นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ กรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 466,591,553 หุ้น ราคาหุ้นละ 1.30 บาท กำหนดจองซื้อและรับชำระเงิน ระหว่างวันที่ 11-15 ม.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าจะได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นสุทธิ 603,274,682.60 บาท และพบว่า คงเหลือหุ้นที่ขายไม่หมด จำนวน 2,197,951 หุ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการเกี่ยวกับหุ้นส่วนที่เหลือ โดยจัดสรรและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ โดยกำหนดราคาเสนอขายไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 1.34 บาท โดยต้องดำเนินการเสนอขายให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันที่ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการเสนอขายหุ้น
สำหรับหุ้นที่ขายได้ จำนวน 464,393,602 หุ้น มีนักลงทุนในประเทศที่เป็นนิติบุคคลจองซื้อจำนวน 5 ราย เป็นจำนวน5,093,369 หุ้น คิดเป็น 1.10% ของหุ้นที่ขายได้, บุคคลธรรมดา 1,916 ราย เป็นจำนวนหุ้น 422,806,714 หุ้น คิดเป็น 91.04% ,นักลงทุนต่างประเทสที่เป็นนิติบุคคล 5 ราย จำนวนหุ้น 31,509,600 หุ้น คิดเป็น 6.79% และ บุคคลธรรมดา 9 ราย เป็นจำนวนหุ้น4,983,649 หุ้น หรือ 1.07%
ก่อนหน้านี้ นายสุรพล ขวัญใจธัญญา กรรมการและรองประธานกรรมการบริหารCGS กล่าวว่า CGS จะได้รับเงินจำนวนประมาณ600 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันฐานะเงินกองทุนมีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคตและผลักดันให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ โดย CGS เปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตรา 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท
โดยในปี 2553 บริษัทยังคงตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์)ขยายตัวประมาณ 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 7% และติดอันดับ1 ใน 3 ของผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ พร้อมกันนั้นบริษัทยังได้รับการจัดอันดับจากตลาดหลักทรัพย์ ให้อยู่ใน SET 100 ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน มากขึ้น และยังได้รับการจัดอันดับจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการไทย(IOD) ให้มีธรรมมาภิบาลที่ระดับดีมาก
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ในปีนี้เพิ่มเติมอีก โดยสาขาใหม่ที่เปิดจะต้องมีกำไรทั้งหมด แต่ต้องมีการประเมินสถานการณ์ต่างๆรอบด้านก่อน ส่วนงานด้านวาณิชธนกิจ(IB) ในปัจจุบันบริษัทมีดีล IPO ประมาณ 4-5 ดีล ซึ่งมีแผนจะผลักดันและนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ภายในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการเกี่ยวกับหุ้นส่วนที่เหลือ โดยจัดสรรและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ โดยกำหนดราคาเสนอขายไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 1.34 บาท โดยต้องดำเนินการเสนอขายให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันที่ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการเสนอขายหุ้น
สำหรับหุ้นที่ขายได้ จำนวน 464,393,602 หุ้น มีนักลงทุนในประเทศที่เป็นนิติบุคคลจองซื้อจำนวน 5 ราย เป็นจำนวน5,093,369 หุ้น คิดเป็น 1.10% ของหุ้นที่ขายได้, บุคคลธรรมดา 1,916 ราย เป็นจำนวนหุ้น 422,806,714 หุ้น คิดเป็น 91.04% ,นักลงทุนต่างประเทสที่เป็นนิติบุคคล 5 ราย จำนวนหุ้น 31,509,600 หุ้น คิดเป็น 6.79% และ บุคคลธรรมดา 9 ราย เป็นจำนวนหุ้น4,983,649 หุ้น หรือ 1.07%
ก่อนหน้านี้ นายสุรพล ขวัญใจธัญญา กรรมการและรองประธานกรรมการบริหารCGS กล่าวว่า CGS จะได้รับเงินจำนวนประมาณ600 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันฐานะเงินกองทุนมีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคตและผลักดันให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ โดย CGS เปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตรา 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท
โดยในปี 2553 บริษัทยังคงตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์)ขยายตัวประมาณ 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 7% และติดอันดับ1 ใน 3 ของผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ พร้อมกันนั้นบริษัทยังได้รับการจัดอันดับจากตลาดหลักทรัพย์ ให้อยู่ใน SET 100 ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน มากขึ้น และยังได้รับการจัดอันดับจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการไทย(IOD) ให้มีธรรมมาภิบาลที่ระดับดีมาก
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ในปีนี้เพิ่มเติมอีก โดยสาขาใหม่ที่เปิดจะต้องมีกำไรทั้งหมด แต่ต้องมีการประเมินสถานการณ์ต่างๆรอบด้านก่อน ส่วนงานด้านวาณิชธนกิจ(IB) ในปัจจุบันบริษัทมีดีล IPO ประมาณ 4-5 ดีล ซึ่งมีแผนจะผลักดันและนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ภายในปีนี้