ASTVผู้จัดการรายวัน- บ้านปู ฟันกำไรงวดสิ้นปี 5 ถึง 14,229 ล้านบาท เพิ่มจากปี 51 ถึง 54% ผลจากการดำเนินงานทั้งธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าพุ่ง อีกทั้งมีกำไรจากสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าเกือบ 2.9 พันล้านบาท แถมรับรู้รายได้จากธุรกิจในจีนรุ่งจากต้นทุนถ่านหินที่ต่ำลง พร้อมจ่ายปันผลเพิ่มอีกหุ้นละ 8 บาท
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 52 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 14,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,001 ล้านบาท หรือ 54 % จากปีก่อนหน้าที่ทำไว้ 9,227.66 ล้านบาท อันเป็นผลจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งในส่วนของธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้า
โดยกำไรปี 52 มาจากธุรกิจถ่านหิน 10,444 ล้านบาท และจากธุรกิจไฟฟ้า 3,785 ล้านบาท หรือ 73 % และ 27 % ของกำไรสุทธิทั้งหมดตามลำดับ โดยในส่วนของธุรกิจถ่านหินได้รับผลดีจากปริมาณการผลิตและขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากแผนการทำเหมืองถ่านหินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในอินโดนีเซียซึ่งมีปริมาณฝนตกน้อยกว่าทุกปี ในขณะที่ธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนมีผลประกอบการที่ดีเช่นกัน เนื่องจากการผลิตที่ราบรื่นท่ามกลางสภาวะราคาขายที่ทรงตัวได้ดีจากความต้องการใช้ถ่านหินภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการบันทึกกำไรจากสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้า (Coal Swap) อีก 2,876 ล้านบาท ขณะปี 51 ขาดทุน จากรายการนี้ 218 ล้านบาท จึงส่งผลให้กำไรจากธุรกิจถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับราคาขายเฉลี่ยถ่านหินปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนผลจากบริษัทฯ ได้ตกลงราคาขายกับลูกค้าล่วงหน้าตั้งแต่ประมาณกลางปี 51 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกอยู่ในสภาวะที่ดี
สำหรับธุรกิจไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีอัตราการจ่ายไฟที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทฯมีส่วนแบ่งกำไรจากบีแอลซีพี 3,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 3,165 ล้านบาท ส่วนธุรกิจไฟฟ้าในจีนมีผลประกอบการดีขึ้นจากต้นทุนราคาถ่านหินที่ลดลงประกอบกับรัฐบาลจีนได้ปรับขึ้นราคาขายไฟฟ้าและไอน้ำ จึงทำให้โรงไฟฟ้าพลังร่วมความร้อนทั้ง 3 แห่งในจีน มีกำไรสุทธิ 591 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 431 ล้านบาท จาก160 ล้านบาทในปี51 ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมปี 52 มี 57,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,336 ล้านบาท หรือ 15 % จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน 52,704 ล้านบาท คิดเป็น 91 % ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 52,603 ล้านบาท และจากเหมืองถ่านหินในประเทศไทย 101 ล้านบาทและรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีนและรายได้อื่น ๆ มี 5,162 ล้านบาทหรือ 9% ของรายได้จากการขายรวม
ดังนั้น บริษัทจึงประกาศจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอีก 8 บาท หลังจากจ่ายปันผลกลางปีแล้วหุ้นละ 8 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 30 เมษายน 53
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 52 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 14,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,001 ล้านบาท หรือ 54 % จากปีก่อนหน้าที่ทำไว้ 9,227.66 ล้านบาท อันเป็นผลจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งในส่วนของธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้า
โดยกำไรปี 52 มาจากธุรกิจถ่านหิน 10,444 ล้านบาท และจากธุรกิจไฟฟ้า 3,785 ล้านบาท หรือ 73 % และ 27 % ของกำไรสุทธิทั้งหมดตามลำดับ โดยในส่วนของธุรกิจถ่านหินได้รับผลดีจากปริมาณการผลิตและขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากแผนการทำเหมืองถ่านหินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในอินโดนีเซียซึ่งมีปริมาณฝนตกน้อยกว่าทุกปี ในขณะที่ธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนมีผลประกอบการที่ดีเช่นกัน เนื่องจากการผลิตที่ราบรื่นท่ามกลางสภาวะราคาขายที่ทรงตัวได้ดีจากความต้องการใช้ถ่านหินภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการบันทึกกำไรจากสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้า (Coal Swap) อีก 2,876 ล้านบาท ขณะปี 51 ขาดทุน จากรายการนี้ 218 ล้านบาท จึงส่งผลให้กำไรจากธุรกิจถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับราคาขายเฉลี่ยถ่านหินปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนผลจากบริษัทฯ ได้ตกลงราคาขายกับลูกค้าล่วงหน้าตั้งแต่ประมาณกลางปี 51 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกอยู่ในสภาวะที่ดี
สำหรับธุรกิจไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีอัตราการจ่ายไฟที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทฯมีส่วนแบ่งกำไรจากบีแอลซีพี 3,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 3,165 ล้านบาท ส่วนธุรกิจไฟฟ้าในจีนมีผลประกอบการดีขึ้นจากต้นทุนราคาถ่านหินที่ลดลงประกอบกับรัฐบาลจีนได้ปรับขึ้นราคาขายไฟฟ้าและไอน้ำ จึงทำให้โรงไฟฟ้าพลังร่วมความร้อนทั้ง 3 แห่งในจีน มีกำไรสุทธิ 591 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 431 ล้านบาท จาก160 ล้านบาทในปี51 ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมปี 52 มี 57,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,336 ล้านบาท หรือ 15 % จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน 52,704 ล้านบาท คิดเป็น 91 % ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 52,603 ล้านบาท และจากเหมืองถ่านหินในประเทศไทย 101 ล้านบาทและรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีนและรายได้อื่น ๆ มี 5,162 ล้านบาทหรือ 9% ของรายได้จากการขายรวม
ดังนั้น บริษัทจึงประกาศจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอีก 8 บาท หลังจากจ่ายปันผลกลางปีแล้วหุ้นละ 8 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 30 เมษายน 53
