ASTVผู้จัดการรายวัน - ม็อบแดงถ่อยฟาดหางวงการท่องเที่ยวไม่เลิกรา ล่าสุด ต่างประเทศเพิ่มเป็น 37 ประเทศแล้วที่ประกาศระดับการเตือนเข้าไทย ขณะที่ 3 ประเทศ “จีน-ฮ่องกง-มาเลเซียน” ประกาศระดับสูงสุด ห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยแล้ว ส่วนกลุ่มสัมมานยกเลิกห้องพักแล้ว 3,000 ห้อง
นายอภิชาติ สังฆอารี กรรมการสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย หรือ เฟตต้า เปิดเผยว่า จากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงตั้งแต่ 12 มี.ค.53 และมีท่าทีจะยืดเยื้อ ทำให้หลายประเทศเพิ่มระดับการเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ล่าสุด จาก 37 ประเทศโดยมี มาเลเซีย และ สโลวาเกีย ที่เพิ่มขึ้น จากสัปดาห์ก่อนที่ประกาศไว้ 35 ประเทศ
โดยในที่นี้มี 3 ประเทศ คือ จีน ฮ่องกงและ มาเลเซีย ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวในระดับสูงสุด คือห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วงนี้ ขณะที่อีก 32 ประเทศ เป็นประกาศแนะนำให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุม
***หนุนมาร์คไม่ยุบสภาทำถูกแล้ว****
ทั้งนี้มีความต้องการให้กลุ่มเสื้อแดงรีบยุติการชุมนุมโดยเร็วเพื่อไม่ให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย และเห็นด้วยกับคำแถลงการณ์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศไม่ยุบสภานั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะถ้ายุบสภาก็เท่ากับต้องเลือกตั้งใหม่ ทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นและไม่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมท่องเที่ยวไทยญี่ปุ่น เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวตลาดญี่ปุ่นยังคงเดินทางเข้ามาประเทศไทยตามปกติ โดยรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ยังไม่เพิ่มระดับการเตือนจากเดิมที่เตือนไว้ในระดับ 2 คือติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเท่านั้น
“ระบบประชาธิปไตย การชุมนุมสามารถทำได้แต่ขออย่าให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะถ้ามีก็จะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวทันทีเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก”
****สสปน.ชี้ถ้ายืดเยื้อกระทบอีก 6 เดือนหน้า****
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเสื้อแดง ทำให้ ตลาดประชุมสัมมนาและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลได้รับผลกระทบ โดยเบื้องต้นกรุ๊ปขนาดใหญ่ยังไม่มีการยกเลิกการเดินทาง มีเพียงกรุ๊ปขนาดเล็กที่สมาชิกของสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือทิก้า เป็นผู้ดูแล ซึ่งมีทั้งเลื่อนการเดินทาง และ ย้ายการเดินทางไปประเทศอื่น ซึ่ง สสปน. ได้ตั้งศูนย์ปฎิบัติการในภาวะวิกฤติ หรือ ไครซิส แมเนจเม้นท์ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทาง ที่มีกำหนดการเดินทางมาในช่วงนี้ได้รับทราบข้อเท็จจริงและความเคลื่อนไหวตลอดเวลา รวมถึง บอกจุดที่มีการชุมนุม เพื่อให้นักท่องเที่ยวอินเซ็นทีฟ และ ประชุมสัมมนาได้หลีกเลี่ยงเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หากการชุมนุมมีความยืดเยื้อ หรือรุนแรง จะกระทบต่อตลาดประชุมสัมมนา ที่จะตัดสินใจจองเดินทางมาใน 6-12 เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน และจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในการที่จะประกาศตัวเข้าประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020
****การเมืองระอุยอดจองสัมมนาหายเกลี้ยง*****
นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือ ทิก้า กล่าวว่า มีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ทางการเมือง ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะ ทำให้ธุรกิจ ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และ จัดประชุมสัมมนาต้องถูกชะลอการตัดสินใจออกไป ทั้งที่เมื่อเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณที่ดีขึ้น อุตสาหกรรมไมซ์ โดยเฉพาะ กรุ๊ปท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และกรุ๊ปสัมมนาจะเติบโตไปพร้อมเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทย กลับมีปัญหาทางการเมืองมาเป็นตัวแปรให้ลูกค้าเปลี่ยนการตัดสินใจเลือกไปประเทศอื่นแทนที่จะเดินทางมาประเทศไทย
“เป็นที่น่าสังเกตุว่า ตั้งแต่มีการโฟนอิน ของอดีตนายกรัฐมนตรี (ทักษิณ ชินวัตร) และการนัดชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ก็ทำให้ยอดจองล่วงหน้าชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งขณะนี้ยอดจองล่วงหน้า 6-12 เดือน แทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว แต่หากสถานการณ์เป็นปกติมีความสงบเรียบร้อย กลุ่ม อินเซ็นทีฟสัมมนา จะกลับมาเร็วกว่า กรุ๊ปงานเอ็กซิบิชั่น โดยเฉพาะตลาดใกล้ ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมงบินใช้เวลาตัดสนใจเพียง 1-2 เดือน ส่วนตลาด ระยะกลางและระยะไกลจะตัดสินใจ อย่างน้อย 6 เดือนก่อนการเดินทาง”
***กลุ่มประชุมสัมมนายกเลิกแล้ว 3 พันรูมไนท์*****
ล่าสุด มีรายงานจากสมาชิกทิก้า ในส่วนของธุรกิจโรงแรม ว่า มีลูกค้าที่เป็นกรุ๊ปสัมมนาและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ขอยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยช่วงจากวันนี้ถึง สิ้นเดือนมี.ค.นี้แล้วรวม 3,000 รูมไนท์ สูญรายได้มากกว่า 10 ล้านบาท ไม่นับรวมเม็ดเงินการใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเข้ามาจับจ่ายใช้สอย
นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ถ้าการเมืองในประเทศยังวุ่นวายแบบนี้ เชื่อว่า อุตสาหกรรมไมซ์ปีนี้คงทำได้อย่างดีก็ราว 45,000 ล้านบาท เท่ากับปี 2551 คงไม่เติบโต 25% อย่างที่ สสปน.ตั้งเป้าหมายว่าจะทำได้ 785,816 คน สร้างรายได้ 56,950 ล้านบาท
นายอภิชาติ สังฆอารี กรรมการสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย หรือ เฟตต้า เปิดเผยว่า จากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงตั้งแต่ 12 มี.ค.53 และมีท่าทีจะยืดเยื้อ ทำให้หลายประเทศเพิ่มระดับการเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ล่าสุด จาก 37 ประเทศโดยมี มาเลเซีย และ สโลวาเกีย ที่เพิ่มขึ้น จากสัปดาห์ก่อนที่ประกาศไว้ 35 ประเทศ
โดยในที่นี้มี 3 ประเทศ คือ จีน ฮ่องกงและ มาเลเซีย ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวในระดับสูงสุด คือห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วงนี้ ขณะที่อีก 32 ประเทศ เป็นประกาศแนะนำให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุม
***หนุนมาร์คไม่ยุบสภาทำถูกแล้ว****
ทั้งนี้มีความต้องการให้กลุ่มเสื้อแดงรีบยุติการชุมนุมโดยเร็วเพื่อไม่ให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย และเห็นด้วยกับคำแถลงการณ์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศไม่ยุบสภานั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะถ้ายุบสภาก็เท่ากับต้องเลือกตั้งใหม่ ทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นและไม่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมท่องเที่ยวไทยญี่ปุ่น เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวตลาดญี่ปุ่นยังคงเดินทางเข้ามาประเทศไทยตามปกติ โดยรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ยังไม่เพิ่มระดับการเตือนจากเดิมที่เตือนไว้ในระดับ 2 คือติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเท่านั้น
“ระบบประชาธิปไตย การชุมนุมสามารถทำได้แต่ขออย่าให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะถ้ามีก็จะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวทันทีเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก”
****สสปน.ชี้ถ้ายืดเยื้อกระทบอีก 6 เดือนหน้า****
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเสื้อแดง ทำให้ ตลาดประชุมสัมมนาและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลได้รับผลกระทบ โดยเบื้องต้นกรุ๊ปขนาดใหญ่ยังไม่มีการยกเลิกการเดินทาง มีเพียงกรุ๊ปขนาดเล็กที่สมาชิกของสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือทิก้า เป็นผู้ดูแล ซึ่งมีทั้งเลื่อนการเดินทาง และ ย้ายการเดินทางไปประเทศอื่น ซึ่ง สสปน. ได้ตั้งศูนย์ปฎิบัติการในภาวะวิกฤติ หรือ ไครซิส แมเนจเม้นท์ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทาง ที่มีกำหนดการเดินทางมาในช่วงนี้ได้รับทราบข้อเท็จจริงและความเคลื่อนไหวตลอดเวลา รวมถึง บอกจุดที่มีการชุมนุม เพื่อให้นักท่องเที่ยวอินเซ็นทีฟ และ ประชุมสัมมนาได้หลีกเลี่ยงเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หากการชุมนุมมีความยืดเยื้อ หรือรุนแรง จะกระทบต่อตลาดประชุมสัมมนา ที่จะตัดสินใจจองเดินทางมาใน 6-12 เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน และจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในการที่จะประกาศตัวเข้าประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020
****การเมืองระอุยอดจองสัมมนาหายเกลี้ยง*****
นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือ ทิก้า กล่าวว่า มีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ทางการเมือง ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะ ทำให้ธุรกิจ ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และ จัดประชุมสัมมนาต้องถูกชะลอการตัดสินใจออกไป ทั้งที่เมื่อเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณที่ดีขึ้น อุตสาหกรรมไมซ์ โดยเฉพาะ กรุ๊ปท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และกรุ๊ปสัมมนาจะเติบโตไปพร้อมเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทย กลับมีปัญหาทางการเมืองมาเป็นตัวแปรให้ลูกค้าเปลี่ยนการตัดสินใจเลือกไปประเทศอื่นแทนที่จะเดินทางมาประเทศไทย
“เป็นที่น่าสังเกตุว่า ตั้งแต่มีการโฟนอิน ของอดีตนายกรัฐมนตรี (ทักษิณ ชินวัตร) และการนัดชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ก็ทำให้ยอดจองล่วงหน้าชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งขณะนี้ยอดจองล่วงหน้า 6-12 เดือน แทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว แต่หากสถานการณ์เป็นปกติมีความสงบเรียบร้อย กลุ่ม อินเซ็นทีฟสัมมนา จะกลับมาเร็วกว่า กรุ๊ปงานเอ็กซิบิชั่น โดยเฉพาะตลาดใกล้ ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมงบินใช้เวลาตัดสนใจเพียง 1-2 เดือน ส่วนตลาด ระยะกลางและระยะไกลจะตัดสินใจ อย่างน้อย 6 เดือนก่อนการเดินทาง”
***กลุ่มประชุมสัมมนายกเลิกแล้ว 3 พันรูมไนท์*****
ล่าสุด มีรายงานจากสมาชิกทิก้า ในส่วนของธุรกิจโรงแรม ว่า มีลูกค้าที่เป็นกรุ๊ปสัมมนาและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ขอยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยช่วงจากวันนี้ถึง สิ้นเดือนมี.ค.นี้แล้วรวม 3,000 รูมไนท์ สูญรายได้มากกว่า 10 ล้านบาท ไม่นับรวมเม็ดเงินการใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเข้ามาจับจ่ายใช้สอย
นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ถ้าการเมืองในประเทศยังวุ่นวายแบบนี้ เชื่อว่า อุตสาหกรรมไมซ์ปีนี้คงทำได้อย่างดีก็ราว 45,000 ล้านบาท เท่ากับปี 2551 คงไม่เติบโต 25% อย่างที่ สสปน.ตั้งเป้าหมายว่าจะทำได้ 785,816 คน สร้างรายได้ 56,950 ล้านบาท