xs
xsm
sm
md
lg

แดงเชียงรายซัดกันนัว-ภูเก็ตเผ่นชาวบ้านไล่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค - หางแดงแค่หยิบมือโผล่ทั่วประเทศ รวมพลังป่วนหน้าค่ายทหารพร้อมกันอ้างมาต้านปฏิวัติรัฐประหาร เปิดปราศรัยโจมตีรัฐบาลหลังเสร็จงานเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็พากันสลายตัวกลับ เผยแดงเชียงรายกัดกันเละ ส่วนที่ภูเก็ตเสนอหน้าแค่ราว 10 คนเจอดีเผ่นกลับแทบไม่ทัน โดนชาวบ้านตำบลวิชิตเกือบ 100 คนรวมตัวขับไล่ ขณะไปอ่านแถลงการณ์ที่หน้าทัพเรือภาค 3 ขณะที่แดงนครศรี-ระนองหดหัวเงียบ “เสธ.แดง” หอบโฉนดที่ดินยื่นศาลขอเปลี่ยนหลักทรัพย์ประกัน 2 ลูกน้อง

วานนี้ (4 ก.พ.) ช่วงเวลาประมาณ 09.00-10.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศได้นัดชุมนุมพร้อมกันที่บริเวณหน้าหน่วยทหารของแต่ละจังหวัดเพื่อประกาศจุดยืนร่วมกันอ่านแถลงการณ์ต่อต้านการรัฐประหาร และเคลื่อนไหวในแนวทาง “ผูกมิตรทหารกล้า ต่อต้านขี้ข้าอำมาตย์” พร้อมกับมอบดอกป๊อบปี้เป็นกำลังใจให้แก่ทหารท่ามการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร โดยใช้เวลาในการชุมนุมเพียงแค่ประมาณ 30 นาทีเท่านั้นกลุ่มคนเสื้อแดงตามจังหวัดต่างๆ จึงได้สลายตัวกลับ
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในครั้งนี้พบว่ามีจำนวนไม่มากนักในแต่ละจังหวัด ซึ่งมากสุดคือประมาณ 500 คนและน้อยที่สุดมีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น ขณะที่หลายจังหวัดไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงครั้งนี้เป็นแค่การสร้างสัญลักษณ์เท่านั้น

**แดงชม.บุกค่ายกาวิละต้านรัฐประหาร
เริ่มที่ จ.เชียงใหม่ในเวลา 09.30 น.ที่ถนนเชียงใหม่-ลำพูน บริเวณหน้าค่ายกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 จ.เชียงใหม่ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และกลุ่มเสื้อแดงจากอำเภอต่างๆ ของ จ.เชียงใหม่ รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.ลำพูน ประมาณ 300 คน ได้รวมตัวชุมนุมเพื่ออ่านแถลงการณ์ต่อต้านการทำรัฐประหาร ซึ่งกลุ่ม นปช.และกลุ่มเสื้อแดง ได้นัดอ่านแถลงการณ์ฉบับเดียวกันนี้ที่หน้าค่ายทหารต่างๆ พร้อมกันทั่วประเทศ
นอกจากการอ่านแถลงการณ์แล้ว ทางแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังได้ผลัดกันปราศรัยโจมตีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และยืนยันไม่สนับสนุนการปฏิวัติและรัฐประหารทุกรูปแบบ ขณะที่ทางค่ายกาวิละได้จัดวางกำลังเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารคอยดูแลควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งกำลังตำรวจอีกส่วนหนึ่งเตรียมพร้อมอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงได้สลายการชุมนุมไปในเวลาประมาณ 11.00 น.โดยไม่มีเหตุการณ์บานปลายใดๆ
หลังจากนั้นนางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม ได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมต่อที่บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยอ้างว่าไม่พอใจที่นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานทางหลวงเชียงใหม่ ให้ดูแลเรื่องการจัดเวทีปราศรัยของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไม่ให้กีดขวางการจราจร
ต่อมานายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงมาเจรจาพร้อมกับรับปากว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่และตำรวจภาค 5 ตกลงที่จะให้ทางกลุ่มเสื้อแดงตั้งเวทีปราศรัยที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ต่อไปดังเดิมได้เพียงแต่หากมีการเสด็จฯ ทางกลุ่มจะต้องรื้อเวทีออกชั่วคราว ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงยินยอมตามข้อตกลงดังกล่าวผู้ชุมนุมทั้งหมดจึงสลายตัวไปในเวลา 16.00 น.

**แดงเชียงรายกัดกันเละ
กรณีของ จ.เชียงราย พบว่าปัญหาความแตกแยกกันของกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ ยังมีอย่างต่อเนื่องแม้วันรับคำสั่งให้ทุกกลุ่มไปปฏิบัติพร้อมกันดังกล่าว โดยพบว่า มีการแยกย้ายกันไปรวมตัวก่อนไปที่หน้าค่ายหลายจุด
กลุ่มแรกนำโดยกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย นำโดย น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ ซึ่งมีแนวร่วมหลายคน เช่น นายธวัชชัย ทองนาค นายธนิต บุญญนสินีเกษม จากกลุ่มพลังมวลชนเชียงราย ฯลฯ ไปรวมตัวกันที่บ้านของ น.ส.จิรนันท์
ขณะที่คนเสื้อแดงในขั้วของชมรมคนรักทักษิณเชียงราย 49 นำโดย น.ส.เกษนีย์ ชื่นชม และนางมติ แซ่อึ้ง ประธานชมรมฯ ไปรวมตัวกันที่บ้านของ น.ส.เกษนีย์
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงรายนำโดยนายบุญเลิศ บุญศรี ประธานกลุ่ม รวมแล้วความแตกแยกของกลุ่มคนเสื้อแดงแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังกล่าว ขณะที่แต่ละฝ่ายต่างก็มีรถกระจายเสียงและแย่งกันกระจายเสียงหรือปราศรัย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ท้ายที่สุดที่หน้าประตูค่ายเม็งรายมหาราช ก็เหลือรถปราศรัยอยู่เพียง 2 คันคือรถของ น.ส.จิรนันท์ และรถของ น.ส.เกษนีย์ ซึ่งแกนนำของทั้งสองฝ่ายต่างแย่งกันปราศรัยโดย น.ส.จิรนันท์ ได้จอดรถหน้าประตูและปราศรัยเกริ่นนำการชุมนุมในครั้งนี้ก่อน ก่อนให้แกนนำคนอื่นๆ เช่น นายธวัชชัย ทองนาค นายทรงธรรม คิดอ่าน จากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย
ปรากฎว่าเมื่อถึงช่วงเวลาอ่านแถลงการณ์ทั่วประเทศ รถกระจายเสียงของ น.ส.เกษณีย์ ได้ชิงเปิดเครื่องกระจายเสียงก่อน โดยนายจิระโชติ อุ่นนะ จากกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 รีบนำแถลงการณ์ออกมาอ่านนำตัดหน้ากลุ่มอื่นๆ
หลังอ่านแถลงการณ์ ซึ่งมีเนื้อหาเหมือนกันทั่วประเทศแล้วปรากฎว่า กลุ่มของ น.ส.จิรนันท์ ได้ชิงกล่าวปราศรัยอีกทำให้แกนนำที่อยู่ในรถของ น.ส.เกษนีย์ ต้องเรียกร้องให้แกนนำคนอื่นๆ ไปพูดปราศรัยที่รถของตนเอง ทำให้เกิดการปราศรัยประชันกันจนทำให้มวลชนคนเสื้อแดงที่มาจากท้องที่ต่างๆ เกิดความสับสนและมึนงงกับเวทีดังกล่าว
ดังนั้นจึงเหลือมวลชนของกลุ่ม น.ส.เกษนีย์ เพียงครึ่งเดียวที่ยังปักหลักอยู่หน้าประตูค่ายโดยยังไม่ยอมสลายตัว และพากันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นปราศรัยอยู่หน้าค่ายอย่างมันปาก
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าสำหรับกำหนดการณ์จัดงานโรงเรียน นปช.ที่โรงแรมวังทอง อ.แม่สาย ชายแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นโรงแรมของพ่อตานายอิทธิเดช แก้วหลวง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย เขต 3 พรรคเพื่อไทย และเวทีปราศรัยใหญ่ที่สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ซึ่งมีกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 เป็นแม่งานนั้น
ปรากฎว่าได้ถูกกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย ชิงจะจัดงานตัดหน้าในวันและเวลาเดียวกันแต่จะจัดที่หน้าบ้านของนายสฤษฎ์ อึ้งอภินันท์ ส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคเพื่อไทย จนทำให้กลุ่ม ส.ส.เชียงราย ซึ่งมาจากพรรคเพื่อไทยทั้ง 7 คน ต่างออกมาต่อต้านนายสฤษฎ์และเจรจาให้ยกเลิกการจัดงานเสีย เพราะจะไปทับซ้อนกัน

**แดงลำปางรวมตัวหน้า มทบ.32
ส่วนที่ จ.ลำปาง กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 200 คนนำโดย พ.ต.ท ดีชัย พาณิชย์ ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณวัดป่ารวก อ.เมือง จ.ลำปาง ก่อนเดินทางไปยังบริเวณประตูด้านหน้ามณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง เพื่อแสดงจุดยืนต้านรัฐประหารและอ่านแถลงการณ์ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชลจากหลายพื้นที่ของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ที่วางกำลังตามถนนพหลโยธิน ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าวัดป่ารวก ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ไปจนถึงด้านหน้าประตูเข้าค่ายสุรศักดิ์มนตรีฯ เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในครั้งนี้
ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงพะเยา ประมาณ 300 คนได้นัดรวมตัวกันที่บริเวณประตูทางเข้าค่ายขุนเจืองธรรมิกราช ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งเป็นค่ายใหญ่ของจังหวัดและเป็นที่ตั้งของจังหวัดทหารบก (จทบ.) พะเยา กรมทหารราบที่ 17 (ร 17) และกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 17(ป.พัน 17) หลังแสดงพลังอ่านแถลงการณ์เสร็จจึงแยกย้ายกันกลับ

**บุกค่ายทหารเหนือล่างเห่าเสร็จแยกกลับ
ส่วนที่ จ.พิษณุโลก กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 200 คนนำโดยนายบุญเลิศ เรืองทิม เดินทางไปชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ กองทัพภาคที่ 3 จากนั้นได้อ่านแถลงการณ์ ซึ่งเป็นพิมพ์เดียวกันทั่วประเทศ และยังประกาศต่อต้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่สั่งให้หน่วยทหารต่างๆ ออกมาแสดงเจนารมย์ในการต่อต้านทหารนอกแถว
เช่นเดียวกับที่ จ.กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ ตาก อุทัยธานี และชัยนาท บรรดาเสื้อแดงต่างพากันไปชุมนุมที่หน้าค่ายทหารของแต่ละพื้นที่โดยมีจำนวนคนแต่ละแห่งประมาณ 100-200 คนเท่านั้น

**แดงขอนแก่นกระจาย 4 ค่ายทหาร
ส่วนที่ จ.ขอนแก่น แกนนำเสื้อแดงขอนแก่น ประมาณ 400-500 ได้แบ่งจุดดาวกระจายไปยัง 4 ค่ายทหาร ประกอบค่าย ร.8 สีหราชเดโชไชย, ค่ายศรีพัชรินทร์, ค่ายเปรม ติณสูลานนท์ อ.น้ำพอง และค่ายมเหศักดิ์ พลเสฐ อ.ชุมแพ เพื่ออ่านแถลงการณ์ พร้อมกับเปิดเวทีปราศรัยปลุกระดมให้ทหารออกมาร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงเพื่อรักษาประชาธิปไตย และขับไล่ระบอบอำมาตย์ รวมทั้งให้ช่วยกันนักโทษชาย หรือ นช.ทักษิณ ชินวัตร กลับคืนสู่แผ่นดินไทย
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงขอนแก่นครั้งนี้ มีพระสงฆ์รวมอยู่ด้วย ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด

**ฝูงแดงโคราชบุกป่วนหน้าทัพภาค2ตามสั่ง
ที่หน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มคนเสื้อแดงโคราชจาก 32 อำเภอประมาณ 300 คนนำโดยนายเขื่อนเพชร โพนรัมย์, นายอนุวัฒน์ ทินราช และนายสมโภชน์ ประสาทไทย ได้มารวมตัวกันที่บริเวณหนุสาวรีย์ย่าโมก่อนเคลื่อนขบวนเดินเท้าไปที่บริเวณหน้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อแสดงพลังต่อต้านการปฏิวัติและรัฐประหาร พร้อมยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นจำนวนมาก

**เสื้อแดงบุรีรัมย์หมดพลังฮึดมีแค่22คน
ส่วนที่หน้าค่ายวีรวัฒน์โยธินจังหวัดทหารบกสุรินทร์ มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 400 คนเดินทางมาแสดงพลังเพียงไม่กี่นาทีก่อนสลายตัวกลับ
เช่นเดียวกับที่ จ.บุรีรัมย์มีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาแสดงพลังที่หน้ากองบังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์เพียงแค่ 22 คนเท่านั้น
เช่นเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง 15 อำเภอจาก 17 อำเภอใน จ.หนองคาย ได้ออกมารวมตัวกันที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดหนองคายแค่ประมาณ 120 คน

**แดงภูเก็ต 10 คนเผ่นโดนชาวบ้านไล่
ส่วนที่ จ.ภูเก็ต เวลา 09.45 น.กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยนายสิริพงษ์ เลื่อนฉวี อาชีพทนายความและอ้างตัวว่าเป็นอดีตนายทหารเก่า พร้อมสมาชิกประมาณ 10 คนเดินทางไปยังบริเวณทัพเรือภาค 3 เพื่ออ่านแถลงการณ์ต่อต้านการทำรัฐประหาร เมื่อขับรถไปได้เพียงแค่บริเวณทางเข้าทัพเรือภาค 3 ขณะกำลังเดินลงจากรถเพื่อเดินไปยังประตูทางเข้าเพื่ออ่านแถลงการณ์ ได้มีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 7 และใกล้เคียง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เกือบ 100 คนเดินทางมารวมตัวกันพร้อมส่งเสียงตะโกนขขับไล่กลุ่มเสื้อแดงภูเก็ตให้เดินทางกลับออกไป
โดยชาวบ้านในพื้นที่ต่างพากันแสดงความไม่พอใจที่กลุ่มเสื้อแดงรวมตัวสร้างความวุ่นวายและความแตกแยกในพื้นที่และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่พัก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก
ระหว่างรวมตัวขับไล่กลุ่มเสื้อแดงได้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นเล็กน้อยระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มชาวบ้าน โดยกลุ่มเสื้อแดงพยายามดื้อดึงที่จะอ่านแถลงการณ์ให้ได้ และมี 1 ในสมาชิกเสื้อแดงเป็นผู้หญิง ซึ่งมีสามีเป็นชาวต่างชาติพยายามบันทึกภาพชาวบ้าน และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเรือที่มารักษาความปลอดภัย จนเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ สห.ทหารเรือ และตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต คอยควบคุมสถานการณ์ ไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงขึ้น
จนเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที กลุ่มเสื้อแดงทนแรงต่อต้านจากชาวบ้านไม่ได้ จึงยอมสลายตัวเดินกลับไปขึ้นรถทางกลับออกจากพื้นที่ดังกล่าวในที่สุด โดยที่ไม่ได้อ่านแถลงการณ์แต่อย่างใด

**แดง5จชต.หยิบมือม็อบหน้ามทบ.42
ด้านเครือข่ายคนเสื้อแดงในนามของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประมาณ 30 คนนำโดยนายสมพงศ์ ศรียะพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าสวนสาธารณเทศบาลนครหาดใหญ่ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปยังมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อยื่นหนังสือแถลงการณ์ นปช.แดงทั้งแผ่นดินต่อต้านการทำรัฐประหารให้แก่ทหารโดยมี พ.อ.ธานินทร์ สุวรรณคดี เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 42 เป็นผู้รับมอบ พร้อมกับมอบดอกกุหลาบสีแดงให้ทหารที่มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยก่อนจะสลายตัวกลับ

**แดงระนอง-นครหัวหดไม่เคลื่อนไหว
ขณะที่เครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดงทุกจังหวัดได้มีการเคลื่อนไหวไปชุมนุมกันที่บริเวณหน้าค่ายทหารในส่วนของ จ.ระนอง ซึ่งมีหน่วยทหารตั้งอยู่ด้วย คือ ค่ายรัตนรังสรรค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของทหารบก 3 หน่วย คือ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 หรือ ร.25 พัน 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยก 1 (กอ.รมน.สย.1) และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 แต่ปรากฎว่าที่ จ.ระนองวานนี้ไม่ปรากฏมีเครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองทัพภาค 4 ที่ตั้งอยู่ในค่ายวชิราวุธ ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และยังเป็นที่ตั้งของหน่วยทหารสำคัญต่างๆ ที่ขึ้นตรงกับกองทัพภาค 4 และขึ้นตรงต่อกองทัพบกหลายหน่วย แต่ปรากฏว่าตลอดช่วงเช้าจนถึงบ่ายวานนี้ก็ยังไม่มีกลุ่มเสื้อแดงมาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

**สุราษฏร์ฯ-สตูลร่วมแดงได้แค่38คน
ส่วน จ.สุราษฎร์ธานี มีรายงานเข้ามายังผู้บังคับบัญชาระดับสูงว่า มีกลุ่มเสื้อแดงไปยืนตามที่นัดหมายกับแกนนำเสื้อแดงเพียงแค่ 18 คนเท่านั้น
ขณะที่ จ.สตูล กลุ่มเสื้อแดงกว่า 20 คน นำรถแห่ 4 คัน พร้อมป้ายผ้าไปอ่านแถลงการณ์หน้ากองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ทหารประจำกองทัพและกองทัพสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตการณ์ หลังจากนั้นประมาณ 30 นาทีได้เคลื่อนรถแห่ไปรอบเมือง พร้อมประกาศเจตนารมณ์จะเปิดเวทีให้ความรู้ประชาชนในปลายเดือน ก.พ.นี้

**เสื้อแดงภาคตะวันออกโผล่ไม่กี่ร้อยคน
ขณะที่ จ.ปราจีนบุรี กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 100 คน ไปรวมตัวกันที่หน้าค่ายพรหมโยธี กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นกำลังหน่วยรบหลักบูรพาพยัคฆ์ของภาคตะวันออก พร้อมกับอ่านแถลงการณ์ต้านการปฏิวัติรัฐหารท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของกำลังเจ้าหน้าตำรวจหลายร้อยนาย
ส่วนที่หน้าหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ต.ตะกาง อ.เมือง จ.ตราด มีกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ถึง 100 คนนำโดย น.ท.ทวี ยานไกล นางชูชีพ ชีพนำโชคกุล หลังยื่นหนังสือแถลงการณ์แล้วได้สลายตัวกลับ
สำหรับกลุ่มเสื้อแดง จ.สระแก้ว มีประมาณ 80 คนเท่านั้นที่ไปชุมนุมกันบริเวณด้านหน้ากรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ค่ายไพรีระย่อเดช ริมถนนสุวรรณศร อ.เมือง จ.สระแก้ว

**แดงชลฯรวมตัวป่วนทหารนวมินทราชินี ฯ
เช่นเดียวกับที่บริเวณหน้าค่ายนวมินทราชินี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อ.เมือง จ.ชลบุรี มีกลุ่มเสื้อแดงชลบุรีประมาณ 200 คนเท่านั้นที่ออกมารวมตัวยืนหนังสือต้านรัฐประหาร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้
ส่วนกลุ่มเสื้อแดง จ.ระยอง มีประมาณ 100 คนที่ไปชุมนุมกันที่หน้ากองพันทหารราบที่ 7 นาวิกโยธิน ค่ายมหาสุรสิงหนาท พัน ร.7 นย. ต.ตะพง อ.เมืองระยอง

**แดงห้าร้อยแปดริ้วป่วนค่ายทหารกองพล11
ส่วนที่บริเวณด้านหน้าค่ายทหาร กองพลทหารราบที่ 11 ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 500 คนมารวมตัวกัน พร้อมกล่าวปราศรัยโจมตีทางด้านการเมืองต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวหาว่า ใช้เอกสารเท็จสมัครเข้ารับราชการทหาร และโจมตีองคมนตรี รวมถึงนายทหารระดับสูงของกองทัพด้วย

**ผบ.ทบ.ยันทหารไม่"ปฏิวัติ"
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่างถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงชุมนุมหน้าหน่วยทหารทั่วประเทศเพื่อขอคำยืนยันว่าจะไม่ปฏิวัติว่า ที่ผ่านมาทุกคนยืนยันหมดแล้วว่าไม่ปฏิวัติ ทหารระดับล่างก็ปฏิบัติตามคำบังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด ไม่ได้กระทำการอะไร เรื่องนี้น่าจะมีเจตนาอื่นนั้นตนไม่ทราบ ทุกคนยืนยันหมด ประเทศชาติขณะนี้อยู่ในภาวะเรียบร้อยไม่มีอะไร
"หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า ทหารอยู่ในระเบียบวินัย ทำทุกอย่างตามที่รัฐบาลสั่งการ ไม่ว่าการดูแลความสงบเรียบร้อย การดูแลความมั่นคงตามแนวชายแดน งานพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากร รวมถึงการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทหารทำงานได้ดี ตนใช้คำว่าเรียบร้อยไปด้วยซ้ำ แต่พยายามจะสร้างกระแส คงต้อง"ไปตีค่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวกันเอง

**เสธ.แดงเปลี่ยนหลักทรัพย์ค้ำประกันสมุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งถูกพักราชการ เดินทางมาเปลี่ยนหลักทรัพย์ประกันตัวใหม่ให้กับพลทหาร มานัสชัย คำพร อายุ 22 ปี สังกัดกองพันบริการ กองบริการศูนย์การทหารม้า จ.สระบุรี และนายเอกลักษณ์ วิเศษวงษา อายุ 24 ปี ผู้ดูแลบ้านพักที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีมีอาวุธปืนแลเครื่องยุทธภัณฑ์ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดย พล.ต.ขัตติยะ นำโฉนดที่ดิน จ.นครนายก ราคาประเมิน 600,000 บาท มายื่นเป็นหลักประกันแทนหลักทรัพย์เดิมที่ใช้เงินสด 400,000 บาท ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้เปลี่ยนหลักทรัพย์ได้โดยตีราคาประกันเท่าเดิมคนละ 200,000 บาท

สำหรับเรื่องการให้สัมภาษณ์เรื่องการลอบฆ่าผู้พิพากษาและองค์กรอิสระ พล.ต.ขัตติยะ ยืนยันว่า ยอมรับว่าตนพูดเอง แต่ก็เป็นการเตือนผู้พิพากษา กลับถูกมองว่าประสงค์ร้าย โดยภายหลัง น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ และนายสมชาย แสวงการ ออกมาพูดว่าถูกต้องจึงทำให้เสียงของ 40 ส.ว.ที่ออกมาตอบโต้ตนก็เบาลง ทั้งนี้ ตนไม่ห่วงว่าจะต้องถูกดำเนินคดีว่าเป็นการข่มขู่ผู้พิพากษา
กำลังโหลดความคิดเห็น