินาศกรรมขึ้นมา

**เป้าที่เขาจะยิง M79 เข้าใส่ โอกาสที่เขาจะยิงเข้าใส่ทหาร บุคคลสำคัญ หรือคนเสื้อแดงด้วยกันเอง อย่างไหนจะมากกว่ากัน

ถ้าเราดูเขาเริ่มยิงใส่ทหารก่อน ต่อมาก็บุคคลสำคัญ ซึ่งการยิงเข้าใส่กรมทหารราบที่ 1 พัน 1 รอ. เพื่อยั่วยุ ทำให้ทหารหมดความอดทน ให้ทหารรู้สึกว่าถูกกระทำ ส่วนการยิงใส่บุคคลสำคัญก็เพื่อทำให้สังคมรู้สึกหวาดกลัว แต่ถ้ามีการยิงใส่กลุ่มเสื้อแดงเขาก็จะทำเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชุมนุมและทุกฝ่ายให้ขึ้นสูงพร้อมที่ปะทะกัน ซึ่งถ้าจะทำแบบนั้นเขาก็จะทำเป็นระบบ นอกจากทำร้ายผู้คนแล้วก็จะมีการทำลายทรัพย์สิน ซึ่งอันนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่มีการคิดและการวางแผนที่จะทำอยู่ แต่ว่ามันจะทำได้ผลหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลด้วย ถ้ารัฐบาลมีการวางมาตรการป้องกันไว้อย่างเข้มรัดกุม เมื่อมีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นก็สามารถส่งกำลังไประงับเหตุได้ทันท่วงที ไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย ถ้าอย่างนั้นเราก็จะสามารถจำกัดขอบเขตของความรุนแรงให้อยู่ในความควบคุมได้ ไม่ให้มันขยายออกไป ยิ่งถ้าสามารถจับกุมคนที่ก่อกวนได้มันก็ยิ่งทำให้รัฐมีความเข้มแข็งมากขึ้น ได้รับคะแนนนิยมมากขึ้น คือคนที่จ้องจะทำก็ต้องการให้บานปลายอยู่แล้ว ส่วนรัฐเองก็พยายามควบคุมให้อยู่ในขอบเขตจำกัด ทีนี้นอกจากกลุ่มที่อาจจะเป็นเสื้อแดงด้วยกันแล้ว เราก็เห็นว่ามันก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่คอยฉวยโอกาส ซึ่งกลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มในรัฐบาลเอง

**เป็นพวกเสื้อน้ำเงินหรือเปล่า

ใช่ครับ ทีนี้ก็อาจจะมีคำถามว่าแล้วเสื้อน้ำเงินมาก่อกวนทำไม เขาก็อยู่ในรัฐบาลดีๆ อยู่แล้ว การก่อกวนของพวกเสื้อน้ำเงินถ้าเขาจะทำ ก็คงจะมีเป้าหมายหลักๆ ก็คือต้องการที่จะจัดการกับคุณอภิสิทธิ์โดยตรง ก็คือต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะต้องการให้คนที่เขาคุมได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องการให้คุณอภิสิทธิ์หมดความชอบธรรมหรือถอดใจลาออก เขาจะได้สรรหาคนที่จะเป็นนายกคนใหม่ที่เขาสามารถเชิดได้ ก็ด้วยการทำยังไงก็แล้วแต่ให้คุณอภิสิทธิ์ดูไม่ดีในสายตาของสังคมจนต้องลาออกไปเอง แล้วก็ให้คนอื่นเข้ามา เพราะว่าอยู่กับคุณอภิสิทธิ์กลุ่มนี้ก็อาจจะลำบากนิหนึ่งเพราะคุณอภิสิทธิ์ก็ไม่ค่อยตามใจเท่าไร ก็ยังขัดขวางอยู่บางส่วน ก็มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มนี้จะสร้างความรุนแรง

เราจะเห็นว่ามันมีปรากฏการณ์ที่เหมือนกับเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟของคนกลุ่มนี้อยู่ เช่นการออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ก่อนที่กลุ่มเสื้อแดงจะเริ่มชุมนุม หรือแม้กระทั่งความพยายามจัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 และ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าไม่สามารถจัดประชุมได้ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงร่องรอยของการราดน้ำมันเข้ากองเพลิง เราลองนึกภาพนะว่านั่งประชุมสภาฯอยู่ดีๆ พวกเสื้อแดงก็เดินเข้าไปปิดล้อมสภาไว้ แล้วเขาก็เอารถมาบล็อกไว้ทุกทิศทาง ถนนรอบสภาก็ไปไม่ได้ แล้วก็เอาคนมากันไว้ สถานการณ์ก็จะรุนแรง ซึ่งอาจจะเหมือน 7 ตุลาฯ ก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นรัฐบาลก็จะเกิดปัญหาและสั่นคลอน

**ทำไมคุณทักษิณถึงไม่ให้ลูกเมียมานำขบวนในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งวิธีนี้น่าจะสามารถเรียกศรัทธาจากมวลชนได้

เอ้อ..คุณทักษิณเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ครอบครัวมั๊ง ก็คงไม่อยากให้เอาลูกเมียเขามาเสี่ยง เพราะการชุมนุมมันลำบากนะ ไปนอนกลางดินกินกลางทรายเนี่ย ลูกเมียของเขาก็นอนฟูก นอนอยู่ห้องแอร์ตลอด ก็เป็นลูกคนรวยที่ถูกตามใจ เขาเคยลำบากที่ไหนล่ะ เขาก็คงกลัวลูกตัวเองลำบาก แล้วถ้ามากไปกว่านั้นก็คือว่าเขาก็อาจจะมีแผนที่จะทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธี เขาก็กลัวลูกตัวเองจะหลบไม่ทัน อาจจะตกอยู่ในวังวนตรงนั้นก็เลยไม่ให้ลูกเมียมา อีกประการหนึ่งเขาก็อาจจะมองว่าการเคลื่อนไหวแบบนี้อาจทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจแล้วเมื่อไม่สามารถเล่นงานเขาได้ก็ไปเล่นงานลูกเมีย

เขาก็เลยต้องกันให้ลูกตัวเองปลอดภัยโดยให้เดินทางไปต่างประเทศ แล้วก็ยุยงให้ลูกเมียคนอื่นออกมาเสี่ยงแทน ซึ่งตรงนี้ก็มีผลในเชิงจิตวิทยาเพราะเสื้อแดงเองเขาก็ตั้งคำถามว่าทำไมคุณทักษิณถึงให้ลูกเมีย ญาติพี่น้อง หนีไปต่างประเทศหมด ไม่มีใครมานำการเคลื่อนไหวร่วมกันเลย แล้วอย่างนี้มันจะมีพลังในการเคลื่อนไหวได้อย่างไร ถ้าเขาให้ลูกเมียพี่น้องมานำปราศรับก็อาจจะเรียกคนได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ก็คงไม่สามารถเรียกได้เพราะว่าคนจำนวนมากก็คงจะเห็นธาตุแท้เรื่องความเห็นแก่ตัวของคุณทักษิณ

**ดูไปดูมาเหมือนกลุ่มเสื้อแดงจะแพ้

คือ..เขาอาจจะแพ้ในยุทธวิธีในครั้งนี้ คือถ้าหากเป้าหมายของเขาต้องการให้รับบาลยุบสภาหรือว่าต้องการให้คุณทักษิณได้รับการนิรโทษกรรม และเอาตรงนี้เป็นแพ้ชนะ ก็แน่นอนว่าเขาจะแพ้ตรงนี้ แต่ว่าในทัศนะของคนเสื้อแดงหลายกลุ่มก็อาจจะไม่ได้มองตรงนี้เป็นจุดแพ้ชนะในการต่อสู้ เพียงแต่ว่าอาจจมองว่าครั้งนี้เป็นขั้นตอนหนึ่งในการต่อสู้ภาคมวลชน ถ้าดูพัฒนาการของคนเสื้อแดงจะเห็นว่าการชุมนุมครั้งนี้เรียบร้อยกว่าครั้งที่แล้ว กลุ่มฮาร์ดคอร์ก็หายไป และคนที่มาชุมนุมมีผู้หญิงเยอะที่ถูกระดมจัดตั้งเข้ามา มีผู้ชายน้อย ดูศิวิไลซ์ขึ้น ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงบางกลุ่มอาจจะเห็นดีเห็นงามกับยุทธวิธีนี้ แต่อาจจะไม่ทันใจคุณทักษิณที่ต้องการปิดเกม

ถ้าเป็นอย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันในกลุ่มแกนนำก็ได้เพราะว่ากลุ่มแกนนำที่นำมวลชน ไม่ว่าจะเป็น วีระ มุสิกพงศ์ , ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ , จตุพร พรหมพันธุ์หรือ นพ.เหวง โตจิราการ พวกนี้เขาไม่อยากติดคุก เพราะถ้ามีความวุ่นวายเกิดขึ้นโอกาสที่คนพวกนี้จะติดคุกก็มีสูง เพราะเขาเป็นคนออกหน้า เขาจึงพยายามพูดอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นไม่ใช่ฝีมือเสื้อแดง ก็เป็นการกันตัวเองว่าตัวเองไมได้ก่อความรุนแรง จตุพรเขาก็บอกอย่างนี้เหมือนกันเพราะถ้ามีความรุนแรงขึ้นมาปุ๊บ..เขาโดนก่อน และถ้ายิ่งอยู่นานเขาก็ยิ่งได้ประโยชน์

เขาก็บอกว่าม็อบครั้งนี้ก็โอเคนะสู้ได้ระดับนี้ แล้วเขาก็กลับไป คราวต่อไปก็สู้ใหม่ แต่ทักษิณคงไม่ชอบ (หัวเราะ) แต่หลายคนก็อาจจะชอบแบบนี้ ไม่ต้องเสี่ยง มาก็มาชุมนุมด่ารัฐบาล ยื่นข้อเรียกร้อง ได้ไม่ได้ก็กลับ ก่อนที่จะกลับก็ประกาศชัยชนะว่าตอนนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องเหยียบเลือดประชาชนเข้าไปทำงานในทำเนียบฯ เราได้รับชัยชนะแล้ว อย่างวันที่เขาตามนายกฯไปที่กรมทหารราบที่ 11 เขาก็ประกาศชัยชนะไปเรียบร้อยแล้ว คือเขาก็รู้ว่ามันไม่มีทางที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เพราะในวันแรกเขาก็รู้แล้วว่าผู้ชุมนุมมาไม่ถึงล้านคน เขาก็จบเห่แล้ว การที่จะใช้มวลชนในการกดดันมันทำไม่ได้

**อาจารย์มองการรับมือของรัฐบาลครั้งนี้อย่างไร

ครั้งนี้รัฐบาลมีการกำหนดยุทธศาสตร์ในเชิงรุกกับกลุ่มเสื้อแดงมากขึ้น และการรุกเนี่ยก็เป็นการรุกในเชิงข้อมูลข่าวสารอย่างมีระบบพอสมควร ตั้งแต่การออกมาพูดเรื่องท่อน้ำเลี้ยงของม็อบซึ่งก็ทำให้การเคลื่อนไหวถูกต้องคำถามพอสมควร และการให้ข่าวเรื่องอื่นๆโดยคุณปณิธาน (วัฒนายากร) โฆษกรัฐบาล ซึ่งก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้ความชอบธรรมของการชุมนุมลดลง และในแง่ของการจัดระบบในการป้องกันความรุนแรงและการควบคุมฝูงชนเขาก็พยายามดำเนินการให้เป็นไปตามหลักสากล แล้วก็มีการซักซ้อมการควบคุมฝูงชนโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ต่างๆ ว่าถ้ามีเหตุการณ์จะต้องทำอะไรบ้าง อันนั้นก็เหมือนกับเป็นการตัดไม้ข่มนามว่าถ้ามีการจลาจลเกิดขึ้นก็จะมีวิธีการควบคุมฝูงชน ขณะเดียวกันก็พยายามฉายภาพให้เห็นว่าถ้ามีการควบคุมฝูงชนเกิดขึ้นจริงก็จะมีการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งขั้นที่แรงที่สุดก็คือการใช้กระสุนยาง เป็นการควบคุมฝูงชนตามหลักสากล ไม่ใช้แก๊สน้ำตาที่หมดอายุ หรือแก๊สน้ำตาผสมดินระเบิดเหมือนรัฐบาลชุดก่อน จะไม่มีการใช้กระสุนจริง ทำให้เราเห็นว่าภาพของรัฐบาลก็เริ่มเป็นมวยมากขึ้น

รัฐบาลมีความรัดกุมในการดำเนินการ แล้วการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในช่วงก่อนการชุมนุมก็นับเป็นกลไกอันหนึ่งที่ทำให้ทหารสามารถเข้ามาช่วยในการดำเนินการควบคุมฝูงชนได้ ถ้าไม่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็จะต้องใช้ตำรวจเป็นหลัก ทีนี้ตำรวจ 90% ก็เห็นใจเสื้อแดง ถ้ามีการจลาจลแล้วสั่งตำรวจไป ก็อาจจะไม่ค่อยได้ผลในการที่จะควบคุมก็เลยต้องอาศัยกำลังทหารเข้าไปช่วย ส่วนจะประกาศภาวะฉุกเฉินหรือไม่นั้นถ้าเป็นสถานการณ์ที่มีการชุมนุมแบบนี้ แบบสันติ ไม่มีความรุนแรงอะไร อาจมีระเบิดบ้างเป็นหย่อมๆ ก็คงไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะประกาศภาวะฉุกเฉินก็ต่อเมื่อมีการจลาจลหรือมีการวินาศกรรมครั้งใหญ่ที่มีคนเสียชีวิตอะไรแบบนี้ อันนั้นก็อาจจะประกาศ ซึ่งก็คิดว่าก็คงไม่น่ามีนะ

**อาจารย์มองว่าขณะที่เจ้าของเงินต้องการให้มีความรุนแรง แต่ว่าแกนนำมวลชนไม่ต้องการความรุนแรง แล้วแบบนี้มันจะเดินไปยังไง

เขาก็จะเดิน 2 ทาง คือหน้าหนึ่งเขาก็จะชูธงสันติ ถ้าหากธงสันติสามารถกดดันรัฐบาลได้ก็โอเค ก็ใช้ธงนั้นไป แต่ธงสันติไม่สามารถกดดันรัฐบาลตามเงื่อนไขของเขาได้ เขาก็จะไปใช้อีกธงหนึ่ง ก็คือเป็นยุทธวิธีที่รุนแรง ซึ่งการใช้ยุทธวิธีที่รุนแรง เขาก็จะไม่บอกแกนนำ แล้วดีไม่ดีแกนนำที่ชูธงสันติก็อาจจะเป็นเหยื่อเพื่อสร้างสถานการณ์ก็ได้

**อาจจะมีคนลอบยิงแกนนำบนเวที

ก็อาจจะเป็นไปได้ เพื่อสร้างความรู้สึก กระตุ้นมวลชนให้เกิดความคั่งแค้น ซึ่งตอนนี้ในสายข่าวบางสายข่าวเขาก็มีการจับตาดูอยู่ โดยเฉพาะทหารนอกราชการบางกลุ่มที่ดูจะเงียบไปในช่วงที่มีการชุมนุม ซึ่งสายข่าวบางสานข่าวก็บอกว่ามีการซ่องสุมกำลังในลักษณะทำนองนี้อยู่แล้วก็คอยจังหวะและโอกาส ก็มีการติดตามและเฝ้าระวังกันอยู่ ซึ่งเราก็คงไม่อยากให้ความรุนแรงเช่นนั้น เกิดขึ้น แต่ถ้าถึงตาจนและต้องการให้เป้าหมายตัวเองบรรลุมันก็มีความเป็นไปได้ที่เขาต้องการทำลาย

เพราะถ้าเขาไม่ได้ตามเป้าหมาย คุณทักษิณเขาเคยพูดว่า..ก็ให้เละกันไปทั้งหมด ก็เป็นไปได้นี่ ในเมื่อเขาแพ้แล้ว ต่อไปเขาก็ทำให้มันเละกันไปทั้งหมด ถ้าสังคมไทยมีความรุนแรง มีวินาศกรรมก็แน่นอนว่าเศรษฐกิจบ้านเราก็ต้องถดถอย ใครเขาก็ไม่อยากมา ก็คือเละกันทุกฝ่าย หรือถ้าเราดูการโฟนลิงก์ของคุณทักษิณในช่วงที่มีการชุมนุม อารมณ์เขาก็เริ่มมีการแปรปรวนมากขึ้น.. มากขึ้นนะ ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นอันตรายเพราะเวลาตัดสินใจอะไรก็อาจจะไม่รอบคอบ บางทีก็อาจจะตัดสินใจสั่งให้ทำเลยโดยไม่คำนึงถึงอะไรแล้ว ไม่สนใจผลกระทบ ไหนๆเข้าประเทศไทยไม่ได้ ไม่มีทางกลับมามีอำนาจก็ให้มันเละกันไปเลย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สถานะของคุณทักษิณ ถ้าประด็นที่สหรัฐอเมริกาบอกว่าจากการข่าวพบว่าคุณทักษิณสั่งให้ก่อวินาศกรรมในประเทศไทยเป็นจริง สถานะของคุณทักษิณก็เท่ากับเป็นผู้ก่อการร้ายสากลแล้ว และถ้าจริงสหรัฐก็จะส่งเรื่องไปยังรัฐบาลทุกประเทศว่าบุคคลคนนี้ไม่พึงปรารถนา มีสถานะเป็นผู้ก่อการร้าย ทุกประเทศต้องเฝ้าระวัง ซึ่งคราวนี้พื้นที่ของคุณทักษิณยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะการสั่งวินาศกรรมเป็นการสั่งข้ามประเทศ ซึ่งการสั่งวินาศกรรมมันเข้าข่ายผู้ก่อการร้าย

**มีบางคนมองว่าอาจมีการสร้างสถานการณ์ ยิง M79 เข้าไปที่กลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อให้เกิดการนองเลือดและเกิดจลาจล เพื่อดึงให้สถาบันลงมาไกล่เกลี่ยเหมือนตอนที่มีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

อันนั้นเป็นความต้องการของคุณทักษิณ แต่เป็นไปได้ยากมากเพราะว่าความขัดแย้งตอนนี้มันต่างจากความขัดแย้งตอนเดือนพฤษภาฯ 2535 ความขัดแย้งในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬนั้นเป็นเรื่องของประชาชนโดยตรงที่ต้องการประชาธิปไตย ต้องการรัฐธรรมนูญ แล้วก็ต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหาร แต่ตอนนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่ว่าจะถูกโจมตีจากคนเสื้อแดงอย่างไรแต่ก็มาจากการเลือกตั้ง มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ แล้วก็ผู้เรียกร้องคราวนี้ไม่ใช่ประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตยแต่เป็นประชาชนที่ต้องการให้คุณทักษิณเข้ามามีอำนาจ เพราะฉะนั้นสถานการชรณ์เหมือนเป็นความขัดแย้งเพื่อคน ๆเดียว ซึ่งถ้าเป็นความขัดแย้งเพื่อคนๆเดียว ผมคิดว่าสถาบันคงไม่ลงมา และรัฐบาลเองก็มีความชอบธรรมเพียงพอที่จะควบคุมฝูงชนในการที่จะทำให้ประเทศเกิดความสงบ

**ดูแล้วช่วงนี้ไม่น่ามีทหารออกมาปฏิวัติใช่ไหม

ช่วงนี้ทหารที่มีอำนาจแล้วก็อยู่ในตำแหน่งหลักก็ยังสนับสนุนรัฐบาล ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)และรองผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันก็ยังให้การสนับสนุนรัฐบาล แต่ในกลุ่มทหารไม่ได้มีแค่ 2 กลุ่มนี้ อาจจะเป็นทหารกลุ่มอื่น ทหารที่สนิทสนมกับทหารนอกราชการบางคนก็มี และกลุ่มนั้นก็อาจจะจ้องรอจังหวะอยู่ มันก็มีการวิเคราะห์กันว่าถ้ามีการจลาจลทีบานปลายอาจจะมีทหารบางกลุ่มฉวยโอกาสเข้ามาทำรัฐประหาร ซึ่งเท่าที่ได้ข่าวมา กลุ่มนี้มีกำลังอยู่ประมาณ 5,000 ถึง 10,0000 นาย ที่เขาสามารถควบคุมกำลังได้ ซึ่งก็อยู่ในความดูแลของทหารนอกราชการบางคน ก็อาจจะจ้องอยู่แต่ว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมันยาก คือโอกาสที่จะเป็นกบฏสูงเพราะว่ากองกำลังหลักยังถูกดูแลโดย ผบ.ทบ. และรอง ผบ.ทบ.คนปัจจุบันอยู่ เพราะฉะนั้นมันก็มีความเสี่ยงที่จะทำ ยกเว้นว่าเขาจะมียุทธวิธีที่คาดไม่ถึง ก็คงต้องรอดู แต่คิดว่ามันไม่น่าจะเกิดนะ

**เท่าที่ดูตอนนี้พื้นที่ของคุณทักษิณนับวันยิ่งน้อยลงทุกที ไปอยู่ประเทศไหนก็ลำบากเพราะประเทศต่างๆเขาไม่ต้องการให้คุณทักษิณไปใช้ประเทศของเขาเป็นฐานในการปลุกระดมและสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทย

คือตอนนี้ที่สบายๆของเขามีน้อยลง อย่างดูไบก็นับว่าสบายเพราะมันอยู่ในเอเชีย ไปมาก็ใกล้ มีคนไปเยี่ยมบ่อยๆ มันก็ไม่เหงาเท่าไร และเป็นประเทศเอเชียด้วยกันก็อาจจะพูดจากันถนัดหน่อย ตอนนี้ไปอยู่ประเทศมอนเตเนโกรซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ เดินทางไปไหนมาไหนลำบาก เคลื่อนไหวอะไรก็สะดวก ครั้นจะไปอยู่แอฟริกาก็จะยิ่งลำบากเพราะมันไกลและคงไม่สะดวกสบายเท่าไร ถ้ามาเขมรก็เสี่ยง คุณทักษิณอาจจะคิดว่าเขาเสี่ยง เพราะจุดยืนของฮุนเซนถึงที่สุดแล้วเขาอาจจะไม่ได้ไว้ใจฮุนเซนเท่าไร บางทีฮุนเซนอาจจะคุยกับรัฐบาลไทยแล้วจับเขาส่งไทยเพื่อแลกกับอะไรบางอย่างก็ได้ แต่เขาก็มีเกาะอยู่แถวภาคตะวันออกโดยมีคนคอยดูแลให้เขาอยู่ แต่ก็คงเข้ามาลำบาก ซึ่งถ้ามาอยู่ตรงนั้นกองกำลังของกองทัพไทยก็คงทราบและการตามจับตัวก็คงไม่อยากเท่าไร ดังนั้นพื้นที่ของเขาก็อาจจะอยู่แถวมอนเตเนโกร แอฟริกา หรือแถบแคริเบียน อีกทีหนึ่งก็ไปแถบแปซิฟิก ปาปัวนิวกินี โซโลมอน คือประเทศที่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยเขาคงไปอยู่ยากแล้ว ก็คงต้องไปอยู่ในประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย คือประเทศไหนที่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยรัฐบาลไทยก็จะประสานไป เพราะฉะนั้นพื้นที่ของเขาก็คงจะแคบลง..แคบลง

**ดูแล้วตอนนี้คุณทักษิณปิดประตูชนะ

ใช่ ยังไงเขาก็ไม่บรรลุเป้าหมายตามที่เขาต้องการ

ภาพโดย....อดิศร ฉาบสูงเนิน

กำลังโหลดความคิดเห็น