00 หากมองว่า การมอบหมายงานทางด้านความมั่นคงบางส่วนและการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ของ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ เป็นการลิดรอนอำนาจของ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็สุดแต่จะว่ากันไป แต่อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าต่อไปนี้ การอารักขานายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่ในความดูแลของรองธานี ซึ่งถือว่าเป็นนายตำรวจมือดีที่น่าจะไว้ใจได้เต็มร้อย และการเข้ามารับตำแหน่งก็มีวัตถุประสงค์มาช่วยนายกฯโดยตรง ถึงกับเคยกล่าวว่า “เพราะนายกฯไม่มีใคร”
00 สำหรับ กอร์ปศักดิ์ นาทีนี้น่าจะได้จังหวะของการขับเคลื่อนในบทบาทใหม่ นั่นคือ“นายกฯน้อย” อย่าลืมว่าตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เอาเข้าจริงนี่มันธรรมดาเสียที่ไหน หากรู้จักบริหารจัดการให้เป็น รวมไปถึงการรู้จักวางบทบาทให้ดี ถือว่าไม่ธรรมดาก็แล้วกัน หากยังจำกันได้ในยุคที่ “ป๋าเปรม” เป็นนายกฯ และมีน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นเลขาธิการนายกฯ ตอนนั้นบทบาทใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่
00 ดังนั้นถ้าจะมองว่า กอร์ปศักดิ์ กำลังเริ่มเดินในเส้นทางดังกล่าวอาจจะเร็วไป แต่ก็เชื่อว่าคนอย่างเขาคงไม่ทิ้งเก้าอี้รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ แล้วหันมาทำงานรูทีนไปวันวันแน่นอน อย่างก็น่าจะมองเห็นว่าตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ น่าจะมีช่องทาง และสร้างบทบาทให้กับตัวเองในวันหน้าได้ไม่น้อย
00 ส่วนบางคน คำพูดที่บอกว่า “แก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นาน” น่าจะใช้ได้กับ“ขงเบ๊จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จริงๆ เพราะจู่ๆก็ออกมาพูดแบบชี้นำ และกดดันศาลว่าจะยึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น แต่พอถามว่ารู้ได้ไง ก็ทำเป็นพูดแบบลับๆล่อๆ ตามสไตล์อีกว่า “เป็นความลับ” ทำให้คนสงสัย ที่สำคัญทำให้ศาลเสียหาย เพราะจะดูเหมือนว่าสำนวนรั่วออกมาก่อน แต่หากผลออกมาผิดไปจากนี้ก็จะกลายเป็นว่ามีการวิ่งเต้น เสียหายทั้งขึ้น ทั้งล่อง ทางที่ดีควรหุบปากแล้วรอฟังคำพิพากษาจะดีกว่า เพราะถึงอย่างไรจะมีคำอธิบายถึงที่มาที่ไปของคดีและคำตัดสินอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
00 สำหรับพรรคเพื่อไทยเวลานี้ไม่เหลือสภาพความเป็นพรรคแทบจะโดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะมีการแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากันอย่างชัดเจน ซึ่งแต่ละก๊วนก็ล้วนบ่มิไก๊ ไม่มีใครโดดเด่น หรือสังคมให้การยอมรับ เท่าที่ทำได้ก็คือต่างฝ่ายต่างก็แย่งกันประจบ ทักษิณ กันทั้งนั้น มึงฟ้องกู กูฟ้องมึง ล่อกันข้างหลังนัวเนีย บรรยากาศในปัจจุบันจึงดูวังเวง การขับเคลื่อนในนามพรรคจึงไม่เป็นโล้เป็นพาย
00 การออกมาบริภาษ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ของ “เป็ดเหลิม” เฉลิม อยู่บำรุง ถือว่าเหลืออดจริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากในเมื่อคนเราแอบฝันกลางวันว่า ตัวเองอาจได้นั่งเก้าอี้นายกฯก่อนตาย แม้ว่าจะแค่วันสองวัน แต่นี่ดันมีคนมาทำเสียงอึกทึกทำให้ตกใจตื่นขึ้นมาเสียก่อน เป็นใครก็ต้องโมโห และถ้ามองเห็นความเคลื่อนไหวของ เหลิม เวลานี้คงจะกระหยิ่มในใจว่าภายในพรรคเพื่อไทยมองไปทางไหนคงไม่มีใครโดดเด่นเท่าตัวเองแล้ว ดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะฝันหวาน ที่เห็นๆ เฉพาะหน้าอาจมีเก้าอี้หัวหน้าพรรคหล่นทับมาก่อน
00 แต่ความฝันก็มีอันต้องสะดุดลงชั่วคราว เพราะดันมี “เจ๊หน่อย” คอยขัดขวาง อาศัยความใกล้ชิดสนิทสนามเป็นพิเศษกับ “เสี่ยแม้ว” คอยฟ้องโน่นฟ้องนี่อยู่ตลอดเวลา มันก็น่าเห็นใจที่ทำให้เสี่ยเหลิมต้อง“เม้งแตก” เพราะถ้าฟังจากถ้อยคำด่าพรั่งพรูออกมา ก็มีเรื่องจริงไม่ใช่น้อย เช่น ที่ผ่านมาอยู่ในสภาไม่เคยเห็น สุดารัตน์ อภิปรายเป็นชิ้นเป็นอัน แถมให้อีกข้อในเรื่องหัวหน้าก๊วนเมืองกรุงมาได้อย่างไร เพราะถ้าพูดถึงเรื่องมีเงินเลี้ยงดูปูเสื่อไม่มีใครเถียง แต่ถึงขั้นจะผลักดัน ส.ส.ให้เข้ามาได้แต่ละคนยังน่าสงสัย เพราะในความจริงหากคืนสังเวียนการเมืองได้ลงเลือกตั้งไม่รู้จะเอาตัวรอดได้หรือเปล่าไม่รู้ ขณะที่ เหลิม นั่นก็หลงตัวเองเกินเหตุ ได้เป็น มท.1 ก็เหมือนถูกรางวัลที่ 1 ไปแล้ว จะเพ้อเจ้ออะไรกันอีก !!
00 สำหรับ กอร์ปศักดิ์ นาทีนี้น่าจะได้จังหวะของการขับเคลื่อนในบทบาทใหม่ นั่นคือ“นายกฯน้อย” อย่าลืมว่าตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เอาเข้าจริงนี่มันธรรมดาเสียที่ไหน หากรู้จักบริหารจัดการให้เป็น รวมไปถึงการรู้จักวางบทบาทให้ดี ถือว่าไม่ธรรมดาก็แล้วกัน หากยังจำกันได้ในยุคที่ “ป๋าเปรม” เป็นนายกฯ และมีน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นเลขาธิการนายกฯ ตอนนั้นบทบาทใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่
00 ดังนั้นถ้าจะมองว่า กอร์ปศักดิ์ กำลังเริ่มเดินในเส้นทางดังกล่าวอาจจะเร็วไป แต่ก็เชื่อว่าคนอย่างเขาคงไม่ทิ้งเก้าอี้รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ แล้วหันมาทำงานรูทีนไปวันวันแน่นอน อย่างก็น่าจะมองเห็นว่าตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ น่าจะมีช่องทาง และสร้างบทบาทให้กับตัวเองในวันหน้าได้ไม่น้อย
00 ส่วนบางคน คำพูดที่บอกว่า “แก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นาน” น่าจะใช้ได้กับ“ขงเบ๊จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จริงๆ เพราะจู่ๆก็ออกมาพูดแบบชี้นำ และกดดันศาลว่าจะยึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น แต่พอถามว่ารู้ได้ไง ก็ทำเป็นพูดแบบลับๆล่อๆ ตามสไตล์อีกว่า “เป็นความลับ” ทำให้คนสงสัย ที่สำคัญทำให้ศาลเสียหาย เพราะจะดูเหมือนว่าสำนวนรั่วออกมาก่อน แต่หากผลออกมาผิดไปจากนี้ก็จะกลายเป็นว่ามีการวิ่งเต้น เสียหายทั้งขึ้น ทั้งล่อง ทางที่ดีควรหุบปากแล้วรอฟังคำพิพากษาจะดีกว่า เพราะถึงอย่างไรจะมีคำอธิบายถึงที่มาที่ไปของคดีและคำตัดสินอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
00 สำหรับพรรคเพื่อไทยเวลานี้ไม่เหลือสภาพความเป็นพรรคแทบจะโดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะมีการแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากันอย่างชัดเจน ซึ่งแต่ละก๊วนก็ล้วนบ่มิไก๊ ไม่มีใครโดดเด่น หรือสังคมให้การยอมรับ เท่าที่ทำได้ก็คือต่างฝ่ายต่างก็แย่งกันประจบ ทักษิณ กันทั้งนั้น มึงฟ้องกู กูฟ้องมึง ล่อกันข้างหลังนัวเนีย บรรยากาศในปัจจุบันจึงดูวังเวง การขับเคลื่อนในนามพรรคจึงไม่เป็นโล้เป็นพาย
00 การออกมาบริภาษ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ของ “เป็ดเหลิม” เฉลิม อยู่บำรุง ถือว่าเหลืออดจริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากในเมื่อคนเราแอบฝันกลางวันว่า ตัวเองอาจได้นั่งเก้าอี้นายกฯก่อนตาย แม้ว่าจะแค่วันสองวัน แต่นี่ดันมีคนมาทำเสียงอึกทึกทำให้ตกใจตื่นขึ้นมาเสียก่อน เป็นใครก็ต้องโมโห และถ้ามองเห็นความเคลื่อนไหวของ เหลิม เวลานี้คงจะกระหยิ่มในใจว่าภายในพรรคเพื่อไทยมองไปทางไหนคงไม่มีใครโดดเด่นเท่าตัวเองแล้ว ดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะฝันหวาน ที่เห็นๆ เฉพาะหน้าอาจมีเก้าอี้หัวหน้าพรรคหล่นทับมาก่อน
00 แต่ความฝันก็มีอันต้องสะดุดลงชั่วคราว เพราะดันมี “เจ๊หน่อย” คอยขัดขวาง อาศัยความใกล้ชิดสนิทสนามเป็นพิเศษกับ “เสี่ยแม้ว” คอยฟ้องโน่นฟ้องนี่อยู่ตลอดเวลา มันก็น่าเห็นใจที่ทำให้เสี่ยเหลิมต้อง“เม้งแตก” เพราะถ้าฟังจากถ้อยคำด่าพรั่งพรูออกมา ก็มีเรื่องจริงไม่ใช่น้อย เช่น ที่ผ่านมาอยู่ในสภาไม่เคยเห็น สุดารัตน์ อภิปรายเป็นชิ้นเป็นอัน แถมให้อีกข้อในเรื่องหัวหน้าก๊วนเมืองกรุงมาได้อย่างไร เพราะถ้าพูดถึงเรื่องมีเงินเลี้ยงดูปูเสื่อไม่มีใครเถียง แต่ถึงขั้นจะผลักดัน ส.ส.ให้เข้ามาได้แต่ละคนยังน่าสงสัย เพราะในความจริงหากคืนสังเวียนการเมืองได้ลงเลือกตั้งไม่รู้จะเอาตัวรอดได้หรือเปล่าไม่รู้ ขณะที่ เหลิม นั่นก็หลงตัวเองเกินเหตุ ได้เป็น มท.1 ก็เหมือนถูกรางวัลที่ 1 ไปแล้ว จะเพ้อเจ้ออะไรกันอีก !!
