ASTVผู้จัดการรายวัน-จับแล้วโชเฟอร์แท็กซี่ อ้างชื่นชอบเสื้อแดงและเกลียดทหาร ปาขวดเครื่องดื่มชูกำลังบรรจุน้ำมันก๊าด ถูกรถถังปลดประจำการภายใน พล.ม.2 “ผบช.น.”นำทีมแถลง สารภาพ ชักชวนเพื่อนแท็กซี่ 3 คัน ร่วมก่อเหตุ
วานนี้(19 มี.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)เมื่อเวลา 21.40 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 แถลงผลการจับกุมนายนิกร มาลัยศรี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/119 หมู่ 3 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลาง รถแท็กซี่สีเขียวของสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ หมายเลขทะเบียน ทม 484 กทม. หลังร่วมกับเพื่อนที่หลบหนีก่อเหตุปาระเบิดเพลิงเข้าไปใน กองพลทหารม้าที่ 2 รักษษพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ถนนพหลโยธิน ทำให้รถถังที่จอดอยู่ด้านหน้าเสียหาย เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้ขวดเอ็ม150 บรรจุน้ำมัน จุดไฟปาใส่รถถัง พล.ม.2 รอ. เป็นเหตุให้ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหายมูลค่า 1 หมื่นบาท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้
จากการสอบสวนให้การว่าผู้ต้องหาชื่นชอบกลุ่มคนเสื้อแดง และร่วมชุมนุมหลายครั้ง ก่อนเกิดเหตุได้รับชายไม่ทราบชื่อจากบริเวณใกล้กับสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ชักชวนให้นำขวดน้ำมันไปเผารถถังทหาร โดยเดินทางมากับเพื่อนแท็กซี่มารวมกัน 3 คัน โดยตั้งใจมาก่อเหตุดังกล่าว โดยรถคันของตนมีชายคนหนึ่งก่อเหตุปาขวดบรรจุน้ำมันที่เตรียมมา ปาเข้าใส่ พล.ม.2 รอ. โดยไม่รู้จักกันมาก่อน ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี ส่วนสาเหตุที่ทำเนื่องจากไม่ชอบทหาร โดยแท็กซี่อีก 2 คันที่มาด้วยก็ไม่รู้จักกันมาก่อน
"ผมไม่รู้จักกับเขามาก่อน แต่เรามีอุดมการณ์เดียวกัน ระหว่างที่นั่งรถมาเขาบอกว่าเกลียดป๋า อยากเผารถถัง จึงได้ขับพาเขาไป หลังปาระเบิดเพลิงเสร็จ ได้พาเขากลับไปส่งตรงจุดเดิม ก่อนแยกย้ายกันไป หากถามว่าคิดยังไงที่ทำ ตอนนั้นมันตื้อๆ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้"นายนิกร กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาเตรียมขยายผลติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดี ส่วนนายนิกรถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันพยายามทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น และทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 14,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 22.45 น.คืนวันที่ 18 มี.ค. เกิดเหตุคนขับรถแท็กซี่ ไม่ทราบทะเบียน ได้นำขวดกระทิงแดง บรรจุน้ำมัน คล้ายเป็นระเบิดเพลิงได้ขว้างปาเข้าไปบริเวณรถถังที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้ากองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ( พล ม.2 รอ.) หลังจากนั้นคนขับรถแท็กซี่ ได้ขับรถหนีไปบริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต่อมากำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่กองรักษาการได้แจ้งไปยังสถานีตำรวจนครบาลดินแดง เพื่อให้ติดตามคนร้าย ที่นำระเบิดเพลิงมาข้างปา
อย่างไรก็ตาม ทางผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 ได้รายงานไปยังผู้บัญชาการทหารบก เพื่อรายงานถึงเหตุการณ์ ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งให้หน่วยราชการเพิ่มมาตรการเข้มงวดในหน่วยทหาร รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานบริเวณกองรักษาการให้สวมเสื้อเกราะ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำอีก นอกจากนี้ผู้บัญชการทหารบก ได้สั่งไปยังทุกหน่วยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้ระมัดระวังป้องกันคนร้ายที่จะสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพราะเกรงว่า จะมีมือที่สามมาสร้างสถานการณ์
วานนี้(19 มี.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)เมื่อเวลา 21.40 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 แถลงผลการจับกุมนายนิกร มาลัยศรี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/119 หมู่ 3 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลาง รถแท็กซี่สีเขียวของสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ หมายเลขทะเบียน ทม 484 กทม. หลังร่วมกับเพื่อนที่หลบหนีก่อเหตุปาระเบิดเพลิงเข้าไปใน กองพลทหารม้าที่ 2 รักษษพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ถนนพหลโยธิน ทำให้รถถังที่จอดอยู่ด้านหน้าเสียหาย เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้ขวดเอ็ม150 บรรจุน้ำมัน จุดไฟปาใส่รถถัง พล.ม.2 รอ. เป็นเหตุให้ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหายมูลค่า 1 หมื่นบาท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้
จากการสอบสวนให้การว่าผู้ต้องหาชื่นชอบกลุ่มคนเสื้อแดง และร่วมชุมนุมหลายครั้ง ก่อนเกิดเหตุได้รับชายไม่ทราบชื่อจากบริเวณใกล้กับสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ชักชวนให้นำขวดน้ำมันไปเผารถถังทหาร โดยเดินทางมากับเพื่อนแท็กซี่มารวมกัน 3 คัน โดยตั้งใจมาก่อเหตุดังกล่าว โดยรถคันของตนมีชายคนหนึ่งก่อเหตุปาขวดบรรจุน้ำมันที่เตรียมมา ปาเข้าใส่ พล.ม.2 รอ. โดยไม่รู้จักกันมาก่อน ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี ส่วนสาเหตุที่ทำเนื่องจากไม่ชอบทหาร โดยแท็กซี่อีก 2 คันที่มาด้วยก็ไม่รู้จักกันมาก่อน
"ผมไม่รู้จักกับเขามาก่อน แต่เรามีอุดมการณ์เดียวกัน ระหว่างที่นั่งรถมาเขาบอกว่าเกลียดป๋า อยากเผารถถัง จึงได้ขับพาเขาไป หลังปาระเบิดเพลิงเสร็จ ได้พาเขากลับไปส่งตรงจุดเดิม ก่อนแยกย้ายกันไป หากถามว่าคิดยังไงที่ทำ ตอนนั้นมันตื้อๆ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้"นายนิกร กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาเตรียมขยายผลติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดี ส่วนนายนิกรถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันพยายามทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น และทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 14,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 22.45 น.คืนวันที่ 18 มี.ค. เกิดเหตุคนขับรถแท็กซี่ ไม่ทราบทะเบียน ได้นำขวดกระทิงแดง บรรจุน้ำมัน คล้ายเป็นระเบิดเพลิงได้ขว้างปาเข้าไปบริเวณรถถังที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้ากองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ( พล ม.2 รอ.) หลังจากนั้นคนขับรถแท็กซี่ ได้ขับรถหนีไปบริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต่อมากำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่กองรักษาการได้แจ้งไปยังสถานีตำรวจนครบาลดินแดง เพื่อให้ติดตามคนร้าย ที่นำระเบิดเพลิงมาข้างปา
อย่างไรก็ตาม ทางผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 ได้รายงานไปยังผู้บัญชาการทหารบก เพื่อรายงานถึงเหตุการณ์ ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งให้หน่วยราชการเพิ่มมาตรการเข้มงวดในหน่วยทหาร รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานบริเวณกองรักษาการให้สวมเสื้อเกราะ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำอีก นอกจากนี้ผู้บัญชการทหารบก ได้สั่งไปยังทุกหน่วยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้ระมัดระวังป้องกันคนร้ายที่จะสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพราะเกรงว่า จะมีมือที่สามมาสร้างสถานการณ์