กระแสเสื้อแดงที่นัดรวมพลกรีธาทัพ “ยึดกรุงเทพฯ” ในสุดสัปดาห์นี้ กลายเป็นประเด็นร้อนของ “คนเมือง” และนำมาซึ่งโครงการต่างๆ นานา ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐ-เอกชน และสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่ กับการเสนอแนวคิด “ยุติความรุนแรง” ผ่าน “โซเชียล มีเดีย” ซึ่งได้เสียงตอบรับอึงมี่กลายเป็น “โซเชียล เน็ตเวิร์ค” พรึ่บพรั่บ
รูปแบบการต่อต้านความรุนแรง เพื่อรักษาประเทศไทยไม่ให้เกิดการนองเลือดและสูญเสียเดินขนานไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับกองทัพเสื้อแดงที่ประกาศฮึ่มๆ ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อทวงคืนอำนาจ และปกป้องทรัพย์สินให้ “ทักษิณ” คนที่ได้ชื่อว่า เลวระยำหมามากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา
มหันตภัยเสื้อแดงที่เตรียมเผาบ้านเผาเมือง จึงเจอ “คนจริง” ที่มาจากการรวมตัวของเสื้อหลากสีที่เริ่มรณรงค์ต่อต้านกองทัพเสื้อแดง ด้วยการเริ่มตั้งแต่ปักธงไตรรงค์หน้าบ้าน และผูกที่รถ-เปิดไฟหน้ารถ-สายรัดข้อมือ-บีบแตร และลงชื่อต่อต้านกันเป็นระบบ
เวลานี้ในโลกนิวมีเดีย เผยแพร่แนวคิดต่อต้านเสื้อแดงของทักษิณอย่างกว้างขวางคล้าย “บางระจัน ดิจิตอล”
เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก เมื่อเห็นว่างวดนี้รัฐบาล-ตำรวจ และกองทัพเตรียมความพร้อมรับมือกองทัพเสื้อแดงรอบคอบรัดกุมกว่าคราวที่แล้ว
การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และกฎหมายพิเศษอีก 18 ฉบับ ล้วนเป็นการแสดงออกถึงฝีมือการตั้งรับและรุกที่จัดเจนขึ้น
ยังไม่นับการใช้สื่อโทรทัศน์ของรัฐกำหลาบเสื้อแดงด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนถี่ยิบ ก็ยิ่งมองเห็นชัดเจนว่า รัฐบาลพร้อมสู้กับกองกำลังของทักษิณทุกรูปแบบด้วยความมั่นใจ และเข้าใจในการใช้สื่อ “อาวุธ” ที่มีอยู่ในมือได้อย่างจัดจ้าน
ขณะเดียวกันขบวนการเสื้อแดงที่แฝงทักษิณเพื่อ “ล้มเจ้า” ทั้งสายวิชาการ-นักคิด-นักกิจกรรม ก็เปิดหน้าชกกับรัฐบาลที่เขาเรียกว่า “ทหาร-อำมาตย์อุ้มสม” แล้ว โดยออกแถลงการณ์ “คนต้องเท่าเทียมกัน” เพื่อเรียกร้องสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติของคนเสื้อแดง และออกหมัดตรงตอบโต้พ.ร.บ.ความมั่นคงอย่างรุนแรง
แต่การยาตราทัพของกองกำลังเสื้อแดงที่หมายล้มรัฐบาล และโค่นเจ้าคราวนี้จึงไม่ง่ายเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา ยิ่งใกล้วันเคลื่อนพลเข้ามามากเท่าไร ยิ่งเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชนทั่วไปมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการเคลื่อนพลทางน้ำที่หมายจะสร้างสัญลักษณ์ “แดงทั้งแผ่นดิน” ถูกจับตามองจากฝ่ายความมั่นคงไม่กะพริบ
ใครเข้านอก-ออกในบ้านนักการเมือง “นนทบุรี” หลังไหน? คนไหน? ทางการรู้ตัวหมดแล้ว
ปรากฏการณ์ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ระหว่างเสื้อแดงทักษิณจับมือกับเสื้อแดงล้มเจ้า กับประชาชนผู้รักชาติทั่วประเทศ นับวันยิ่งน่าจับตา
เวลานี้รัฐบาล-กองทัพ และคนไทยรักชาติไม่ต้องการความรุนแรง จับมือกันแน่นเพื่อปกป้องสถาบันสูงสุดและประเทศไทย ไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีได้อีกต่อไป
ห่วงก็แต่กลุ่ม “ริบบิ้นสีขาว” ของอ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ยังไม่เห็นเผยโฉมออกมาร่วมต่อต้านความรุนแรงจากกองทัพเสื้อแดงเลย ชะเง้อหามาหลายวันแล้วยังนั่งนิ่งเฉยอยู่
แต่ในความน่าสะพรึงกลัวของกองทัพเสื้อแดงที่กระแสเริ่มไหลบ่า ก็มีเรื่องโกลาหลปนความเอิกเกริกสนุกสนานแทรกอยู่ในหมู่ประชาชนที่ตื่นเต้นวุ่นวาย
ไม่ว่าจะเป็นการนัดหยุดงานตั้งแต่วันศุกร์นี้ ด้วยกลัวรถติดเพราะเสื้อแดงขู่ปิดล้อมกรุงเทพฯ และหนักกว่านั้นคือ กลัวลูกหลงจากระเบิดที่แว่วว่าจะวางกัน 40 จุดรอบเมือง
บางคนแห่ไปถอนเงินสดมาสำรองใช้ด้วยเกรงว่าธนาคารจะปิดตู้เอทีเอ็ม และ ธนาคารหลายแห่งในจุดเสี่ยงทั่วกรุงทพฯ ก็ประกาศวางกำลังปกป้องธนาคารเข้มแข็ง รวมถึงการปิดตู้เอทีเอ็ม และไม่เติมเงินในตู้ด้วย เพราะกลัวการจลาจล และคนไม่ประสงค์ดีจะบุกปล้น
ขณะที่ได้ยินข่าวว่า เศรษฐีไทยหลายครอบครัวหนีไปตั้งหลักไกลถึงอังกฤษ-อเมริกา-ฮ่องกง หรือสิงคโปร์
ส่วนประชาชนทั่วไปก็พากันแห่กักตุนข้าวสารอาหารแห้ง ตระเตรียมหยูกยา ไฟฉาย ไม้ขีดไฟ และเทียน เพราะกลัวห้างสรรพสินค้า หรือเซ่เว่น-อีเลฟเว่นปิด
บางกระแสแห่ไปไหว้พระ ไหว้เจ้า บนบานศาลกล่าวให้เมืองไทยพ้นภัยและพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่งยืนนาน
บรรยากาศกรุงเทพฯ และประเทศไทยยามนี้กำลังเข้าสู่ภาวะนับถอยหลัง มีแต่ความอึมครึม ว้าวุ่น โกลาหล แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และเตรียมพร้อมป้องกันตัวเองรวมถึงหลบภัยเหมือนกำลังเดินเข้าสู่ภาวะสงครามไม่มีผิด
แถมคนไทยทุกตรอกซอกซอยพากันพูดกันแต่เรื่องเดียว คือ เรื่องทักษิณจะเผาเมืองไหม? และเราจะต้องเตรียมรับมือกันอย่างไร?
อย่างไรก็ตาม คนไทยในฮ่องกงเล่าให้ฟังว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีสมาชิกพรรคการเมืองพรรคหนึ่งดอดไปพบปะพูดคุยกับ “พี่ชายคนสนิท” และ “ลูกชายคนโต” ในโรงแรมขนาดกลางย่านถนนนาธาน ส่วนจะหารือเรื่องอะไร ไม่ยากที่สังคมไทยจะจินตนาการถึงความชั่วร้ายเลวทรามของคนกลุ่มนี้
พอๆ กับที่นักการเมืองอีสานจากซีกเพื่อไทยหลายคนก็มีเหตุจำต้องไปเยือน “ปอยเปต” ไม่เว้นแต่ละวัน...พวกนี้ทหารถ่ายรูปไว้หมดแล้ว
ส่วนพ่อค้าไทยที่ลงทุนในจีนเล่าว่า มีคำสั่งผลิตเสื้อแดง 2 ล้านตัวและเร่งทยอยส่งกันจ้าละหวั่น
อย่างไรก็ตาม ข่าววงในหลุดออกมาว่า สามเกลอหัวขวดวงแตก บางทีวีระนกรู้อาจไม่ร่วมวงไพบูลย์ถ้าไม่ได้ถือเงินเอง จะเหลือก็แต่กลุ่มฮาร์ดคอร์ ที่คะนองจะก้าวต่อไปเพื่อทำสงครามชนชั้น-สงครามประชาชน โดยอาศัยเงินทักษิณเป็นปราการตั้งป้อมสู้ “ล้มอำมาตย์” สถาปนาระบอบใหม่!!!
แต่ฝ่ายข่าวจากสายทหารเล่าให้ฟังว่า มือไม้ของเสื้อแดงกลุ่มล้มอำมาตย์นี้ส่วนใหญ่มาจากชนบทในเขตการเลือกตั้งของสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งกระเหี้ยนกระหือรือต้องการจุดไฟสงครามประชาชน โดยมี “อดีตนักศึกษาซ้ายเก่า” เป็นแม่ทัพ และเที่ยวนี้พวกเขามั่นใจว่าจะแดงทั้งแผ่นดิน เพื่อล้มอำมาตย์ โค่นเจ้า ซึ่งกองทัพมีรายชื่อหัวโจกพร้อมภาพถ่ายไว้เรียบร้อย ตอนนี้เตรียมล็อกตัวอยู่ เพื่อสกัดไม่ให้เคลื่อนพลเข้ากรุงเทพฯ
พูดถึงทักษิณ...ทวิตเตอร์ของเขาไม่สามารถสั่นคลอนเมืองไทยได้อีกต่อไป เมื่อเมียกับลูกๆ ของเขาหนีภัยไฟแดงไปต่างประเทศ แม้จะแก้เกี้ยวว่าไปดูงานตามแผนเดิมที่วางไว้ แต่ไม่มีคนไทยคนไหนหลงลมปากแม้วอีกต่อไป จึงมีการพูดกันขรมว่า “ทีลูกเมียมัน มันรัก มันห่วง ทีลูกเมีย คนอื่น มันใช้ให้เขามาเผาเมือง”
สอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ...ขอให้เริ่มที่พ่อแม้วก่อน แล้วลูกแม้วจะได้ดีด้วย ไม่ใช่พ่อ-แม่จะเผาประเทศไทย แต่ลูกแม้วเผ่นหนีไปตั้งหลักที่ต่างแดน อย่างนี้ไม่เอาเปรียบประชาชนกันเกินไปหน่อยหรือ? โอ๊ค-เอม-อุ๊งอิ๊ง
ยิ่งใกล้วันแตกหัก ยิ่งเห็นการต่อต้านของประชาชนรุนแรงขึ้นทุกรูปแบบ ไม่เพียงแต่ “การยุติความรุนแรง” ด้วยรูปแบบอารยะขัดขืนเท่านั้น แต่หมายรวมไปถึง การตอบโต้ที่มีเนื้อหาร้อนแรงไม่แพ้กัน และที่ดังที่สุดในเวลานี้คือ คำประกาศ “มึงเผาบ้านกู ...กูจะเผาบ้านมึง”...ทักษิณ...ถ้ากล้าลองของคนไทยรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด คงได้เห็น “จันทร์ส่องหล้า” เละเป็นเถ้าถ่านแน่ๆ
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า กองทัพเสื้อแดงไม่สามารถเดินได้ด้วยท้องอันว่างเปล่า เพราะท่อน้ำเลี้ยงที่หยิบยืมไปทั่วเมืองไทยชักกลับปิดก๊อกแน่นสนิท อดีตบริวารหลายคนรักตัวกลัวตายเกรงไม่มีแผ่นดินอยู่ไปด้วย พากันส่ายหน้าไม่เอากับ “ทักษิณ” แล้ว งานนี้ “นายหญิง” เลยจ่ายเอง บัญชาการเอง
ยิ่งใกล้วัน “แดงเดือด” เท่าไร ยิ่งเห็น “คนไทยใจแดง” ที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกวงการ เปิดหน้าประกาศตนพร้อม “สู้” โดยมีประเทศชาติ อำนาจการเมือง และสถาบันเป็นเดิมพัน
ใครไม่เชื่อลองดูจากแถลงการณ์ “คนต้องเท่าเทียมกัน” แล้วจะเห็นว่า การต่อต้านกองทัพเสื้อแดงเพียงแค่ปักธงไตรรงค์-บีบแตร-เปิดไฟหน้ารถ หรือฟอร์เวิร์ด เมล
อาจไม่พอ และอาจไม่ทัน.
รูปแบบการต่อต้านความรุนแรง เพื่อรักษาประเทศไทยไม่ให้เกิดการนองเลือดและสูญเสียเดินขนานไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับกองทัพเสื้อแดงที่ประกาศฮึ่มๆ ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อทวงคืนอำนาจ และปกป้องทรัพย์สินให้ “ทักษิณ” คนที่ได้ชื่อว่า เลวระยำหมามากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา
มหันตภัยเสื้อแดงที่เตรียมเผาบ้านเผาเมือง จึงเจอ “คนจริง” ที่มาจากการรวมตัวของเสื้อหลากสีที่เริ่มรณรงค์ต่อต้านกองทัพเสื้อแดง ด้วยการเริ่มตั้งแต่ปักธงไตรรงค์หน้าบ้าน และผูกที่รถ-เปิดไฟหน้ารถ-สายรัดข้อมือ-บีบแตร และลงชื่อต่อต้านกันเป็นระบบ
เวลานี้ในโลกนิวมีเดีย เผยแพร่แนวคิดต่อต้านเสื้อแดงของทักษิณอย่างกว้างขวางคล้าย “บางระจัน ดิจิตอล”
เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก เมื่อเห็นว่างวดนี้รัฐบาล-ตำรวจ และกองทัพเตรียมความพร้อมรับมือกองทัพเสื้อแดงรอบคอบรัดกุมกว่าคราวที่แล้ว
การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และกฎหมายพิเศษอีก 18 ฉบับ ล้วนเป็นการแสดงออกถึงฝีมือการตั้งรับและรุกที่จัดเจนขึ้น
ยังไม่นับการใช้สื่อโทรทัศน์ของรัฐกำหลาบเสื้อแดงด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนถี่ยิบ ก็ยิ่งมองเห็นชัดเจนว่า รัฐบาลพร้อมสู้กับกองกำลังของทักษิณทุกรูปแบบด้วยความมั่นใจ และเข้าใจในการใช้สื่อ “อาวุธ” ที่มีอยู่ในมือได้อย่างจัดจ้าน
ขณะเดียวกันขบวนการเสื้อแดงที่แฝงทักษิณเพื่อ “ล้มเจ้า” ทั้งสายวิชาการ-นักคิด-นักกิจกรรม ก็เปิดหน้าชกกับรัฐบาลที่เขาเรียกว่า “ทหาร-อำมาตย์อุ้มสม” แล้ว โดยออกแถลงการณ์ “คนต้องเท่าเทียมกัน” เพื่อเรียกร้องสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติของคนเสื้อแดง และออกหมัดตรงตอบโต้พ.ร.บ.ความมั่นคงอย่างรุนแรง
แต่การยาตราทัพของกองกำลังเสื้อแดงที่หมายล้มรัฐบาล และโค่นเจ้าคราวนี้จึงไม่ง่ายเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา ยิ่งใกล้วันเคลื่อนพลเข้ามามากเท่าไร ยิ่งเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชนทั่วไปมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการเคลื่อนพลทางน้ำที่หมายจะสร้างสัญลักษณ์ “แดงทั้งแผ่นดิน” ถูกจับตามองจากฝ่ายความมั่นคงไม่กะพริบ
ใครเข้านอก-ออกในบ้านนักการเมือง “นนทบุรี” หลังไหน? คนไหน? ทางการรู้ตัวหมดแล้ว
ปรากฏการณ์ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ระหว่างเสื้อแดงทักษิณจับมือกับเสื้อแดงล้มเจ้า กับประชาชนผู้รักชาติทั่วประเทศ นับวันยิ่งน่าจับตา
เวลานี้รัฐบาล-กองทัพ และคนไทยรักชาติไม่ต้องการความรุนแรง จับมือกันแน่นเพื่อปกป้องสถาบันสูงสุดและประเทศไทย ไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีได้อีกต่อไป
ห่วงก็แต่กลุ่ม “ริบบิ้นสีขาว” ของอ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ยังไม่เห็นเผยโฉมออกมาร่วมต่อต้านความรุนแรงจากกองทัพเสื้อแดงเลย ชะเง้อหามาหลายวันแล้วยังนั่งนิ่งเฉยอยู่
แต่ในความน่าสะพรึงกลัวของกองทัพเสื้อแดงที่กระแสเริ่มไหลบ่า ก็มีเรื่องโกลาหลปนความเอิกเกริกสนุกสนานแทรกอยู่ในหมู่ประชาชนที่ตื่นเต้นวุ่นวาย
ไม่ว่าจะเป็นการนัดหยุดงานตั้งแต่วันศุกร์นี้ ด้วยกลัวรถติดเพราะเสื้อแดงขู่ปิดล้อมกรุงเทพฯ และหนักกว่านั้นคือ กลัวลูกหลงจากระเบิดที่แว่วว่าจะวางกัน 40 จุดรอบเมือง
บางคนแห่ไปถอนเงินสดมาสำรองใช้ด้วยเกรงว่าธนาคารจะปิดตู้เอทีเอ็ม และ ธนาคารหลายแห่งในจุดเสี่ยงทั่วกรุงทพฯ ก็ประกาศวางกำลังปกป้องธนาคารเข้มแข็ง รวมถึงการปิดตู้เอทีเอ็ม และไม่เติมเงินในตู้ด้วย เพราะกลัวการจลาจล และคนไม่ประสงค์ดีจะบุกปล้น
ขณะที่ได้ยินข่าวว่า เศรษฐีไทยหลายครอบครัวหนีไปตั้งหลักไกลถึงอังกฤษ-อเมริกา-ฮ่องกง หรือสิงคโปร์
ส่วนประชาชนทั่วไปก็พากันแห่กักตุนข้าวสารอาหารแห้ง ตระเตรียมหยูกยา ไฟฉาย ไม้ขีดไฟ และเทียน เพราะกลัวห้างสรรพสินค้า หรือเซ่เว่น-อีเลฟเว่นปิด
บางกระแสแห่ไปไหว้พระ ไหว้เจ้า บนบานศาลกล่าวให้เมืองไทยพ้นภัยและพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่งยืนนาน
บรรยากาศกรุงเทพฯ และประเทศไทยยามนี้กำลังเข้าสู่ภาวะนับถอยหลัง มีแต่ความอึมครึม ว้าวุ่น โกลาหล แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และเตรียมพร้อมป้องกันตัวเองรวมถึงหลบภัยเหมือนกำลังเดินเข้าสู่ภาวะสงครามไม่มีผิด
แถมคนไทยทุกตรอกซอกซอยพากันพูดกันแต่เรื่องเดียว คือ เรื่องทักษิณจะเผาเมืองไหม? และเราจะต้องเตรียมรับมือกันอย่างไร?
อย่างไรก็ตาม คนไทยในฮ่องกงเล่าให้ฟังว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีสมาชิกพรรคการเมืองพรรคหนึ่งดอดไปพบปะพูดคุยกับ “พี่ชายคนสนิท” และ “ลูกชายคนโต” ในโรงแรมขนาดกลางย่านถนนนาธาน ส่วนจะหารือเรื่องอะไร ไม่ยากที่สังคมไทยจะจินตนาการถึงความชั่วร้ายเลวทรามของคนกลุ่มนี้
พอๆ กับที่นักการเมืองอีสานจากซีกเพื่อไทยหลายคนก็มีเหตุจำต้องไปเยือน “ปอยเปต” ไม่เว้นแต่ละวัน...พวกนี้ทหารถ่ายรูปไว้หมดแล้ว
ส่วนพ่อค้าไทยที่ลงทุนในจีนเล่าว่า มีคำสั่งผลิตเสื้อแดง 2 ล้านตัวและเร่งทยอยส่งกันจ้าละหวั่น
อย่างไรก็ตาม ข่าววงในหลุดออกมาว่า สามเกลอหัวขวดวงแตก บางทีวีระนกรู้อาจไม่ร่วมวงไพบูลย์ถ้าไม่ได้ถือเงินเอง จะเหลือก็แต่กลุ่มฮาร์ดคอร์ ที่คะนองจะก้าวต่อไปเพื่อทำสงครามชนชั้น-สงครามประชาชน โดยอาศัยเงินทักษิณเป็นปราการตั้งป้อมสู้ “ล้มอำมาตย์” สถาปนาระบอบใหม่!!!
แต่ฝ่ายข่าวจากสายทหารเล่าให้ฟังว่า มือไม้ของเสื้อแดงกลุ่มล้มอำมาตย์นี้ส่วนใหญ่มาจากชนบทในเขตการเลือกตั้งของสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งกระเหี้ยนกระหือรือต้องการจุดไฟสงครามประชาชน โดยมี “อดีตนักศึกษาซ้ายเก่า” เป็นแม่ทัพ และเที่ยวนี้พวกเขามั่นใจว่าจะแดงทั้งแผ่นดิน เพื่อล้มอำมาตย์ โค่นเจ้า ซึ่งกองทัพมีรายชื่อหัวโจกพร้อมภาพถ่ายไว้เรียบร้อย ตอนนี้เตรียมล็อกตัวอยู่ เพื่อสกัดไม่ให้เคลื่อนพลเข้ากรุงเทพฯ
พูดถึงทักษิณ...ทวิตเตอร์ของเขาไม่สามารถสั่นคลอนเมืองไทยได้อีกต่อไป เมื่อเมียกับลูกๆ ของเขาหนีภัยไฟแดงไปต่างประเทศ แม้จะแก้เกี้ยวว่าไปดูงานตามแผนเดิมที่วางไว้ แต่ไม่มีคนไทยคนไหนหลงลมปากแม้วอีกต่อไป จึงมีการพูดกันขรมว่า “ทีลูกเมียมัน มันรัก มันห่วง ทีลูกเมีย คนอื่น มันใช้ให้เขามาเผาเมือง”
สอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ...ขอให้เริ่มที่พ่อแม้วก่อน แล้วลูกแม้วจะได้ดีด้วย ไม่ใช่พ่อ-แม่จะเผาประเทศไทย แต่ลูกแม้วเผ่นหนีไปตั้งหลักที่ต่างแดน อย่างนี้ไม่เอาเปรียบประชาชนกันเกินไปหน่อยหรือ? โอ๊ค-เอม-อุ๊งอิ๊ง
ยิ่งใกล้วันแตกหัก ยิ่งเห็นการต่อต้านของประชาชนรุนแรงขึ้นทุกรูปแบบ ไม่เพียงแต่ “การยุติความรุนแรง” ด้วยรูปแบบอารยะขัดขืนเท่านั้น แต่หมายรวมไปถึง การตอบโต้ที่มีเนื้อหาร้อนแรงไม่แพ้กัน และที่ดังที่สุดในเวลานี้คือ คำประกาศ “มึงเผาบ้านกู ...กูจะเผาบ้านมึง”...ทักษิณ...ถ้ากล้าลองของคนไทยรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด คงได้เห็น “จันทร์ส่องหล้า” เละเป็นเถ้าถ่านแน่ๆ
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า กองทัพเสื้อแดงไม่สามารถเดินได้ด้วยท้องอันว่างเปล่า เพราะท่อน้ำเลี้ยงที่หยิบยืมไปทั่วเมืองไทยชักกลับปิดก๊อกแน่นสนิท อดีตบริวารหลายคนรักตัวกลัวตายเกรงไม่มีแผ่นดินอยู่ไปด้วย พากันส่ายหน้าไม่เอากับ “ทักษิณ” แล้ว งานนี้ “นายหญิง” เลยจ่ายเอง บัญชาการเอง
ยิ่งใกล้วัน “แดงเดือด” เท่าไร ยิ่งเห็น “คนไทยใจแดง” ที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกวงการ เปิดหน้าประกาศตนพร้อม “สู้” โดยมีประเทศชาติ อำนาจการเมือง และสถาบันเป็นเดิมพัน
ใครไม่เชื่อลองดูจากแถลงการณ์ “คนต้องเท่าเทียมกัน” แล้วจะเห็นว่า การต่อต้านกองทัพเสื้อแดงเพียงแค่ปักธงไตรรงค์-บีบแตร-เปิดไฟหน้ารถ หรือฟอร์เวิร์ด เมล
อาจไม่พอ และอาจไม่ทัน.