นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้เวลาที่จะสรุปผลประกอบการปี 52 ของ CPF แล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายและคาดว่าในปี 53 บริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารยังคงเติบโตได้ดี
โดยสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยที่หลายฝ่ายต่างเป็นห่วงความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและเกิดความไม่เข้าใจกันในสังคม ทำให้รัฐบาลทำการบริหารบ้านเมืองได้ค่อนข้างยาก ส่งผลให้นักลงทุนกังวลใจ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าประเทศไทยเคยผ่านประสบการณ์ทางการเมืองหลายเหตุการณ์แต่ก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ทุกครั้ง
สำหรับ CPF ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านอาหาร ที่นับเป็นปัจจัยพื้นฐานประจำวันในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดก็ตามอาหารยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกจนอาจกล่าวได้ว่าธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤต ดังเช่น เหตุการณ์วิกฤตต้มยำกุ้งในปี 40 หรือวิกฤตซัพไพร์มปี 51 ต่อเนื่องปี 52 ผลประกอบการของ CPF ก็ยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี หรือในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปีที่ผ่านมา CPF ก็สามารถทำกำไรในไตรมาส 3 ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานดังกล่าว เกิดจากการมุ่งเน้นในด้านพัฒนาประสิทธิภาพทั้งการผลิต การขาย กระบวนการทำงาน รวมถึงการบริหารการเงิน ตลอดจนการสร้างแบรนด์ และขยายช่องทางจัดจำหน่าย เช่น ซีพีเฟรชมาร์ท ซึ่งในปี 53 นี้ CPF จะยังคงใช้กลยุทธ์การดำเนินงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 53 บริษัทจะประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อสรุปผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 4 ปี 52 และผลการดำเนินงานทั้งปี 52 พร้อมกับพิจารณาการจ่ายเงินปันผลช่วงครึ่งปีหลังซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น
โดยสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยที่หลายฝ่ายต่างเป็นห่วงความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและเกิดความไม่เข้าใจกันในสังคม ทำให้รัฐบาลทำการบริหารบ้านเมืองได้ค่อนข้างยาก ส่งผลให้นักลงทุนกังวลใจ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าประเทศไทยเคยผ่านประสบการณ์ทางการเมืองหลายเหตุการณ์แต่ก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ทุกครั้ง
สำหรับ CPF ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านอาหาร ที่นับเป็นปัจจัยพื้นฐานประจำวันในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดก็ตามอาหารยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกจนอาจกล่าวได้ว่าธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤต ดังเช่น เหตุการณ์วิกฤตต้มยำกุ้งในปี 40 หรือวิกฤตซัพไพร์มปี 51 ต่อเนื่องปี 52 ผลประกอบการของ CPF ก็ยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี หรือในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปีที่ผ่านมา CPF ก็สามารถทำกำไรในไตรมาส 3 ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานดังกล่าว เกิดจากการมุ่งเน้นในด้านพัฒนาประสิทธิภาพทั้งการผลิต การขาย กระบวนการทำงาน รวมถึงการบริหารการเงิน ตลอดจนการสร้างแบรนด์ และขยายช่องทางจัดจำหน่าย เช่น ซีพีเฟรชมาร์ท ซึ่งในปี 53 นี้ CPF จะยังคงใช้กลยุทธ์การดำเนินงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 53 บริษัทจะประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อสรุปผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 4 ปี 52 และผลการดำเนินงานทั้งปี 52 พร้อมกับพิจารณาการจ่ายเงินปันผลช่วงครึ่งปีหลังซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น