xs
xsm
sm
md
lg

อุตฯหนังสือโต แต่คาดอีก3ปี “อี-บุ๊ค”เฟื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ปีเสือส่งตลาดหนังสือโตแน่ 4% เชื่อการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ-ลดภาษีหนังสือเป็น 0%ช่วยหนุน ชี้3ปี อี-บุ๊คมาแรง จากปัจจัยเครื่องอ่านหนังสือมีราคาจับต้องได้ เผยวรรณกรรม การ์ตูนให้ความรู้ขายดีสุดในปีที่ผ่านมา ซีเอ็ดครองแชมป์ยอดขายสูงสุด
นายทนง โชติสรยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหนังสือในปีนี้ เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ถึง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีการเติบโตเพียง1% เนื่องจากปีก่อนมีปัจจัยรุมเร้าหลายเรื่อง แต่ในปีนี้พบว่ามีปัจจัยบวกที่น่าจะส่งให้ตลาดหนังสือเติบโตขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของรัฐบาลที่ได้มีนโยบายในการประกาศให้ การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมทั้งนำร่องโครงการให้คนไทยหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมหนังสือดีขึ้น ขณะเดียวกันกับนโยบายการกำหนดให้หนังสืออยู่ใน VAT 0%และการลดหย่อนภาษีในการซื้อหนังสือของบุคคลทั่วไป และองค์กรถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดหนังสือเติบโตขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ตลาดหนังสือกำลังมีทิศทางที่ดีขึ้น ยังพบด้วยว่าพฤติกรรมของผู้อ่านก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีการอ่านผ่านทางเว็บไซด์ หรือดาวน์โหลดผ่านทางเว็บไซด์แทนการซื้อเป็นรูปเล่มมากขึ้น โดยในแง่ของผู้ประกอบการเองก็ได้มีการพัฒนาเครื่องอ่านหนังสือขึ้นมารองรับ หรือที่เรียกกันว่า อีบุ๊ค รีดเดอร์ (eBook Reader)ซึ่งถึงแม้ในเวลานี้จะยังมีราคาที่สูงอยู่ แต่ในอนาคตหากมีราคาที่ปรับตัวลงจนผู้อ่านสามารถซื้อได้นั้น เชื่อว่าจะทำให้กระแสอี-บุ๊คเติบโตขึ้นได้แน่ คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3ปีนับจากนี้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ทางซีเอ็ดก็พร้อมในการพัฒนาเว็บไซด์ www.se-ed.com เพื่อเป็นศูนย์กลางการดาวน์โหลดหนังสือแน่นอน
ทั้งนี้จากฐานข้อมูลซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ กับ “ที่สุดในธุรกิจหนังสือ ปี 2552” พบว่า สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่ในปีนี้นั้นยังคงมีการออกหนังสือใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขเฉลี่ยทั้งปีนั้น ใกล้เคียงกับปี 2551ที่ผ่านมา หรืออยู่ที่ประมาณ 37 ปกต่อวัน โดยพบว่า ในปี 2552 กลุ่มหนังสือวรรณกรรมเป็นกลุ่มที่มีการออกเล่มใหม่มากสุดถึงจำนวน 3,097 ปก เพิ่มขึ้น 4.3% รองลงมา คือกลุ่มหนังสือเด็กเล็ก จำนวน 2,827 ปก เพิ่มขึ้น 14.5%
โดยในปีที่ผ่านมานั้น สำนักพิมพ์อัมรินทร์ ครองแชมป์ในการออกหนังสือมากที่สุด หรือทั้งปี มีการเปิดตัวหนังสือใหม่ถึง 438 ปก มูลค่าปกรวมกันอยู่ที่ 89,157 บาท เฉลี่ยมีราคาที่เล่มละ 203.55 บาท ส่วนใหญ่เป็นหนังสือประเภท วรรณกรรม การ์ตูนความรู้ หนังสือเด็ก ศาสนา-ปรัชญา อาหาร เครื่องดื่ม และท่องเที่ยว ตามลำดับ โดยอันดับสอง คือ สำนักพิมพ์ สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย มีการเปิดตัวหนังสือใหม่ถึง 383 ปก มูลค่าปกรวมกันอยู่ที่ 35,980 บาท เฉลี่ยราคาเล่มละ 93.94บาท ส่วนอันดับสาม คือ สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์ มีการเปิดตัวหนังสือใหม่ไปทั้งสิ้น 312 ปก มูลค่าปกรวม 53,698 บาท เฉลี่ยราคาเล่มละ 172.11 บาท
อย่างไรก็ตาม ยังพบด้วยว่า สำนักพิมพ์ที่มีจำนวนเล่มขาย ของหนังสือออกใหม่มากที่สุดนั้น อันดับหนึ่ง คือ สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ รองลงมา คือ แจ่มใส และอันดับสาม คือ อัมรินทร์ แน่นอนว่านานมีบุ๊คส์ สามารถจำหน่ายหนังสือคิดเป็นจำนวนเล่มขายได้มากที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยมาจากหนังสือในหมวดการ์ตูนให้ความรู้ เนื่องจากที่ผ่านมานานมีบุ๊คส์เข้ามารุกตลาดนี้เต็มที่ และมีความหลากหลายให้เลือกซื้อ ทำให้ยอดขายค่อนข้างสูง
ส่วนสำนักพิมพ์ที่มียอดขาย เมื่อคิดเป็นจำนวนเงินออกมาแล้ว อันดับหนึ่ง คือ ซีเอ็ด อันดับสอง คือ นานมีบุ๊คส์ และอันดับสาม คือ แจ่มใส ขณะที่ตัวเลข 20 อันดับหนังสือขายดีในปีที่ผ่านมา พบว่า สำนักพิมพ์แจ่มใส มีจำนวนหนังสือติดอันดับถึง 32 ปก รองลงมา คือ นานมีบุ๊คส์ มี 31 ปก และอันดับสาม คือ สำนักพิมพืยอดมาลา มี 12ปก โดยกลุ่มหนังสือประเภทวรรณกรรมและการ์ตูนให้ความรู้ เป็นกลุ่มที่มียอดขายสูงสุดด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น