นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE หนึ่งในผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) ที่มีคุณภาพดี เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกที่ต้นทุนต่ำ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นบริษัทฯได้มีการประเมินยอดขายถ่านหินในช่วงไตรมาส4 ปี 52 เพิ่มขึ้น 10-20% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงไตรมาส 3 ปีเดียวกันที่ระดับ 485 ล้านบาท เนื่องจากช่วงปลายไตรมาส 3 ปี 51 บริษัทฯได้เปิดคลังสินค้าที่ศรีราชา จังหวัดดชลบุรี ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อสินค้าทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯได้มีการประมาณการรายได้ในปี 52 ไว้ที่ระดับประมาณ 2,100 ล้านบาท
" ปัจจุบันบริษัทฯมีคลังสินค้า และโรงคัดแยก รวมทั้งหมด 4 แห่ง อาทิ จังหวัดสมุทรสาคร , จังหวัดเพชรบุรี , จังหวัดอยุธยา และจังหวัด ชลบุรี ส่งผลให้บริษัทฯมีพื้นในการจัดเก็บถ่านหินไม่ต่ำกว่า 400,000 ตัน " นายสมยศ กล่าว
นายสมยศกล่าวถึงราคาถ่านหินในช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 ว่ามีผลมาจากราคาถ่านหินในปัจจุบันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 90-95 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ( อิงกับค่าBJI ) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก 75-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และเพิ่มขึ้นจากช่วงกลางปี 52 ที่ 65-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
สำหรับสาเหตุที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัว ประกอบกับอัตราการต้องการใช้ถ่านหินในประเทศจีน และอินเดีย ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าในช่วงอดีตที่ผ่านมา
" การนำเข้าถ่านหินของจีน และ อินเดีย ในช่วงเดือนธันวาคม 52 และมกราคม ปรับเพิ่มขึ้น เกินกว่า 30 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้มีการประเมินในเบื้องต้นว่า การนำเข้าของจีนจะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง " นายสมยศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทางด้านลอจิสติกส์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯคาดการอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 53 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 20%
สำหรับงบการเเงินงวดล่าสุด สิ้นไตรมาส 3 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 37.35 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 42.49 ล้านบาท หรือขาดทุน 187.90 % เนื่องจากไตรมาสนี้ บริษัทมียอดรายได้จากการขาย 491.69 ล้านบาท ลดดจากปี 51 ที่ขายได้ 633.78 ล้านบาท หรือลดลง 142.09 ล้านบาทคิดเป็น 22.42 % ผลจากนโยบายการให้สินเชื่อกับลูกค้าอย่างระมัดระวังในสภาวะเศรษฐกิจขาลง รวมทั้งการปรับลดมูลค่าสินค้าและทำให้เกิดผลขาดทุนสุทธิหลังปรับมูลค่าสินค้าดังกล่าว
ขณะราคาหุ้น AGE วานนี้ พบว่าปิดบวกที่ 6.75 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.50% ด้วยมูลค่า 5.47 ล้านบาท
" ปัจจุบันบริษัทฯมีคลังสินค้า และโรงคัดแยก รวมทั้งหมด 4 แห่ง อาทิ จังหวัดสมุทรสาคร , จังหวัดเพชรบุรี , จังหวัดอยุธยา และจังหวัด ชลบุรี ส่งผลให้บริษัทฯมีพื้นในการจัดเก็บถ่านหินไม่ต่ำกว่า 400,000 ตัน " นายสมยศ กล่าว
นายสมยศกล่าวถึงราคาถ่านหินในช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 ว่ามีผลมาจากราคาถ่านหินในปัจจุบันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 90-95 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ( อิงกับค่าBJI ) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก 75-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และเพิ่มขึ้นจากช่วงกลางปี 52 ที่ 65-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
สำหรับสาเหตุที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัว ประกอบกับอัตราการต้องการใช้ถ่านหินในประเทศจีน และอินเดีย ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าในช่วงอดีตที่ผ่านมา
" การนำเข้าถ่านหินของจีน และ อินเดีย ในช่วงเดือนธันวาคม 52 และมกราคม ปรับเพิ่มขึ้น เกินกว่า 30 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้มีการประเมินในเบื้องต้นว่า การนำเข้าของจีนจะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง " นายสมยศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทางด้านลอจิสติกส์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯคาดการอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 53 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 20%
สำหรับงบการเเงินงวดล่าสุด สิ้นไตรมาส 3 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 37.35 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 42.49 ล้านบาท หรือขาดทุน 187.90 % เนื่องจากไตรมาสนี้ บริษัทมียอดรายได้จากการขาย 491.69 ล้านบาท ลดดจากปี 51 ที่ขายได้ 633.78 ล้านบาท หรือลดลง 142.09 ล้านบาทคิดเป็น 22.42 % ผลจากนโยบายการให้สินเชื่อกับลูกค้าอย่างระมัดระวังในสภาวะเศรษฐกิจขาลง รวมทั้งการปรับลดมูลค่าสินค้าและทำให้เกิดผลขาดทุนสุทธิหลังปรับมูลค่าสินค้าดังกล่าว
ขณะราคาหุ้น AGE วานนี้ พบว่าปิดบวกที่ 6.75 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.50% ด้วยมูลค่า 5.47 ล้านบาท