xs
xsm
sm
md
lg

แดงยกระดับ"เล่นขี้" นายกฯไม่ปิดทางทางเจรจา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "แดงไพร่" ประกาศไล่ล่า "มาร์ค" เจอที่ไหนบุกล้อมที่นั่น ยกระดับการต่อสู้! สั่งเตรียมขี้คนละถุงไว้ปฏิบัติการในวันที่ 20 มี.ค.นี้ "สุรชัย" ฉะ "วีระ" ยืมเงิน 3 ล้าน ทำเฉย "มาร์ค" ยันพร้อมเจรจาบนกรอบกฎหมาย "ไอ้ตู่" ตั้งแง่ให้มาคนเดียว-ต้องยุบสภา "นพเหล่" ได้ที ต้องนิรโทษกรรมให้ลูกพี่ด้วย


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า การขับเคลื่อนของคนเสื้อแดงต่อจากนี้ไปว่า จะมี 2 แนวทาง คือ 1. ถ้าจังหวะเวลามาถึงที่จะต้องมีการระดมพลใหญ่ ก็จะต้องพร้อมระดมชุมนุมปิดเกมในทันที 2. หากชุมนุมยืดเยื้อ ก็ต้องพร้อมรับมือ

"วันนี้คนเสื้อแดงมีหน่วยเฝ้าระวังอยู่ที่รัฐสภา ถ้ามีข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เข้าร่วมประชุมสภา คนเสื้อแดงจะชุมนุมล้อมรัฐสภาทันที เพื่อแสดงข้อเรียกร้องอย่างตรงไปตรงมา ต่อหน้านายกฯ เช่นเดียวกับหากเข้าทำเนียบรัฐบาล แต่จะไม่บุกเข้าไป ถ้าเรารู้ว่า นายอภิสิทธิ์อยู่ไหน เราก็จะตามไปทุกที่" นายณัฐวุฒิ กล่าว

*ยันไม่เคยใช้บริการ เสธ.แดง

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มแดงไพร่ ตัดขาดกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง จนมีหลายฝ่ายห่วงเรื่องการรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ว่า การ์ดของคนเสื้อแดงในขณะนี้เป็นการ์ดของนปช. ทั้งหมด รวมถึงก่อนหน้านี้ทางคนเสื้อแดงก็ไม่ได้มีการประสานเรื่องการรักษาความปลอดภัยกับทาง เสธ.แดง เพราะแนวทางการต่อสู้ไม่ตรงกันมานานแล้ว

ส่วนการจัดรูปแบบเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงจากนี้ไป จะมีการนำคนจากภาคส่วนต่างๆ มาร่วมมากขึ้น อาทิ ช่วงเช้า จะมีการสรุปวิเคราะห์ข่าว ช่วงบ่าย จะมีกลุ่มนักศึกษา ที่มีแนวทางเดียวกับคนเสื้อแดง รวมถึงให้แกนนำคนเสื้อแดงในภาคต่างๆ ขึ้นมาปราศรัยเพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการต่อสู้

นอกจากนี้จะมีการเชิญวิทยากรพิเศษ จากมูลนิธิ111 กลุ่ม 37 พลังประชาชน และ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยมาร่วม ส่วนในช่วงค่ำเป็นหน้าที่ของแกนนำคนเสื้อแดง จะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีวิทยากรพิเศษ อาทิ นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯมาร่วม 

*เอาเลือดไปวาดรูปรำลึก ปชต.

นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึง เลือดที่ได้รับการบริจาคมาที่ยังเหลืออยู่ ว่าจะนำไปมอบให้จิตกร สร้างสรรค์ภาพศิลปะ เพื่อนำมาตั้งแสดงบนเวทีการชุมนุม ให้เป็นการเตือนใจว่า ครั้งหนึ่งไพร่ได้ร่วมกันต่อสู้ในสงครามชนชั้น และสละเลือดร่วมกัน เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยโดยสันติ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้นายวิสา คัญทัพ เป็นผู้ดำเนินการ

สำหรับกรณีการเคลื่อนพลในวันที่ 20 มี.ค.นั้นจะเป็นการเคลื่อนในลักษณะดาวฤกษ์ เพราะจะเป็นการเคลื่อนพลอย่างยิ่งใหญ่ จึงอยากเชิญชวน คน กทม. มาร่วมขับไล่รัฐบาล ทั้งนี้จะมีการแจกใบปลิว ชี้แจงเหตุผลการชุมนุม และแจกสติกเกอร์รูปหัวใจสีแดง มีข้อความว่า รักคนกรุงเทพ รักประชาธิปไตย และขอเชิญทุกสี มาต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืนมา

ส่วนเส้นทางการเคลื่อนพล ขณะนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายที่รับผิดชอบไปศึกษา เนื่องจากการเคลื่อนพลครั้งนี้มีมวลชนเข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งอาจใช้เวลานาน ดังนั้นเพื่อที่จะให้ได้พบกับคน กทม.อย่างทั่วถึง จึงต้องศึกษาเส้นทางที่จะเดินก่อน ส่วนจะใช้เส้นทางไหน จะแจ้งอีกครั้ง

* สุดทราม"แดงไพร่"เล่นปาขี้

ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวทางการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า หลังจากที่คนเสื้อแดงนำเลือดไพร่ไปเทบริเวณทำเนียบรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และบ้านพักนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ ก็ยังไม่ยอมยุบสภา

เรื่องนี้ประชาชนใน จ.สมุทรปราการ รู้สึกอดสูมาก จึงหารือกันว่าจะขอรับบริจาคอุจจาระจากประชาชน คนละ 1 ถุง เพื่อรวบรวมก่อนที่จะนำไปกองที่สถานที่ราชการสำคัญๆ บ้านพักคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบ้านพักอำมาตย์ต่างๆ ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มเสื้อแดงจะกระจายไปพบกับประชาชนทั่วกรุงเทพฯ

*ไอ้ตู่เดือดไส้ศึกกล่อมม็อบกลับบ้าน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ตนได้รับข้อมูลว่ารัฐบาลได้มีการจัดหน่วยเข้ามาแฝงในการชุมนุมของคนเสื้อแดง 2 ชุด จำนวนชุดละ 50 คน โดยชุดแรก จะเข้ามาพูดคุยและโน้มน้าวให้ผู้ชุมนุมเปลี่ยนแนวความคิดให้ยุติการชุมนุม และกลับบ้าน ซึ่งหากตนเจอ ตนจะจัดการทันที

ส่วนชุดที่ 2 จะมีการลงมือในวันที่ 20 มี.ค. ที่คนเสื้อแดงจะเดินขบวนทั่ว กทม.โดยจะมีการจัดชุดขึ้นมาต่อต้านคนเสื้อแดง เพื่อให้เกิดภาพว่าคน กทม.ไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตาม อยากเตือนนายสุเทพว่า ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ใช้ไม่ได้ผลกับคนเสื้อแดง

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แฉว่ามีน้ำเลี้ยงก๊อก 2 ผ่านมาทาง นักธุรกิจการเมือง ชื่อย่อ "ป.-ส.-พ." ว่า คนเสื้อแดงไม่มีท่อน้ำเลี้ยง ส่วนที่มีการปล่อยข่าวว่า เเลือดคนเสื้อแดงเป็นเลือดวัว เลือดควาย ถือว่าเป็นการดูถูกหัวใจประชาชน ดูถูกความเป็นมนุษย์ของพวกเรา อย่างไรก็ตามอยากท้านายสุเทพว่า หากที่พูดมาเป็นความจริง ก็ให้แสดงหลักฐานมา และตนพร้อมท้าจะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และจะเอาปืนมาจ่อหัวยิงตัวตาย

*"พัลลภ" สมน้ำหน้า 3 เกลอใกล้แพ้

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่เริ่มมีผู้ชุมนุมน้อยลงว่า ตนยังยืนยันจุดยืนเดิมคือ จะไม่เข้าไปยุ่งกับม็อบเสื้อแดง เพราะเมื่อแกนนำ 3 เกลอ ไม่ต้องการตน ตนก็ไม่ต้องไปช่วย ปล่อยให้พวกเขารู้ว่าการจะชนะมันไม่ง่าย ตอนนี้เขาชุมนุมไปวันๆหนึ่งไม่มียุทธศาสตร์ หรือยุทธวิธีใดๆเลย จนคนหนีกลับบ้านหมด และใกล้จะแพ้แล้ว ถือว่าเป็นบทเรียนของแกนนำ 3 เกลอ

ส่วนที่รัฐบาลเป็นห่วงว่า เมื่อผู้ชุมนุมน้อยลงอาจจะมีกลุ่มใต้ดินลงมาทำให้เกิดความรุนแรงมากนั้น พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า “ไม่ต้องกลัวหรือหวาดระแวงว่า ผมจะเล่นเกมใต้ดิน หรอกผมบอกว่าไม่ยุ่งก็คือไม่ยุ่ง ผมอยู่บ้านเกือบทุกวัน มีแค่ออกไปเล่นกอล์ฟบ้างเท่านั้น ไม่ต้องส่งใครมาตามผม การจะเล่นใต้ดินได้มวลชนต้องเข้มแข็ง แต่ขณะนี้มวลชนมีจำนวนน้อยลง และอ่อนเพลีย เพราะอากาศร้อนมาก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมทนไม่ไหว เล่นไปก็มีแต่ตายเท่านั้น ผมไม่โง่ที่จะทำอย่างนั้นหรอก" พล.อ.พัลลภกล่าว

ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการลอบสังหารนายอภิสิทธิ์ นั้นตนมองว่า รัฐบาลเป็นผู้ปลุกกระแสข่าวขึ้นมาเอง เพื่อเรียกคะแนนสงสาร และใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม นายอภิสิทธิ์ อยู่ในค่ายทหารตลอด ใครจะไปทำอะไรได้

*จวกวีระยืมเงิน 3 ล้านแล้วทำลืม!!

นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่ม “แดงสยาม” เปิดเผยล่าสุดถึงการเตรียมการจัดตั้งองค์กรแดงสยาม อย่างเป็นทางการว่า ได้หารือกับแกนนำแล้ว รวมทั้งนายจักรภพ เพ็ญแข ด้วย ได้มีข้อสรุปคือ นายจักรภพ กำลังร่างพิมพ์เขียวเพื่อจัดองค์กรแดงสยาม และร่างนโยบาย เพื่อรองรับกลุ่มคนเสื้อแดงที่แตกมาจากกลุ่ม นปช. ซึ่งขณะนี้มีการติดต่อมายังตนเป็นจำนวนมาก เพราะไม่มั่นใจกับแนวทางของ 3 เกลอ

นายสุรชัย ยังกล่าวถึงนายจตุพรว่า ถ้าทักษิณ ไม่เลี้ยง แม้แต่ส.ส.ก็ไม่ได้เป็น ตนรู้ว่า 3 เกลอ ต้องการอะไร รวมทั้งคนที่แวดล้อมอยู่นั้น กล้าสาบานหรือไม่ว่า หากพรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาล จะไม่ลง ส.ส.และไม่รับตำแหน่งใดๆ นายวีระกล้าหรือไม่ ว่าจะไม่เป็นหัวหน้ามุ้งในเพื่อไทย ที่ยืนเต็มแผงหลังอยู่นั่นก็ไม่ต้องลงสมัคร ส.ส. กล้าสาบานหรือไม่ว่า จะสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

"ผมกล้าประกาศเลยว่า ผมไม่เคยขอเงินทักษิณ มีแต่บริจาคให้ ผมบริจาคให้นายธีรศักดิ์ นาคแก้ว ลุงของนายณัฐวุฒิ ที่มาเปิดโรงเรียน นปช. ที่นครศรีธรรมราช 3 หมื่นบาท ให้พรรคเพื่อไทย 1.8 แสนบาท เงินเหล่านี้ผมยกให้ไปเลย แต่วันนี้ผมต้องทวงหนี้ นายวีระ มุสิกพงศ์ ผมมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษ าและติดตามทวงหนี้ของ บริษัท อควาสตาร์ ที่จำหน่ายอาหารกุ้ง ใน อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งได้รับมอบหมายมานานแล้วจากคุณมาลี วนสุข เจ้าของบริษัท ภรรยาของพลโทวีระ วนสุข ที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว ให้ทวงเงินที่นายวีระ ยืมไปจาก คุณมาลี 3 ล้านบาท สมัยที่นายวีระเป็นประธานที่ปรึกษานายวันมูหะหมัด นอร์มะทา ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา ในขณะนั้น ผมจะได้รับรายได้เป็นจำนวนเงิน 30 เปอร์เซ็นต์ของมูลหนี้ ซึ่งผมจะได้ 9 แสนบาท จะได้นำมาใช้จ่าย ให้นายวีระช่วยจ่ายหนี้ก้อนนี้ด้วย อย่าเป็นคนยืมเงินเขาแล้วไม่คืน" นายสุรชัย กล่าว

* กก.สิทธิฯถกมาร์คหาทางออก

เมื่อเวลา 12.20 น. วานนี้ (18 มี.ค.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ กองบัญชาการ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอมรา พงษ์สาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมทั้งคณะกรรมการสิทธิ์ฯ ร่วมแถลงข่าว ภายหลังคณะกรรมการสิทธิฯ เข้าพบเพื่อนำข้อเสนอของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ในการเจรจา เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี พร้อมกันนี้คณะกรรมการสิทธิฯ ได้มอบดอกกุหลาบสีขาว เป็นกำลังใจให้กับนายกฯด้วย

* จัดเวทีรัฐบาลเจรจาเสื้อแดง

นางอมรา กล่าวว่า ทางแกนำผู้ชุมนุม ฝากให้มาคุยกับทางรัฐบาลว่า อยากมีพื้นที่ที่จะคุยกันด้วย จึงได้มาคุยกับนายกฯ และคณะรัฐบาล ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยังมีความกังวลว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีหลายกลุ่ม และวิธีการนำมีหลายรูปแบบ ไม่มีเอกภาพ ทำให้การดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมยากลำบากสักหน่อยในเรื่องของความปลอดภัย และความสงบ เราจึงได้นำข้อเสนอเชิงข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุม โดยชุมนุมจะชุมนุมโดยสงบ และรัฐบาลดูแลความเรียบร้อย และเรามีข้อตกลงในเรื่องของการปิดล้อมสถานที่ ซึ่งจะเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรัชทายาท รวมทั้งสถานที่ราชการ โรงพยาบาล สนามบิน และสถานทูต องค์กรยูเอ็น

แต่ทางรัฐบาลขอเพิ่มว่าน่าจะมีการตกลงว่า จะต้องไม่มีการปิดล้อมบ้านพักนายกฯ หรือของพรรคประชาธิปัตย์ หรือใครก็ตาม การปิดล้อมบ้านพักของบุคคล ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิ รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือจะใช้ก็ต่อเมื่อกรณีที่จำเป็นจริงๆ และจะไม่ทำให้กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน จะดำเนินตามหลักสากล และคำวินิจฉัยของศาลปกครอง อันนี้เป็นข้อสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้

"รัฐบาลพร้อมเปิดทางเจรจา การเจรจาและนำไปสู่ข้อยุติทางการเมือง และความสงบ โดยต้องมีการเคารพกติกาด้วยกันทุกฝ่าย ทางคณะกรรมการสิทธิฯ และรัฐบาลเห็นพ้องต้องกันว่า การพูด หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง และการข่มขู่คุกคาม ส่งเสริมให้ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง ถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานด้วย สุดท้ายคณะกรรมการสิทธิฯ เราจะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมกับรัฐบาลและผู้ชุมนุม และฝ่ายต่างๆในสังคม และหวังว่าบนการทำงานต่างๆ จะนำไปสู่สันติภาพในสังคมโดยเร็ว" นางอมรา กล่าว

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอขอบคุณประธาน และคณะกรรมการสิทธิฯที่ได้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และรัฐบาลมีจุดยืนในเรื่องนี้ที่ได้ย้ำมาตลอดว่า หน้าที่ของเราคือการอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย ในสถานการณ์การชุมนุม และมีความพร้อมตลอดเวลา ในการเชื่อมต่อ ประสานงาน เพื่อปรึกษาหารือในกรณีที่มีข้อห่วงใยว่าจะเกิดความตึงเครียด หรือความไม่เข้าใจ หรือความสุ่มเสี่ยงต่อเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่เรายังยืนยันที่จะปฏิบัติต่อไป รวมไปถึงขั้นตอนการตัดสินใจการใช้กฎหมายพิเศษ

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวขอบคุณทางคณะกรรมการสิทธิฯ ที่ได้ลองทำกติกาในการชุมนุม และในการบริหารสถานการณ์ท่ามกลางการชุมนุม ของทั้งฝ่ายผู้ชุมนุม และรัฐบาล ซึ่งเป็นการยืนยันหลักการพื้นฐานว่า การชุมนุมโดยสงบสันตินั้น จะต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา เหตุการณ์โดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ก็มีหลายจุดที่เป็นความห่วงใยของรัฐบาล

ประการแรก ในแง่ของการเคลี่อนไหวในบางลักษณะ เช่น ปัญหาการเจาะเลือด การเทเลือด ปัญหาการขว้างปา ถ้าจะพูดกันอย่างเคร่งครัด ก็ไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด แต่รัฐบาลจะดำเนินการในการบังคับการใช้กฎหมาย ในลักษณะที่ไม่เพิ่มความตึงเครียด แต่รักษาหลักของกฎหมายเอาไว้ โดยมีความยืดหยุ่น และอดทน อดกลั้น แต่จะละเลยทั้งหมดคงไม่ได้ เช่น การขว้างปา ต้องดำเนินการตามปกติของกฎหมาย

*"มาร์ค"เจ็บปวดถูดเทเลือดหน้าบ้าน

ประการที่ 2 เรื่องของการปิดล้อมสถานที่ต่างๆ ในส่วนของปิดล้อมขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ สถานที่ราชการหรือรัฐบาลโดยรวม ที่จริงแล้วมีคำตัดสินศาลปกครองกลางอยู่แล้ว อยากย้ำอีกครั้งว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตามคำวินิจฉัยของศาล

"แต่ประเด็นเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นที่บังเอิญเกิดขึ้นกับตัวผม คือบ้านพักอาศัยส่วนตัว ขอเรียนว่า ผมขอใช้สิทธิในฐานะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิฯด้วย แต่ที่สำคัญคือ สถานที่ที่เป็นของส่วนบุคคลหรือเอกชน ต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิเหมือนกันหมด ฉะนั้นได้ร้องขอกรรมการสิทธิฯ ให้ช่วยพิจารณาคุ้มครองในประเด็นนี้ด้วย หลายคนได้ถ่ายทอดความรู้สึกมาที่ผม แต่คงไม่มีใครรู้สึกเท่ากับคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน หรือเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งผมเข้าใจดี มีทั้งที่โกรธเคือง มีทั้งแสดงความเห็นใจ ผมไม่เอาเรื่องความรู้สึกมาเป็นหลัก แต่อยากให้เราเคารพสิทธิของกันและกันมากกว่า ผมคิดว่า ถ้าลองพิจารณาย้อนกลับไปว่า เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับใคร จะรู้สึกอย่างไร และการแสดงออกกับบุคคลอื่นในลักษณะเช่นนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะตอบว่า เป็นเรื่องของสันติ หรือการเคลื่อนไหวตามสิทธิ โดยปกติ ฉะนั้นวันนี้ต้องขอขอบคุณที่คณะกรรมการสิทธิฯได้เข้าใจในเรื่องนี้" นายอภิสิทธิ์กล่าว

* ย้ำการข่มขู่ไม่ใช่ชุมนุมโดยสงบ

ประเด็นถัดมา ในการชุมนุมเราทราบดีว่า การปลุกเร้าอารมณ์ เพื่อดึงผู้ชุมนุมให้มีอารมณ์ร่วม ที่จะต่อสู้เพื่อเป้าหมายร่วมกัน การด่าทอ ด้วยคำพูดที่หยาบคาย ตนก็พอเข้าใจได้ และมีความยืดหยุ่นได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคำหยาบคายก็คือ ถ้อยคำที่ไม่อาจตีความเป็นอย่างอื่นได้นอกจาก การข่มขู่คุกคาม หรือการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง อันนี้แม้จะใช้คำสุภาพ ก็คงไม่เหมาะสม และไม่เอื้อต่อการที่จะทำให้การเคลื่อนไหวอยู่ในความสันติ หรือความสงบได้ เช่นคำพูดที่บอกว่า

"ดีที่นายอภิสิทธิ์ไม่อยู่ในบ้าน ถ้าอยู่ในบ้านจะเอาเลือดจากศรีษะนายอภิสิทธิ์ มาล้างเท้า" ไม่ต้องเป็นผมหรอกครับ จะเป็นชื่อใครก็ตาม ไม่อาจตีความได้เลยครับว่า เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ ฉะนั้นเป็นตัวอย่างที่ผมคิดว่าในส่วนของผู้เสียหาย คงสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายกันไป"

*พร้อมเจรจาถ้าชุมนุมอยู่ในกรอบ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าการเคลื่อนไหวชุมนุมอยู่ในกติกา รัฐบาลก็ไม่ขัดข้องที่จะมีการพูดคุย เพราะประเด็นทางการเมือง การจะหาคำตอบทางการเมือง รัฐบาลก็ยอมรับกระบวนการของการมีส่วนร่วม และต้องรับฟังทุกฝ่ายอยู่แล้ว ฉะนั้นได้แจ้งทางคณะกรรมการสิทธิฯ สามารถที่จะนำคำตอบนี้ ไปพูดคุยกับผู้ชุมนุมได้

แต่ว่าในชั้นนี้ กรุณาพยายามอย่าคาดคั้นว่า รูปแบบของการพูดคุยนั้นจะต้องเป็นใคร โดยใคร อย่างไร เพื่อประโยชน์ในการทำให้กระบวนการเกิดขึ้นได้ ถ้าเราคาดคั้นในเรื่องรายละเอียดมากเกินไป ในขณะนี้ก็จะเป็นปัญหาสำหรับคนทำงาน ตนมีความจริงใจในการที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันด้วยเหตุผล แต่บนเงื่อนไขการชุมนุมที่อยู่ภายใต้กติกา ถ้าเป็นการชุมนุมนอกกติกาแล้ว ตนไม่อาจเข้าสู่กระบวนการพูดคุยได้

"เพราะผมไม่อาจที่จะทำให้สังคมต้องอยู่ภายใต้ หรือเดินตามภายใต้การคุกคาม แต่ถ้าสังคมเห็นการมาของพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่อยู่บนแนวของสันติ รัฐบาลก็มีหน้าที่รับฟัง ผมก็เคยพูดอย่างนี้ ตอนเป็นฝ่ายค้าน วันนี้มาเป็นรัฐบาล ก็ยืนยันแนวคิดเดิม และพร้อมที่จะปฏิบัติ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนให้คณะกรรมการสิทธิฯได้ทราบ คาดว่าคณะกรรมการฯ คงได้สื่อสารไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป" นายอภิสิทธิ์กล่าว

*การเจรจาไม่จำเป็นต้องมีแม้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระบวนการเจรจาจะเกิดขึ้นในระยะเวลาเท่าไร และหากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีส่วนร่วมด้วย จะสามารถหาข้อยุติร่วมกันได้หรือไม่ นางอมรา กล่าวว่า การเจรจาเหมือนกับเริ่มแล้ว การเจรจาเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาหลายขั้นตอนกลับไปกลับมา ซึ่งในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ คงเป็นระยะหลังๆ ระยะแรกๆ คงไม่จำเป็น
เมื่อถามว่าหมายถึงสุดท้ายแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะเข้าสู่การเจรจานี้ด้วย ถึงจะได้บทสรุปที่ชัดเจน ใช่หรือไม่ นางอมรา กล่าวว่า ไม่จำเป็น แล้วแต่สถานการณ์จะเคลื่อนตัวไป

เมื่อถามว่าการที่แกนนำคนเสื้อแดงมีทิศทางไม่ตรงกัน จะเอาอะไรมาวัดในการตัดสินใจคุย นางอมรา กล่าวว่า การคุยมันวัดไม่ได้ มันค่อยๆ เคลื่อน มันไม่มีสูตรสำเร็จ และไม่มีตัวชี้วัด แต่มันจะค่อยๆ เคลื่อนไป สถานการณ์จะนำไปสู่ขั้นต่อๆไป กำหนดล่วงหน้าไม่ได้

เมื่อถามว่า ในส่วนของรัฐบาลที่บอกว่าไม่ขัดข้องเรื่องการเจรจา จะเอาอะไรมาวัดว่าเจรจาแล้วจะไม่ไร้ประโยชน์ ในเมื่อแกนนำมีทิศทางคนละแบบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้หยิบยกประเด็นนี้หารือกับทางคณะกรรมการสิทธิฯ หลักคือ ไม่ได้มุ่งที่ตัวบุคคล แต่มุ่งที่ผลและสภาวการณ์ของสังคม ความหมายคือ การพูดคุยกับทางรัฐบาลอย่างที่ตกลงกันคือ การพูดคุยที่อยู่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่สงบ แต่หากการเคลื่อนไหวไม่สงบเมื่อไร การพูดคุยก็จะต้องมุ่งไปที่ทั้งสองฝ่ายต้องช่วยกันทำให้เหตุการณ์สงบ และคุยต่อ

เมื่อถามว่า หมายถึงตอนนี้การเจรจาทำผ่านกรรมการสิทธิฯใช่หรือไม่ คือจะยังไม่มีการเจรจาโดยตรง ระหว่างแกนนำผู้ชุมนุม และรัฐบาล นางอมรา กล่าวว่า ทำนองนั้น คือไปดูว่าจะคลี่คลายสถานการณ์กันได้อย่างไร

* ยุบสภาไม่อยู่ในเงื่อนไขเจรจา

เมื่อถามว่าวันนี้ ล่าสุดผู้ชุมนุมบอกว่าหากนายกฯ เดินทางไประชุมที่สภาฯ ก็จะเคลื่อนม็อบไปปิดล้อมที่สภาฯทันที จะมีจุดอะไรที่ผู้ชุมนุมจะทำตามกติกาที่ว่า จะไม่ล้อมสถานที่ราชการ ตามที่กรรมการสิทธิฯ เจรจา นางอมรากล่าวว่า ไม่มีข้อยืนยัน และถ้าเกิดข้อตกลง หรือกติกาคร่าวๆ ที่มีอยู่ไม่เป็นไปตามนั้น ก็คงคุยไมได้ เมื่อถามว่าหมายความว่ากรรมการสิทธิฯจะถอนตัว ถ้าผู้ชุมนุมไม่อยู่ภายใต้กติกา นางอมรา กล่าวว่า เราไม่ได้เสนอตัว เราก็คุย

ระหว่างนี้นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ความคาดหวังของตน หากเกิดเหตุเช่นนั้นกรรมการสิทธิฯก็ถือเป็นหน้าที่ ในการที่จะให้มันกลับมาอยู่ในเงื่อนไขที่จะคุยกันต่อ

เมื่อถามว่า ข้อเรียกร้องยุบสภาฯมีหรือไม่ นางอมรา กล่าวว่า เขายืนยันเรียกร้องเรื่องการยุบสภาฯ ซึ่งก็บอกไปว่า ไม่ได้

ด้านนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการยุบสภา ก็บอกให้มาคุยกัน ซึ่งเงื่อนไขเป็นไปตามหลักการเคยอิงไว้คือ การยุบสภาฯ ถ้าให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่านั่นคือคำตอบที่นำไปสู่ความสงบอย่างแท้จริง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับกติกา ที่จะใช้ ทั้งเรื่องความสงบในช่วงการจัดการเลือกตั้ง การมีข้อยุติหลักการเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่สามารถ จะมาทำให้เกิดกระบวนความมั่นใจตรงนี้ได้ เพราะตนเองไม่เคยพูดว่าจะไม่มีวันยุบสภาฯ ตนพูดแต่เพียงว่าข้อเรียกร้องที่บอกว่า ยุบสภาฯแล้วปัญหาจบมันต้องมานั่งคุยกัน เพราะมีคนจำนวนมากในสังคม คนที่เชื่อว่ายุบสภาฯ แล้วจะไม่จบด้วยหลายเหตุผล ถ้าเราสามารถหาทางวางแนวทางไปสู่จุดที่จะทำให้เหตุการณ์สงบได้รัฐบาลก็ยินดี

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่า ถ้ารักษาลักษณะการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบเราก็พร้อมที่จะคุย ขณะเดียวกันสำหรับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะชาว กทม. ที่ได้รับผลกระทบ เราก็เดินหน้าในการประสานงานกับผู้ชุมนุม โดยผ่านนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่น เราได้ติดตารมสถานการณ์ว่าจากเดิม ซึ่งผู้ชุมนุมใช้พื้นที่ตั้งแต่ลานพระรูป ไปจนถึงราชดำเนินกลางในสภาพปัจจุบันเราอยากจะขอให้มีการคืนพื้นที่ตรงลานพระรูป เข้ามาเพราะงานกาชาดจะได้เดินหน้าได้ ในการก่อสร้างร้านค้าต่างๆ ซึ่ง งานกาชาดจะมีขึ้นในสิ้นเดือนนี้

ส่วนการเคลื่อนไหวในวันเสาร์นี้ ตนไม่ได้อ่านถ้อยคำที่กล่าวบนเวที แต่เห็นข่าวที่สรุปมาว่าเป็นการแสดงเจตนาว่าเขาจะเดินทางไปรอบๆ กรุงเทพฯ เพื่อชักชวนคนกรุงเทพฯ เราก็จะขอในเรื่องของการประสานงานว่า ให้ช่วยบอกแผนของการเคลื่อนมา เพื่อเราจะได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ผู้ใช้ถนนหนทาง เช่น จะให้เราแนะนำผู้ใช้รถ ใช้ถนนอย่างไร จะให้ใช้ ไม่ให้ใช้ทางไหน หรืออย่างไร ตรงนี้เราเดินหน้าทำตามปกติ

เมื่อถามว่า ดูเหมือนรัฐบาลไม่วิตกกับการชุมนุมที่ยืดเยื้อหากไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ไปบอกประชาชนว่า คุณชุมนุมได้กี่วัน ถ้าประชาชนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญก็ใช้ตามสภาพความเป็นจริง แต่รัฐบาลต้องการให้มีการชุมนุมที่มีกติกาที่ชัด เพื่อการดำเนินงานด้านต่างๆ สามารถเป็นไปตามปกติได้ ในสัปดาห์นี้ที่อาจจะดูว่ายังไม่ค่อยปกตินักเพราะรัฐบาลไม่ต้องการเงื่อนไขให้เกิดความตึงเครียดในช่วงเริ่มต้นการชุมนุม ที่มีความร้อนแรงเป็นพิเศษ แต่หลังจากนี้ไป เมื่อมีกติกามีคนมาเชื่อมต่อให้เกิดความชัดเจนขึ้นก็จะสามารถที่จะนำทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยลำดับ

*ยันฟ้องแม้ว-แกนนำแดงถ่อยแน่

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะฟ้องใครบ้าง และฟ้องไปหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังเรียบเรียงคำฟ้องอยู่และคงจะฟ้องแน่นอน เพราะกรณีคลิปเสียง ตนเคยฟ้องไปแล้วและศาลประทับรับฟ้องแล้ว และอาจจะขอคำคุ้มครองชั่วคราวมิให้นำประเด็นนี้มาใช้อีก

"ตอนนี้ที่จะฟ้องเพิ่มเติมคงจะเป็นคุณทักษิณและคุณจตุพร และกำลังจะดูเพิ่มเติม แต่ส่วนนี้คือสองสามคืนก่อน เนื่องจากมีถ้อยคำที่เป็นเท็จ และหมิ่นประมาทชัดเจน” นายอภิสิทธิ์ กล่าวและย้ำว่า เรื่องการเจรจานั้นไม่ว่าจะเป็นแกนนำแดงสยาม และทุกแดงรัฐบาลพร้อมคุย ส่วนนายจักรภพ เพ็ญแข คิดเขาคงไม่มาหรอก

ส่วนการฟ้องผู้ที่นำเลือดไปเท และปาบ้านพักนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะฟ้องเฉพาะคนที่ปา ซึ่งเขาก็ดำเนินการไปตามปกติ

*ไอ้ตู่ตั้งแง่มาร์คมาเจรจาคนเดียว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเสนอจะให้เปิดการเจรจากับคนเสื้อแดง ว่า การเจรจานั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้มาเจรจาเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนหลักการเจรจานั้น นายอภิสิทธิ์ ต้องยอบรับข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดง คือ ยุบสภา เมื่อมีการยุบสภาแล้ว จะต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สีเหลือง สีแดง จะต้องมาลงสัตยาบันร่วมกันว่า เมื่อเลือกตั้งครั้งหน้าแม้ว่าพรรคใดจะได้เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลจะต้องยอมรับผล

*"นพเหล่"ได้ทีต้องนิรโทษลูกพี่

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า แนวทางการเจรจา พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเสนอไป 2-3 เดือนก่อน รัฐบาลก็ทำเป็นหูทวนลม แต่พอคนเสื้อแดงมาชุมุนุมกันมาก จึงรู้สึกหวั่นไหว และพยายามเอาตัวรอด ด้วยการหาทางเจรจา เหมือนยื่นคุกกี้มาชิ้นหนึ่ง เราคงไม่รีบตะครุบ เพราะไม่เชื่อว่าจะมีความจริงใจ เป็นเพียงการซื้อเวลา เบี่ยงเบนประเด็นเหมือนเคย ถ้าหากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาจริง เวลาที่ผ่าน 1 ปี น่าจะมีอะไรที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้

"วันนี้มันเลยเวลาที่จะมาพูดกันเรื่องยิบย่อย ต้องพูดภาพใหญ่ว่า จะต้องมีการนำรัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้แทนรัฐธรรมนูญ 50 ทำการนิรโทษกรรมคดีทั้งหมดที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ 50 และให้มีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โดยทำสัตยาบันร่วมกันทุกฝ่าย ว่าจะยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่มีการเดินถนนประท้วงอะไรอีก ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาของประชาธิปไตยไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว ส่วนตัวคิดว่านายสุเทพ คงไม่มีศักยภาพไปประสานให้ทุกฝ่ายมาคุยกันได้ ควรไปคุยกับนายกฯ กองทัพ และอำมาตย์อาวุโส ให้มีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมเข้าถึงแก่แท้ประชาธิปไตยก่อน ค่อยมาเจรจา" นายนพดลกล่าว

*กก.สิทธิฯเตรียมหารือเรื่องเทเลือด

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิฯ กล่าวถึงกรณีการที่คนเสื้อแดงนำเลือดไปเทที่สถานที่ราชการ และสถานที่ส่วนบุคคล เช่น บ้านนายกรัฐมนตรี ได้รับการร้องเรียนแล้ว และจะดำเนินการตรวจสอบ โดยในวันที่ 22 ม.ค. ทางคณะอนุกรรมการสิทธิพลเมือง และสิทธิการเมือง ที่มีตนทำหน้าที่เป็นประธาน จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุม พร้อมทั้งจะเชิญคณะกรรมการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ( ศอ.รส.) และแกนนำนปช. มาชี้แจง

*ม็อบแดงเพื่อแม้วป่วยเพียบ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่ามีผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงป่วย 9 ราย มีอาการท้องเสีย 2 ราย ใจสั่น 1 ราย และป่วยทั่วไป 6 ราย เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.กลางวชิระพยาบาล รพ.ราชวิถีและ รพ.ตำรวจ ทั้งหมดอาการปลอดภัยแล้ว ส่วนผู้ป่วยสะสม และยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลมี 8 ราย แบ่งเป็น รพ.พระมงกุฎ 2 ราย รพ.วชิระ เป็นไข้ทั่วไป 1 ราย รพ.ราชวิถี ถูกรถชน กระดูกหัก 1 ราย รพ.หัวเฉียว อาการชักเกร็ง 1 ราย รพ.ตำรวจ ไส้ติ่งอักเสบ 1 ราย ชักเกร็ง 1 รายและ รพ.ศรีวิชัย อาการชักเกร็ง 1 ราย

“จากการที่ศูนย์ปฏิบัติการฯติดตามสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงโดยภาพรวม ได้รับรายงานว่า ผู้เข้าร่วมมีแนวโน้มลดลง แม้จะมีความพยายามระดมคนเพิ่มจากภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งสิ่งที่น่าห่วงในขณะนี้ คือสุขภาพผู้ชุมนุม เพราะอากาศที่ร้อนจัดและฝนตกในบางช่วงเวลา ทำให้ผู้ชุมนุมเริ่มมีอาการป่วย และผู้ชุมนุมได้ประสานขอความช่วยเหลือในส่วนของยารักษาโรคมายัง สธ. จึงได้สั่งการให้นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ.ประสานตัวแทนผู้ชุมนุมให้มารับยาที่กระทรวงฯ โดยเตรียมยาสามัญให้ 2 พันชุด ยาแก้ท้องเสีย 1 พันชุด เกลือแร่ 1 พันชุด และยาแก้คัน 1 พันชุด” นายจุรินทร์กล่าว

* เตรียมวงแหวน 3 ชั้น รับมือป่วนกรุง

สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมที่มีการระดมพลรอบใหม่ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ โดยจะเคลื่อนไปตามจุดต่างๆ ซึ่งเกรงว่าจะเกิดการปะทะกับคนในพื้นที่ที่อยู่ในเขต กทม. ทางศูนย์ปฏิบัติการฯได้ตรียมใช้แผนวงแหวน 3 ชั้น 1. ชั้นในยังคงจุดการแพทย์ฉุกเฉินถาวรไว้ 4 จุด หลัก คือ รพ.สงฆ์ รพ.กลาง รพ.วชิระและโรงพยาบาลมิชชั่น

2.ชั้นกลาง จะเป็นพื้นที่วงกว้างขึ้น ในโซนพื้นที่ด้านเหนือมี รพ.ภูมิพล เป็นแกนหลัก ด้านทิศใต้ รพ.สมุทรปราการ ทิศตะวันตก รพ.พระนั่งเกล้าและทิศตะวันออก รพ.นพรัตนราชธานี

3. ชั้นนอก ครอบคลุมพื้นที่ปริมณฑล 8 จังหวัด เตรียมความพร้อมโรงพยาบาลรัฐ เอกชน มูลนิธิต่างๆ และหากเกิดกรณีโกลาหลขึ้นในพื้นที่ชั้นในสามารถส่งผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลในพื้นที่ชั้นในได้หากจำเป็น อีกทั้งมีการจัดทีมเคลื่อนที่เร็วทางการแพทย์เข้าช่วยเหลือทันที่หากมีการปะทะกันหรือเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ต่างๆ

* ยอดบริจาคเลือดพุ่งประชดแดงไพร่

พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ในปีนี้ยอดผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น โดยมีผู้บริจาคโลหิตเฉลี่ยวันละประมาณ 1,500 ยูนิต จากปีที่ผ่านมามีผู้บริจาคเพียงวันละประมาณ 1,200 ยูนิต เพิ่มขึ้นวันละ 800 กว่าคน โดยวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา เพียงวันเดียวมีผู้บริจาคโลหิตในพื้นที่ กทม. สูงถึง 1,485 ยูนิต

“ผู้บริจาคโลหิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้น่าจะมาจากแรงกระตุ้นจากการกระทำของผู้ชุมนุมที่เจาะเลือด และนำไปเทบริเวณสถานที่ต่างๆ เพราะหลังจากวันนั้นมีโทรศัพท์โทรเข้ามาที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยหลายร้อยคู่สาย เพื่อแสดงความจำนงในการขอบริจาคโลหิต โดยให้เหตุผลว่า เสียดายเลือด จึงอยากบริจาคเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยมากกว่า” พญ.สร้อยสอางค์ กล่าว

พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจน คือ ผู้ที่เคยบริจาคโลหิตจะรู้สึกว่า สิ่งที่ผู้ชุมนุมกระทำไม่เรียกว่าการบริจาคที่ถูกต้อง เนื่องจากการบริจาคต้องไม่หวังสิ่งตอบแทน และการบริจาคโลหิตต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการรักษา เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมกระทำนั้น เข้าใจว่าเพื่อต้องการเรียกร้องทางการเมือง แต่ไม่เรียกว่าการบริจาคแน่นอน นอกจากนี้ น่าจะส่งผลให้ผู้ที่ไม่เคยบริจาคหันมาบริจาคโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะรู้สึกว่าน่าจะนำโลหิตมาใช้ประโยชน์มากกว่า

*ดำเนินคดีม็อบปาเลือดบ้านนายกฯ

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงการดำเนินคดีต่อกลุ่มเสื้อแดง ที่ปาถุงบรรจุเลือด เข้าไปในบ้านพักนายอภิสิทธิ์ ว่า เบื้องต้นดำเนินคดีตามความผิดฐานเดียวกับผู้ที่ปาถุงบรรจุอุจจาระ 2 ข้อหา คือ กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 389 คือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ของโสโครกเปรอะเปื้อนตัวบุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น และมาตรา 397 กระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความละอาย และเดือดร้อนรำคาญ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยให้ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 ใช้ชุดพนักงานสอบสวนชุดเดิมที่เคยมีประสบการณ์อยู่แล้วเป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้มีภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวจากสื่อมวลชน

สำหรับในส่วนของกลุ่มผู้ชุมนุมที่บุกไปเทเลือดที่พรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่าได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น. 2 จัดชุดพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว รอเพียงทางพรรคประชาธิปัตย์ จะมาร้องทุกข์ในกรณีบุกรุกหรือไม่ ส่วนเรื่องพยานหลักฐานตำรวจเตรียมไว้พร้อมแล้วทุกกรณี

*ผบก.น.1 พยานปากเอกเอาผิดม็อบแดง

ส่วนกรณีการพูดจายั่วยุ ปลุกปั่น หรือหมิ่นประมาทของกลุ่มเสื้อแดงที่บุกไปยังพรรคประชาธิปัตย์ และบ้านนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ในที่เกิดเหตุมีพยานปากสำคัญ คือพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ที่เป็นผู้เข้าไปเจราจากับกลุ่มผู้ชุมนุมจะทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ หรือใครเป็นคนห้าม เมื่อรวมเทปภาพและเสียง หลักฐานก็จะครบทั้งหมด รวมทั้งสอบสวนพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ หากผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ตำรวจก็พร้อมดำเนินคดีทันที เนื่องจากข้อหาเหล่านี้ต้องมีผู้ร้องทุกข์เพราะเป็นความผิดส่วนบุคคล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะเกิดเหตุนั้นมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคน ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างไร พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ต้องดูว่าบุคคลเหล่านั้นมีเจตนาร่วมกันหรือไม่ หรือว่าต่างคนต่างทำก็แยกคดีไป หากมีการยุให้ทำ ก็ถือว่าร่วมกัน แต่การที่นำเลือดบรรจุถุงไปก็เห็นว่าน่าจะมีการตระเตรียมการตั้งแต่ต้นแล้ว ส่วนจะดำเนินคดีกี่คนนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากภาพที่ได้ตอนนี้มีหลายมุมกล้อง ทาง บก.น.5 กำลังจำแนก แต่ที่อยากได้คือ มีคนสั่งการหรือต่างคนต่างมีอารมณ์ ซึ่งในส่วนคดีที่นำเลือดไปปาใส่บ้านนายกฯ ตำรวจสามารถดำเนินการได้เลย เพราะเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน

อย่างไรก็ตาม หากได้รายชื่อผู้กระทำผิดทางตำรวจก็อาจจะยังไม่ออกหมายจับ พร้อมจะให้โอกาสเข้ามอบตัวเพื่อดำเนินคดีก่อน

*ให้โอกาส “ไอ้กี้ร์” มอบตัว

ส่วนกรณี นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำเสื้อแดง ที่มีหมายจับ แต่ทางตำรวจยังไม่จับกุมดำเนินคดีนั้น พล.ต.ต.อำนวย กล่าวชี้แจงว่า นายอริสมันต์ เคยแจ้งมายังตำรวจว่าวันที่ 1 เม.ย.นี้จะเข้ามอบตัวด้วยตนเอง และหมายจับที่ทางกองปราบปรามออก ก็ยังไม่ได้ส่งมาที่ บช.น. ตำรวจมีประสบการณ์ในเรื่องการชุมนุม หากบุกเข้าไปจับผลที่ตามมาจะไม่คุ้มกับการจับคนเพียงหนึ่งคน เมื่อแจ้งความประสงค์ว่า จะไปมอบตัวก็ต้องให้โอกาส เพียงแต่การเข้ามาร่วมการชุมนุมขออย่าให้ใช้ความรุนแรง หรือละเมิดกฎหมาย

* ส่ง ตร.ตรวจเข้มหวั่นมือที่ 3 ป่วน

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าสะพานผ่านฟ้าฯ ถนนราชดำเนิน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบลงพื้นที่เดินเท้าตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัยในซอยเปลี่ยว ซอยย่อยรอบบริเวณพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ครอบคลุมพื้นที่ สน.ชนะสงคราม สน.นางเลิ้ง และ สน.พระราชวัง รวม 26 ซอย ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่ต้องตรวจเข้มเป็นพิเศษป้องกันการแทรกแซงของมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงได้

ภายหลังตรวจ พบมีการซุกซ่อนอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งกำลังตำรวจเข้าสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในรอบที่ 2 จำนวน 19 กองร้อย 2,850 นาย และรอบที่ 3 อีก 18 กองร้อย 2,700 นาย รวม 5,500 นายลงพื้นที่ดูแลความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และถนนราชดำเนิน ตลอดช่วงกลางวันกลางคืน เพิ่มความเข้มตรวจจุดล่อแหลมต่างๆ

* สื่อนอกสำทับเสื้อแดงกำลังหมดน้ำยา

สื่อมวลชนต่างประเทศที่ติดตามเสนอข่าวการชุมนุมประท้วงของกลุ่ม “เสื้อแดง” เมื่อวานนี้(18)รายงานกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นอีกว่า การประท้วงคราวนี้กำลังหมดมุกและมองไม่เห็นทางชนะ ขณะเดียวกันก็แสดงความวิตกกันพอสมควรว่าอาจจะเกิดความรุนแรง หรือมีการปฏิวัติรัฐประหารอีก

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ระบุว่า เท่าที่ผ่านมายังไม่เกิดความรุนแรงใดๆ แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรที่จะให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเช่นกัน โดยที่กลุ่มเสื้อแดงดูจะบรรลุเป้าหมายต่ำกว่าที่ตั้งเอาไว้

ไฟแนนเชียลไทมส์อ้างอิงคำพูดของ นายเจมส์ ไคลน์ ผู้อำนวยการประจำกรุงเทพฯของมูลนิธิเอเชีย ที่กล่าวว่า “คุณบอกว่าจะนำคนออกมาชุมหนุมหนึ่งล้านคน แต่เอาเข้าจริงคุณก็ได้มาสักแสนเดียวมั้ง นี่หมายความว่าต้องมีอะไรผิดพลาดแล้ว” เขาชี้ต่อไปว่า “มันหมายความว่าคุณไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันหนักแน่นแข็งแกร่งอย่างที่คุณคิดว่ามีอยู่นั่นเอง”

หนังสือพิมพ์ธุรกิจทรงอิทธิพลของอังกฤษฉบับนี้กล่าวด้วยว่า การชุมนุมที่ไม่มีความคืบหน้าเช่นนี้ ยังจะเป็นการทำลายความทะเยอทะยานทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณอีกด้วย เพราะเขาหวังที่จะอาศัยการชุมนุมคราวนี้เป็นเครื่องมือเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเมืองของเขาขึ้นมาใหม่

ส่วนหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ระบุว่า พวกนักวิเคราะห์การเมืองเตือนว่า กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังมีความอึดอัดมากขึ้น ซึ่งอาจจะกลายเป็นจุดพลิกผันที่อันตรายมาก ทั้งนี้พวกเขาอาจะเลือกเดินทางกลับบ้านเพราะรู้สึกพอใจแล้วที่ได้มีโอกาสส่งเสียงแสดงความเห็นของพวกตนออกมา หรือไม่ก็อาจเลือกก่อการจลาจลอย่างที่เคยเกิดขึ้นในเดือนเมษายนปีที่แล้ว

วอลล์สตรีทเจอร์นัลอ้างความเห็นของ นายสกุล สื่อทรงธรรม ผู้อำนวยการและเลขาธิการของมูลนิธิ Open Forum for Democracy Foundation ในกรุงเทพฯ ที่เสนอแนะว่า รัฐบาลจะต้องหาบันไดลงให้กลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อให้พวกเขากลับบ้านโดยไม่รู้สึกคับข้องใจ ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็อาจจะใช้วิธีการรุนแรงได้

นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวว่า ยังมีอันตรายที่จะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้ง โดยผู้คนที่ใกล้ชิดรัฐบาลบอกว่า ฝ่ายทหารอาจเข้ามาแทรกแซงอีกครั้ง ถ้าหากพรรคที่เป็นพันธมิตรของทักษิณชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่พวกผู้นำในคณะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวแสดงความเชื่อว่า ไม่น่าจะมีรัฐประหารเกิดขึ้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น