ASTVผู้จัดการรายวัน-ผบช.ก.กำชับกองปราบเร่งสั่งฟ้อง"เสธ.แดง"ภายใน 12 วัน ขณะที่ผู้การกองปราบ ไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ"สุเทพ"ขู่กลับไปทำผิดอีก จับกุมทันที ด้าน"เคทอง"นอนคุกคืนแรกไม่เครียด พ่อทีมบึ้มแบงก์กรุงเทพ ปูดข่าวลูกถูกตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ
วานนี้(9มี.ค.)ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.ได้ประชุมเร่งรัดการสอบสวนคดีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง จำนวน 2 สำนวน ประกอบด้วยคดีที่ เสธ.แดง เป็นผู้ต้องหาในคดีอาวุธสงครามที่ตรวจพบในค่ายทหาร และ คดีซ่อนเร้นให้ที่หลบหนีแก่ผู้ต้องหา
“ผมมาเพื่อเร่งรัดให้พนักงานสอบสวนทำคดีให้เร็ว เพื่อส่งฟ้องให้เร็วที่สุด ให้เสร็จภายใน 12 วันทั้ง 2 เรื่อง โดยส่วนตัวผมคิดว่านายทหารที่ถูกพักราชการแล้วพกอาวุธอย่างนี้ ผมว่าไม่ถูก”
ในส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 14 มี.ค.นี้ พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า เสธ.แดง รู้ดีว่าต้องประพฤติตัวในเงื่อนไขอย่างไร ต้องไม่ส่อพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงในที่ชุมนุม
กองปราบไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ
ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาการ ผบก.ป.กล่าวว่าทาง พล.ต.ท.ไถง ได้กำชับให้เร่งติดตามความคืบหน้า และขยายผลคดีนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ เคทอง คนสนิทของ พล.ต.ขัตติ ขัตติยะสวัสดิผล ผู้ต้องหาในคดีนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ กรณีโพสต์ข้อความยั่วยุในอินเทอร์เน็ต ภายหลังจากที่ศาลอาญาได้อนุมัติฝากขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่าไม่กังวลหาก พล.ต.ขัตติยะ จะฟ้องกลับกองบังคับการกองปราบปราม ภายหลังจากที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดในทางอาญา ฐานให้ที่หลบซ่อนนายพรวัฒน์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นสิทธิตามกฎหมายหากไม่เป็นความจริงตามที่ถูกกล่าว ศาลก็จะเป็นผู้ตัดสินเอง ส่วนกรณีที่ทนายความของเคทองจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวถือเป็นดุลยพินิจของศาลว่า จะพิจารณาอนุญาตหรือไม่
"เทพ"ลั่นก่อเหตุอีกจับทันที
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีศาลให้ประกันตัว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ว่ามีความกังวลว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปล่อยไปแล้ว เจ้าหน้าที่เขาก็จะติดตามพฤติกรรมถ้าทำความผิดอีกก็จับอีก ส่วนที่ พล.ต.ขัตติยะ ยืนยันจะกลับไปช่วยดูแลกลุ่ม นปช.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เสธ.แดง จะทำอะไรก็ได้เท่าที่ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าฝ่าฝืนกฎหมายก็จับกุมอีก
คืนแรกนอนคุก"เคทอง"ไม่เครียด
วันเดียวกัน นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีศาลไม่ให้ประกันตัวนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือเคทอง และนำมาฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า ได้ให้รักษาการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ดูแลตามปกติ เหมือนผู้ต้องหาทั่วไป ซึ่งทางเรือนจำมีมาตรการควบคุมผู้ต้องขังอย่างดี คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เบื้องต้นทราบว่านายพรวัฒน์ ไม่ได้มีอาการเครียดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามสำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ ที่อาจเกิดความวุ่นวายและมีผู้กระทำผิดถูกส่งตัวเข้ามาเรือนจำจำนวนมากนั้น เบื้องต้นได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเรือนจำใกล้เคียงหลายแห่ง มีความพร้อมและสามารถรองรับผู้ต้องหาได้จำนวนมาก ส่วนการดำเนินการต่างๆ ของเรือนจำขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น
ด้าน นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้รับตัวนายพรรวัฒน์ มาส่งเรือนจำจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ส่งตัวไปควบคุมยังแดนแรกรับผู้ต้องขังใหม่หรือแดน 1 โดยได้พูดคุยกับนายพรวัฒน์ พร้อมอธิบายกฎเกณฑ์และระเบียบการใช้ชีวิตภายในเรือนจำให้ฟัง ทำให้นายพรวัฒน์ มีสีหน้าสดชื่นขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ ทางเรือนจำจะปฏิบัติกับนายพรวัฒน์ เหมือนผู้ต้องขังทั่วไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 มี.ค.ภายหลังทราบว่าศาลไม่ให้ประกัน นายพรวัฒน์ ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องควบคุมใต้ถุนศาลถึงกับมีอาการเซื่องซึม และบางขณะถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา กระทั่งทำใจได้ พล.ต.ขัตติยะ กับพวกจึงเข้าไปจับมือให้กำลังใจพร้อมรอส่งตัวนายพรวัฒน์ขึ้นรถกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ปูดทีมบึ้มธ.กรุงเทพถูกซ้อม
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้นำนายวสุธร มูลเกษ ซึ่งเป็นบิดานายเอกชัย มูลเกษ และเป็นเพื่อนของนายไสว ยางสันเทียะ ที่ถูกตำรวจจับกุมในข้อหามีส่วนร่วมกันในคดีปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม เพื่อสร้างสถานการณ์ก่อความวุ่นวาย ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อพรรคเพื่อไทย
นายวสุธร กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจ เพราะทั้งลูกชายและนายไสว นั้นต่างมีงานทำเป็นหลักแหล่งและมีรายได้ ไม่น่าจะร่วมกันก่อเหตุได้ และเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ได้เข้าเยี่ยมลูกชายที่ถูกจับกุมที่ สน.ยานนาวา ได้สอบถามพูดคุยกับลูกชายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงรู้สึกว่ามีเงื่อนงำ และที่สำคัญคือ ลูกชายบอกว่าโดนซ้อมเพื่อให้รับสารภาพ เรื่องนี้ไม่มีความถูกต้องและไม่มีความยุติธรรมจึงมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะอาจจะโดนกลั่นแกล้ง โยนให้เป็นแพะในคดีนี้
วานนี้(9มี.ค.)ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.ได้ประชุมเร่งรัดการสอบสวนคดีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง จำนวน 2 สำนวน ประกอบด้วยคดีที่ เสธ.แดง เป็นผู้ต้องหาในคดีอาวุธสงครามที่ตรวจพบในค่ายทหาร และ คดีซ่อนเร้นให้ที่หลบหนีแก่ผู้ต้องหา
“ผมมาเพื่อเร่งรัดให้พนักงานสอบสวนทำคดีให้เร็ว เพื่อส่งฟ้องให้เร็วที่สุด ให้เสร็จภายใน 12 วันทั้ง 2 เรื่อง โดยส่วนตัวผมคิดว่านายทหารที่ถูกพักราชการแล้วพกอาวุธอย่างนี้ ผมว่าไม่ถูก”
ในส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 14 มี.ค.นี้ พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า เสธ.แดง รู้ดีว่าต้องประพฤติตัวในเงื่อนไขอย่างไร ต้องไม่ส่อพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงในที่ชุมนุม
กองปราบไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ
ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาการ ผบก.ป.กล่าวว่าทาง พล.ต.ท.ไถง ได้กำชับให้เร่งติดตามความคืบหน้า และขยายผลคดีนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ เคทอง คนสนิทของ พล.ต.ขัตติ ขัตติยะสวัสดิผล ผู้ต้องหาในคดีนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ กรณีโพสต์ข้อความยั่วยุในอินเทอร์เน็ต ภายหลังจากที่ศาลอาญาได้อนุมัติฝากขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่าไม่กังวลหาก พล.ต.ขัตติยะ จะฟ้องกลับกองบังคับการกองปราบปราม ภายหลังจากที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดในทางอาญา ฐานให้ที่หลบซ่อนนายพรวัฒน์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นสิทธิตามกฎหมายหากไม่เป็นความจริงตามที่ถูกกล่าว ศาลก็จะเป็นผู้ตัดสินเอง ส่วนกรณีที่ทนายความของเคทองจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวถือเป็นดุลยพินิจของศาลว่า จะพิจารณาอนุญาตหรือไม่
"เทพ"ลั่นก่อเหตุอีกจับทันที
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีศาลให้ประกันตัว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ว่ามีความกังวลว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปล่อยไปแล้ว เจ้าหน้าที่เขาก็จะติดตามพฤติกรรมถ้าทำความผิดอีกก็จับอีก ส่วนที่ พล.ต.ขัตติยะ ยืนยันจะกลับไปช่วยดูแลกลุ่ม นปช.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เสธ.แดง จะทำอะไรก็ได้เท่าที่ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าฝ่าฝืนกฎหมายก็จับกุมอีก
คืนแรกนอนคุก"เคทอง"ไม่เครียด
วันเดียวกัน นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีศาลไม่ให้ประกันตัวนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือเคทอง และนำมาฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า ได้ให้รักษาการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ดูแลตามปกติ เหมือนผู้ต้องหาทั่วไป ซึ่งทางเรือนจำมีมาตรการควบคุมผู้ต้องขังอย่างดี คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เบื้องต้นทราบว่านายพรวัฒน์ ไม่ได้มีอาการเครียดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามสำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ ที่อาจเกิดความวุ่นวายและมีผู้กระทำผิดถูกส่งตัวเข้ามาเรือนจำจำนวนมากนั้น เบื้องต้นได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเรือนจำใกล้เคียงหลายแห่ง มีความพร้อมและสามารถรองรับผู้ต้องหาได้จำนวนมาก ส่วนการดำเนินการต่างๆ ของเรือนจำขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น
ด้าน นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้รับตัวนายพรรวัฒน์ มาส่งเรือนจำจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ส่งตัวไปควบคุมยังแดนแรกรับผู้ต้องขังใหม่หรือแดน 1 โดยได้พูดคุยกับนายพรวัฒน์ พร้อมอธิบายกฎเกณฑ์และระเบียบการใช้ชีวิตภายในเรือนจำให้ฟัง ทำให้นายพรวัฒน์ มีสีหน้าสดชื่นขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ ทางเรือนจำจะปฏิบัติกับนายพรวัฒน์ เหมือนผู้ต้องขังทั่วไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 มี.ค.ภายหลังทราบว่าศาลไม่ให้ประกัน นายพรวัฒน์ ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องควบคุมใต้ถุนศาลถึงกับมีอาการเซื่องซึม และบางขณะถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา กระทั่งทำใจได้ พล.ต.ขัตติยะ กับพวกจึงเข้าไปจับมือให้กำลังใจพร้อมรอส่งตัวนายพรวัฒน์ขึ้นรถกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ปูดทีมบึ้มธ.กรุงเทพถูกซ้อม
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้นำนายวสุธร มูลเกษ ซึ่งเป็นบิดานายเอกชัย มูลเกษ และเป็นเพื่อนของนายไสว ยางสันเทียะ ที่ถูกตำรวจจับกุมในข้อหามีส่วนร่วมกันในคดีปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม เพื่อสร้างสถานการณ์ก่อความวุ่นวาย ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อพรรคเพื่อไทย
นายวสุธร กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจ เพราะทั้งลูกชายและนายไสว นั้นต่างมีงานทำเป็นหลักแหล่งและมีรายได้ ไม่น่าจะร่วมกันก่อเหตุได้ และเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ได้เข้าเยี่ยมลูกชายที่ถูกจับกุมที่ สน.ยานนาวา ได้สอบถามพูดคุยกับลูกชายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงรู้สึกว่ามีเงื่อนงำ และที่สำคัญคือ ลูกชายบอกว่าโดนซ้อมเพื่อให้รับสารภาพ เรื่องนี้ไม่มีความถูกต้องและไม่มีความยุติธรรมจึงมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะอาจจะโดนกลั่นแกล้ง โยนให้เป็นแพะในคดีนี้
