ASTVผู้จัดการรายวัน – สทท. ขันอาสาช่วยผู้ประกอบการรายย่อยทำตลาดต่างประเทศ ตลอดปี 200 ราย หวังใช้ประสบการณ์จริงสอนรายย่อยทำการตลาดสู้ศึกเปิดเสรีอาเซียน ยันไม่ทำงานทับซ้อนงาน ททท. ขณะที่ ททท. ลุยโปรโมตอีสาน และ มรดกโลก กระตุ้นเที่ยวเมืองไทยตลอดปี
นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า ในปี 2553 สทท.มีแผนการตลาดเชิงรุกเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวกลุ่มรายกลางและรายย่อย(เอสเอ็มอี)มูลค่าการลงทุนในธุรกิจไม่เกิน 200 ล้านบาท ได้มีโอกาสออกไปเรียนรู้การทำตลาดในต่างประเทศ ด้วยการนำภาคเอกชนกลุ่มนี้ไปร่วมออกงานโรดโชว์และเทรดโชว์ ในต่างประเทศ ตั้งเป้าตลอดปี 3-4 งาน รวมผู้ประกอบการที่ร่วมเดินทางราว 200 คน
ทั้งนี้ในเดือนก.พ.53 เดินทางไปร่วมงานนาตัส ประเทศสิงคโปร์ และ พบปะผู้ซื้อ ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ช่วงกลางปี เดินทางไปเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ส่วนครึ่งปีหลัง จะเดินทางไปอินเดีย และ อินโดนีเซีย ตามลำดับ ซึ่งออสเตรเลีย ได้งบสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) 11 ล้านบาท และ ของ สทท. 4 ล้านบาทซึ่งหากของบประมาณได้เพิ่มเติมก็จะเดินทางไปมากกว่านี้ ซึ่งประเทศที่ต้องการนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไปเปิดตลาดจะเน้น กลุ่มประเทศในอาเซียน และ ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตดี เช่น ตะวันออกกลาง เป็นต้น
“เราเลือกเดินทางไปสิงคโปร์และออสเตรเลีย เพราะ 2 ประเทศอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน+6สอดคล้องกับการเริ่มนโยบายเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน โดยทั้งสองประเทศมีกำลังซื้อสูง จำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยต่อปี 5-6 แสนคน เป็นกลุ่มมาซ้ำเฉลี่ย 50% นอกจากนั้นกลุ่มเป้าหมายสำคัญคือเยาวชน ซึ่งทั้งสองประเทศมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ”
**ยันไม่ทับซ้อนกับงานททท.****
นางพรทิพย์ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางแต่ละครั้ง สทท.จะเก็บเงินจากผู้ประกอบการเพียงรายละ 10,000 บาท ที่เหลือ สทท.จะจ่ายให้ ประโยชน์ของการจัดกิจกรรมรูปแบบนี้ คือ ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้เรียนรู้การทำตลาดในต่างประเทศ ขณะที่ สทท.ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายย่อย เช่น โครงการจัดทำระบบมาตรฐานธุรกิจท่องเที่ยว และ โครงการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวตามกลุ่มคลัสเตอร์เพื่อสร้างภาพลักษณืของสินค้าในแต่ละคลัสเตอร์ให้โดดเด่นเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าแผนงานด้านการตลาดของสทท. ที่กล่าวมาจะไม่ทับซ้อนกับของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เพราะกลุ่มที่เดินทางไปเทรดโชว์ โรดโชว์กับ ททท.ส่วนมากเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ อีกทั้งมองว่า เทรนการท่องเที่ยวโลกที่เปลี่ยนไป สินค้าทางการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการรายย่อยจะเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า
**ททท.โหมโปรโมทอีสานต่อเนื่อง***
นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ในส่วนของ ททท. ได้เพิ่มศักยภาพด้านการทำตลาดให้แก่ผู้ประกอบการภาคอีสาน ด้วยการประกาศโครงการ” ปีท่องเที่ยวอีสาน 2551-2553” ซึ่งปีนี้ได้เตรียมจัดงาน อะเมซิ่ง อีสาน แฟร์ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 18-21 ก.พ.53 โดยตลอด 3 ปี ของโครงการพบการพัฒนาที่ดีขึ้นของผู้ประกอบการภาคอีสานในการทำตลาด ล่าสุด จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าภาคอีสานมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 30% คนไทย 70% จากก่อนหน้านี้สัดส่วนนักท่องเที่ยวจะมีเพียง 5-10% ขณะที่ภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่อีสานเพิ่มต่อปีเฉลี่ย 10-20%
นอกจากนั้น ททท.เตรียมจัดงาน เฮอริเทจ เคาท์เจอเรอ มาร์ท ที่ จ.กำแพงเพชร 27-28 ก.พ.53 เชิญ ผู้ซื้อพบผู้ขาย นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกของประเทศไทย ให้ผู้ซื้อต่างชาติได้รับรู้ ขณะที่ภาคใต้ ได้กำหนดจัดงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ จ.นครศรีธรรมราช 25-28 ก.พ.53 ซึ่งงานนี้จะโปรโมทเชิญชวนชาวพุทธที่มาเลซียน และ สิงคโปร์ มาร่วมงานด้วย
นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า ในปี 2553 สทท.มีแผนการตลาดเชิงรุกเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวกลุ่มรายกลางและรายย่อย(เอสเอ็มอี)มูลค่าการลงทุนในธุรกิจไม่เกิน 200 ล้านบาท ได้มีโอกาสออกไปเรียนรู้การทำตลาดในต่างประเทศ ด้วยการนำภาคเอกชนกลุ่มนี้ไปร่วมออกงานโรดโชว์และเทรดโชว์ ในต่างประเทศ ตั้งเป้าตลอดปี 3-4 งาน รวมผู้ประกอบการที่ร่วมเดินทางราว 200 คน
ทั้งนี้ในเดือนก.พ.53 เดินทางไปร่วมงานนาตัส ประเทศสิงคโปร์ และ พบปะผู้ซื้อ ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ช่วงกลางปี เดินทางไปเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ส่วนครึ่งปีหลัง จะเดินทางไปอินเดีย และ อินโดนีเซีย ตามลำดับ ซึ่งออสเตรเลีย ได้งบสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) 11 ล้านบาท และ ของ สทท. 4 ล้านบาทซึ่งหากของบประมาณได้เพิ่มเติมก็จะเดินทางไปมากกว่านี้ ซึ่งประเทศที่ต้องการนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไปเปิดตลาดจะเน้น กลุ่มประเทศในอาเซียน และ ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตดี เช่น ตะวันออกกลาง เป็นต้น
“เราเลือกเดินทางไปสิงคโปร์และออสเตรเลีย เพราะ 2 ประเทศอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน+6สอดคล้องกับการเริ่มนโยบายเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน โดยทั้งสองประเทศมีกำลังซื้อสูง จำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยต่อปี 5-6 แสนคน เป็นกลุ่มมาซ้ำเฉลี่ย 50% นอกจากนั้นกลุ่มเป้าหมายสำคัญคือเยาวชน ซึ่งทั้งสองประเทศมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ”
**ยันไม่ทับซ้อนกับงานททท.****
นางพรทิพย์ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางแต่ละครั้ง สทท.จะเก็บเงินจากผู้ประกอบการเพียงรายละ 10,000 บาท ที่เหลือ สทท.จะจ่ายให้ ประโยชน์ของการจัดกิจกรรมรูปแบบนี้ คือ ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้เรียนรู้การทำตลาดในต่างประเทศ ขณะที่ สทท.ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายย่อย เช่น โครงการจัดทำระบบมาตรฐานธุรกิจท่องเที่ยว และ โครงการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวตามกลุ่มคลัสเตอร์เพื่อสร้างภาพลักษณืของสินค้าในแต่ละคลัสเตอร์ให้โดดเด่นเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าแผนงานด้านการตลาดของสทท. ที่กล่าวมาจะไม่ทับซ้อนกับของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เพราะกลุ่มที่เดินทางไปเทรดโชว์ โรดโชว์กับ ททท.ส่วนมากเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ อีกทั้งมองว่า เทรนการท่องเที่ยวโลกที่เปลี่ยนไป สินค้าทางการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการรายย่อยจะเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า
**ททท.โหมโปรโมทอีสานต่อเนื่อง***
นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ในส่วนของ ททท. ได้เพิ่มศักยภาพด้านการทำตลาดให้แก่ผู้ประกอบการภาคอีสาน ด้วยการประกาศโครงการ” ปีท่องเที่ยวอีสาน 2551-2553” ซึ่งปีนี้ได้เตรียมจัดงาน อะเมซิ่ง อีสาน แฟร์ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 18-21 ก.พ.53 โดยตลอด 3 ปี ของโครงการพบการพัฒนาที่ดีขึ้นของผู้ประกอบการภาคอีสานในการทำตลาด ล่าสุด จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าภาคอีสานมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 30% คนไทย 70% จากก่อนหน้านี้สัดส่วนนักท่องเที่ยวจะมีเพียง 5-10% ขณะที่ภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่อีสานเพิ่มต่อปีเฉลี่ย 10-20%
นอกจากนั้น ททท.เตรียมจัดงาน เฮอริเทจ เคาท์เจอเรอ มาร์ท ที่ จ.กำแพงเพชร 27-28 ก.พ.53 เชิญ ผู้ซื้อพบผู้ขาย นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกของประเทศไทย ให้ผู้ซื้อต่างชาติได้รับรู้ ขณะที่ภาคใต้ ได้กำหนดจัดงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ จ.นครศรีธรรมราช 25-28 ก.พ.53 ซึ่งงานนี้จะโปรโมทเชิญชวนชาวพุทธที่มาเลซียน และ สิงคโปร์ มาร่วมงานด้วย