ASTVผู้จัดการรายวัน - เลขาธิการศาลยุติธรรมเตือนเสื้อแดง ลงชื่อถอดถอนผู้พิพากษา ต้องรับผิดชอบอาจถูกฟ้องกลับ หากไม่พบพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหา ระบุ สิทธิ ตาม รธน. ต้องมาพร้อมหน้าที่และความรับผิดชอบ ขณะที่กองปราบสั่งฟ้อง“ชินวัฒน์”แกนนำวิทยุแดง ส่วนคดีม็อบแดงเลื่อนชุมนุมเดือดช่วงสงกรานต์ อัยการเลื่อนสั่งคดี
วานนี้ (2 มี.ค.) นายวิรัช ชินวินจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง และกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะรวบรวมรายชื่อตามบทบัญญัติยื่นถอดถอนผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าแม้จะเป็นการใช้สิทธิ์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ แต่การจะถอดถอนก็ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่ชัดเจนตามหลักเกณฑ์ที่เป็นเงื่อนไขการยื่นถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การคัดลอกคำหรือข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญมากล่าวอ้าง แต่จะต้องมีกล่าวหาชัดเจนว่า การทำหน้าที่ของผู้พิพากษาองค์คณะนั้น ผิดอย่างไร มีหลักฐานอะไร ลำพังแค่การลงชื่อครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้ถอดถอนได้ถ้าไม่มีข้อกล่าวหา ชี้ให้เห็นพฤติการณ์กระทำผิดต่อตำแหน่งที่ชัดเจน
นายวิรัช ยังกล่าวอีกว่า อยากเตือนถึงผู้จะลงชื่อว่า ต้องดูให้ดีก่อนว่ามีข้อกล่าวหาชัดเจนที่จะยื่นถอดถอนหรือไม่ เพราะหากลงชื่อแล้วถ้ากระบวนการตรวจสอบพบว่าผู้พิพากษาไม่มีพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหาแล้วจะอ้างว่าตอนลงชื่อไม่รู้ไม่ได้ ซึ่งการใช้สิทธิใด ๆ ตามรัฐธรรมนูญก็ต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบตามมาด้วย โดยตนในฐานะที่เป็นเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมจะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินการหากมีการลงชื่อถอดถอนและสุดท้ายพบว่าไม่มีการกระทำตามที่กล่าวหา
“ผู้พิพากษาไม่ได้หวั่นไหวว่าจะมีการยื่นถอดถอน ไม่ว่าจะมีจำนวน 20,000 หรือ 1,000,000 ชื่อ แต่ถ้าลงชื่อแล้วไม่มีการกล่าวหาถึงพฤติการณ์ที่ชัดเจนจะยื่นถอดถอน หรือตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำตามข้อกล่าวหา อาจถูกฟ้องดำเนินคดีได้โดยคนที่ลงชื่อจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ” นายวิรัช กล่าว
**ฟ้อง“ชินวัฒน์”แกนนำวิทยุแดง**
วันเดียวกันที่กองปราบปราม นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อายุ 57 ปี นายกสมาคมพิทักษ์ผลประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ ผู้ก่อตั้งและผู้จัดรายการสถานีวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ คลื่น 92.75 เมกะเฮิรตซ์ ตั้งอยู่เลขที่ 549/6 ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 3 (ร่วมศิริมิตร) แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. เข้าพบ พ.ต.ต.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ พนักงานสอบสวน(สบ 2) กก.1 บก.ป.เพื่อนำตัวส่งพนักงานอัยการ หลังจากพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายชินวัฒน์ ในข้อหาร่วมกันมีใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม และร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่ามกลางกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 200 คนที่มาให้กำลังใจ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2552 เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมและตรวจสอบการใช้วิทยุ เขต 1 ได้ตรวจสอบพบว่าสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวตั้งขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังพบว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลโดยมีเนื้อหาบิดเบือน และมีการปลุกระดมประชาชน
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2552 กำลังตำรวจ บก.ป.ได้นำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชนแห่งนี้พร้อมกับยึดเสาอากาศ สายส่งสัญญาณและอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกอากาศหลายรายการไว้เป็นของกลางในการดำเนินคดี
จากนั้นพนักงานสอบสวน บก.ป.สืบสวนสอบสวนพบว่า สถานีวิทยุนี้มีนายชินวัฒน์ เป็นผู้ก่อตั้งและดำเนินการรายการ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 จึงมีหมายเรียกให้นายชินวัฒน์ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยนายชินวัฒน์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กระทั่งพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องคดีนี้ และนัดหมายนายชินวัฒน์เพื่อส่งตัวให้อัยการดำเนินการต่อไป
**เลื่อนสั่งคดีม็อบแดงเถื่อน**
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 นัดสั่งคดีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายเหวง โตจิราการ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด กับพวกรวม 14 คน เป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันไม่ใช่ความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กรณีร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2552 ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลช่วงสงกรานต์ จนถึงเดือน เม.ย. 2552 มารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งคดี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัยการพิจารณาสำนวนไม่แล้วเสร็จ อัยการจึงเลื่อนสั่งคดีอีกครั้งวันที่ 25 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
วานนี้ (2 มี.ค.) นายวิรัช ชินวินจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง และกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะรวบรวมรายชื่อตามบทบัญญัติยื่นถอดถอนผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าแม้จะเป็นการใช้สิทธิ์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ แต่การจะถอดถอนก็ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่ชัดเจนตามหลักเกณฑ์ที่เป็นเงื่อนไขการยื่นถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การคัดลอกคำหรือข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญมากล่าวอ้าง แต่จะต้องมีกล่าวหาชัดเจนว่า การทำหน้าที่ของผู้พิพากษาองค์คณะนั้น ผิดอย่างไร มีหลักฐานอะไร ลำพังแค่การลงชื่อครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้ถอดถอนได้ถ้าไม่มีข้อกล่าวหา ชี้ให้เห็นพฤติการณ์กระทำผิดต่อตำแหน่งที่ชัดเจน
นายวิรัช ยังกล่าวอีกว่า อยากเตือนถึงผู้จะลงชื่อว่า ต้องดูให้ดีก่อนว่ามีข้อกล่าวหาชัดเจนที่จะยื่นถอดถอนหรือไม่ เพราะหากลงชื่อแล้วถ้ากระบวนการตรวจสอบพบว่าผู้พิพากษาไม่มีพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหาแล้วจะอ้างว่าตอนลงชื่อไม่รู้ไม่ได้ ซึ่งการใช้สิทธิใด ๆ ตามรัฐธรรมนูญก็ต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบตามมาด้วย โดยตนในฐานะที่เป็นเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมจะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินการหากมีการลงชื่อถอดถอนและสุดท้ายพบว่าไม่มีการกระทำตามที่กล่าวหา
“ผู้พิพากษาไม่ได้หวั่นไหวว่าจะมีการยื่นถอดถอน ไม่ว่าจะมีจำนวน 20,000 หรือ 1,000,000 ชื่อ แต่ถ้าลงชื่อแล้วไม่มีการกล่าวหาถึงพฤติการณ์ที่ชัดเจนจะยื่นถอดถอน หรือตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำตามข้อกล่าวหา อาจถูกฟ้องดำเนินคดีได้โดยคนที่ลงชื่อจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ” นายวิรัช กล่าว
**ฟ้อง“ชินวัฒน์”แกนนำวิทยุแดง**
วันเดียวกันที่กองปราบปราม นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อายุ 57 ปี นายกสมาคมพิทักษ์ผลประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ ผู้ก่อตั้งและผู้จัดรายการสถานีวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ คลื่น 92.75 เมกะเฮิรตซ์ ตั้งอยู่เลขที่ 549/6 ถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 3 (ร่วมศิริมิตร) แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. เข้าพบ พ.ต.ต.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ พนักงานสอบสวน(สบ 2) กก.1 บก.ป.เพื่อนำตัวส่งพนักงานอัยการ หลังจากพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายชินวัฒน์ ในข้อหาร่วมกันมีใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม และร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่ามกลางกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 200 คนที่มาให้กำลังใจ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2552 เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมและตรวจสอบการใช้วิทยุ เขต 1 ได้ตรวจสอบพบว่าสถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวตั้งขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังพบว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลโดยมีเนื้อหาบิดเบือน และมีการปลุกระดมประชาชน
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2552 กำลังตำรวจ บก.ป.ได้นำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชนแห่งนี้พร้อมกับยึดเสาอากาศ สายส่งสัญญาณและอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกอากาศหลายรายการไว้เป็นของกลางในการดำเนินคดี
จากนั้นพนักงานสอบสวน บก.ป.สืบสวนสอบสวนพบว่า สถานีวิทยุนี้มีนายชินวัฒน์ เป็นผู้ก่อตั้งและดำเนินการรายการ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 จึงมีหมายเรียกให้นายชินวัฒน์ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยนายชินวัฒน์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กระทั่งพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องคดีนี้ และนัดหมายนายชินวัฒน์เพื่อส่งตัวให้อัยการดำเนินการต่อไป
**เลื่อนสั่งคดีม็อบแดงเถื่อน**
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 นัดสั่งคดีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายเหวง โตจิราการ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด กับพวกรวม 14 คน เป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันไม่ใช่ความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กรณีร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2552 ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลช่วงสงกรานต์ จนถึงเดือน เม.ย. 2552 มารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งคดี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัยการพิจารณาสำนวนไม่แล้วเสร็จ อัยการจึงเลื่อนสั่งคดีอีกครั้งวันที่ 25 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.