วานนี้ (7 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ว่า วันนี้ (8 มี.ค. ) เป็นวันสตรีสากล และปีนี้ค่อนข้างที่จะพิเศษเพราะว่าจะเป็นการครบรอบ 100 ปี ของวันสตรีสากล ต้องยอมรับว่าใน 100 ปีที่ผ่านมานั้น ความก้าวหน้าของสตรีในเรื่องของสิทธิ ในเรื่องของโอกาสได้เพิ่มขึ้นมาก ต้องยอมรับความจริงเช่นเดียวกันว่า ยังมีอีกหลายต่อหลายเรื่องที่สังคมของเรานั้นคงจะต้องช่วยกันในแง่ของการเปิดโอกาสให้กับผู้หญิง ให้กับสตรี ในเรื่องของการมีความก้าวหน้าทางด้านอาชีพการงาน ความเสมอภาคในด้านต่างๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จริงอยู่ในกฎหมายภายในรัฐธรรมนูญนั้นมีบทบัญญัติชัดเจนว่า สิทธิของหญิง ชาย นั้น มีความเท่าเทียมกัน และในปัจจุบัน เราก็มีสตรี หรือผู้หญิง ซึ่งมีความรู้ความสามารถ และสามารถก้าวเข้าสู่ตำแหน่งบริหารในระดับสูงได้ อย่างในรัฐบาลในปัจจุบันต้องถือว่า คนที่รับผิดชอบที่เป็นผู้บริหารสูงสุดในด้านกฎหมาย ก็คือ ท่านเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ทางด้านงบประมาณ คือท่านผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และทางด้านบุคลากร ก็คือสำนักงาน ก.พ. เลขาธิการ ก.พ. ทั้ง 3 ท่านเป็นสตรีด้วยกันทั้งสิ้น และทำงานโดยแสดงออกถึงความรู้ ความสามารถ ซึ่งถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถที่จะเข้ามามีบทบาทได้ทัดเทียมไม่แพ้ผู้ชาย
อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่มีการสำรวจ เรายังพบอยู่ว่าโอกาสของสตรี แม้ว่าในเรื่องการศึกษาดีขึ้นมาก และจนขณะนี้ตัวเลขของผู้หญิงที่เรียนในระดับที่สูงขึ้น อาจจะมีสัดส่วนมากกว่าผู้ชายแล้วด้วยซ้ำ การเข้าสู่ การทำงานก็ดูมีความเท่าเทียมมากขึ้น แต่ก็ยังพบความจริงว่า ค่าตอบแทนในรูปของเงินเดือนและในเรื่องอื่นๆ ถ้าเทียบกับผู้ชายแล้วยังมีลักษณะซึ่งบ่งบอกว่าอาจจะยังมีการเลือกปฏิบัติอยู่ คือต่ำกว่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้ามาสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงนั้น ก็จะพบว่าสัดส่วนของผู้หญิงก็จะลดลงไป ถ้าเทียบกับในช่วงที่เข้ามาสู่การทำงาน
เพราะฉะนั้นการดำเนินการในเรื่องของการสนับสนุนส่งเสริมสถานภาพสตรีนั้นก็จะเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาล และหวังว่าภาคเอกชน และประชาชนก็จะช่วยกันสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป รวมทั้งการปรับทัศนคติในส่วนของสังคมไทยที่มีต่อสตรี ให้สอดคล้องกับการที่จะส่งเสริมสถานภาพสตรีอย่างแท้จริง อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เป็นวันสตรีสากลที่จะมีขึ้นในวันนี้ และตนก็ได้มีโอกาสพบกับตัวแทนผู้แทนของผู้ใช้แรงงานสตรีด้วยในวันนี้เช่นกัน เพื่อรับข้อเสนอหรือข้อเรียกร้องในส่วนของแรงงานสตรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จริงอยู่ในกฎหมายภายในรัฐธรรมนูญนั้นมีบทบัญญัติชัดเจนว่า สิทธิของหญิง ชาย นั้น มีความเท่าเทียมกัน และในปัจจุบัน เราก็มีสตรี หรือผู้หญิง ซึ่งมีความรู้ความสามารถ และสามารถก้าวเข้าสู่ตำแหน่งบริหารในระดับสูงได้ อย่างในรัฐบาลในปัจจุบันต้องถือว่า คนที่รับผิดชอบที่เป็นผู้บริหารสูงสุดในด้านกฎหมาย ก็คือ ท่านเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ทางด้านงบประมาณ คือท่านผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และทางด้านบุคลากร ก็คือสำนักงาน ก.พ. เลขาธิการ ก.พ. ทั้ง 3 ท่านเป็นสตรีด้วยกันทั้งสิ้น และทำงานโดยแสดงออกถึงความรู้ ความสามารถ ซึ่งถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถที่จะเข้ามามีบทบาทได้ทัดเทียมไม่แพ้ผู้ชาย
อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่มีการสำรวจ เรายังพบอยู่ว่าโอกาสของสตรี แม้ว่าในเรื่องการศึกษาดีขึ้นมาก และจนขณะนี้ตัวเลขของผู้หญิงที่เรียนในระดับที่สูงขึ้น อาจจะมีสัดส่วนมากกว่าผู้ชายแล้วด้วยซ้ำ การเข้าสู่ การทำงานก็ดูมีความเท่าเทียมมากขึ้น แต่ก็ยังพบความจริงว่า ค่าตอบแทนในรูปของเงินเดือนและในเรื่องอื่นๆ ถ้าเทียบกับผู้ชายแล้วยังมีลักษณะซึ่งบ่งบอกว่าอาจจะยังมีการเลือกปฏิบัติอยู่ คือต่ำกว่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้ามาสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงนั้น ก็จะพบว่าสัดส่วนของผู้หญิงก็จะลดลงไป ถ้าเทียบกับในช่วงที่เข้ามาสู่การทำงาน
เพราะฉะนั้นการดำเนินการในเรื่องของการสนับสนุนส่งเสริมสถานภาพสตรีนั้นก็จะเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาล และหวังว่าภาคเอกชน และประชาชนก็จะช่วยกันสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป รวมทั้งการปรับทัศนคติในส่วนของสังคมไทยที่มีต่อสตรี ให้สอดคล้องกับการที่จะส่งเสริมสถานภาพสตรีอย่างแท้จริง อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เป็นวันสตรีสากลที่จะมีขึ้นในวันนี้ และตนก็ได้มีโอกาสพบกับตัวแทนผู้แทนของผู้ใช้แรงงานสตรีด้วยในวันนี้เช่นกัน เพื่อรับข้อเสนอหรือข้อเรียกร้องในส่วนของแรงงานสตรี
