ASTVผู้จัดการรายวัน - คมนาคมคืนงบไทยเข็มแข็งฯ มูลค่า 6,400 ล้านบาท ในส่วนของกรมทางหลวง เหตุโครงการขยายทางหลวงเป็น 4 ช่องจราจร จัดซื้อจัดจ้างล่าช้า ไม่ทันเส้นตาย 16 ก.พ. 53 ตามมติครม. เตรียมปรับไปใช้งบประจำปี 54 แทน
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2553 ที่ให้หน่วยงานเร่งจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินโครงการลงทุน ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงิน 199,960 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 ก.พ. 2553 ที่ผ่านมา
ส่วนกรณีหน่วยงานได้รับจัดสรรเงินแล้วแต่ยังไม่ลงนามในสัญญาให้เร่งดำเนินการลงนานในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค. 2553 หากไม่สามารถดำเนินการตามข้อกำหนดดังกล่าว ให้ยุติโครงการและนำเงินจากโครงการไปให้โครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการมากกว่านั้น
ปรากฎว่าในส่วนของกระทรวงคมนาคมมีโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามมติครม.กำหนดและต้องคืนงบที่ได้รับจัดสรร จากโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้กับรัฐบาลมูลค่าประมาณ 6,400 ล้านบาท จากที่ได้รับทั้งหมด 39,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณในส่วนของกรมทางหลวง (ทล) ที่จะใช้สำหรับการดำเนิน โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร
ระยะที่ 2
ด้านนายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า งานที่ดำเนินการไม่ทัน ส่วนใหญ่เป็นโครงการขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนและการทำเอกสารจัดซื้อจัดจ้าง มีประมาณ 30 โครงการ เป็นโครงการขนาดใหญ่ประมาณ 8 โครงการโดยกรมทางหลวงจะแก้ไขปัญหาโดยปรับไปใช้งบประมาณประจำปี 2554 แทน
โดยโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีแผนการดำเนินการและมีการออกแบบไว้แล้ว
“ขั้นตอนที่เหลือไม่ทันแน่นอน ทั้งการออกแบบการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องใช้เวลาถึง 60 วัน จึงต้องคืนงบประมาณ 6,400 ล้านบาท กลับไปให้รัฐบาล” นายวีระกล่าว
สำหรับแผนงานดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) นั้น กำหนดระยะเวลา 11 ปี ( 2539-2549) ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 5,387 กิโลเมตร แต่ปัจจุบันการดำเนินการก่อสร้างมีความล่าช้ากว่าแผนงาน สามารถดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 2,257 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 542 กิโลเมตร และยังไม่ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินงานอีกประมาณ 2,588 กิโลเมตร
เนื่องจาก ทล.ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีไม่สอดคล้องกับความต้องการในการก่อสร้างโครงการ
ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักของโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) เพื่อพัฒนาระบบทางหลวงให้มีประสิทธิภาพในการรองรับการจราจรให้เพิ่มมากขึ้น เป็นการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางถนนให้เชื่อมต่อกันเป็นระบบทำให้ประชาชนสามารถใช้การเดินทางมากยิ่งขึ้น , เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและเป็นตัวชี้นำการกระจายความเจริญไปสู่ชนบทและภูมิภาคต่าง ๆ
อย่างทั่วถึง และ เพื่อพัฒนาส่งเสริมเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนนที่จะเชื่อมกับต่างประเทศในเชิงรุก รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2553 ที่ให้หน่วยงานเร่งจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินโครงการลงทุน ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงิน 199,960 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 ก.พ. 2553 ที่ผ่านมา
ส่วนกรณีหน่วยงานได้รับจัดสรรเงินแล้วแต่ยังไม่ลงนามในสัญญาให้เร่งดำเนินการลงนานในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค. 2553 หากไม่สามารถดำเนินการตามข้อกำหนดดังกล่าว ให้ยุติโครงการและนำเงินจากโครงการไปให้โครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการมากกว่านั้น
ปรากฎว่าในส่วนของกระทรวงคมนาคมมีโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามมติครม.กำหนดและต้องคืนงบที่ได้รับจัดสรร จากโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้กับรัฐบาลมูลค่าประมาณ 6,400 ล้านบาท จากที่ได้รับทั้งหมด 39,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณในส่วนของกรมทางหลวง (ทล) ที่จะใช้สำหรับการดำเนิน โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร
ระยะที่ 2
ด้านนายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า งานที่ดำเนินการไม่ทัน ส่วนใหญ่เป็นโครงการขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนและการทำเอกสารจัดซื้อจัดจ้าง มีประมาณ 30 โครงการ เป็นโครงการขนาดใหญ่ประมาณ 8 โครงการโดยกรมทางหลวงจะแก้ไขปัญหาโดยปรับไปใช้งบประมาณประจำปี 2554 แทน
โดยโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีแผนการดำเนินการและมีการออกแบบไว้แล้ว
“ขั้นตอนที่เหลือไม่ทันแน่นอน ทั้งการออกแบบการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องใช้เวลาถึง 60 วัน จึงต้องคืนงบประมาณ 6,400 ล้านบาท กลับไปให้รัฐบาล” นายวีระกล่าว
สำหรับแผนงานดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) นั้น กำหนดระยะเวลา 11 ปี ( 2539-2549) ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 5,387 กิโลเมตร แต่ปัจจุบันการดำเนินการก่อสร้างมีความล่าช้ากว่าแผนงาน สามารถดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 2,257 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 542 กิโลเมตร และยังไม่ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินงานอีกประมาณ 2,588 กิโลเมตร
เนื่องจาก ทล.ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีไม่สอดคล้องกับความต้องการในการก่อสร้างโครงการ
ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักของโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) เพื่อพัฒนาระบบทางหลวงให้มีประสิทธิภาพในการรองรับการจราจรให้เพิ่มมากขึ้น เป็นการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางถนนให้เชื่อมต่อกันเป็นระบบทำให้ประชาชนสามารถใช้การเดินทางมากยิ่งขึ้น , เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและเป็นตัวชี้นำการกระจายความเจริญไปสู่ชนบทและภูมิภาคต่าง ๆ
อย่างทั่วถึง และ เพื่อพัฒนาส่งเสริมเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนนที่จะเชื่อมกับต่างประเทศในเชิงรุก รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ