เอเจนซี – เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ ซึ่งมีลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด 90 คน เกิดอุบัติเหตุตกในทะเล หลังทะยานขึ้นจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ไปได้เพียงไม่กี่นาทีเมื่อวานนี้(25) ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้ายจากพายุฝน ด้านผู้บริหารสายการบินคาดไม่มีผู้รอดชีวิต และพบศพผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งแล้ว ส่วนประธานาธิบดีเลบานอนระบุว่าไม่น่าจะใช่การก่อวินาศกรรม
เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ลำนี้ซึ่งอยู่ในเที่ยวบิน อีที409 กำลังมุ่งหน้าสู่กรุงแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย โดยขณะที่นำเครื่องบินขึ้นจากกรุงเบรุตในเวลา 2.37 น. ตามเวลาท้องถิ่น (07.37 น.เวลาเมืองไทย) นั้นเป็นช่วงที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และหลังจากนั้น 5 นาทีเครื่องบินก็หายไปจากจอเรดาร์
กองทัพเลบานอนแถลงว่า เครื่องบินลำนี้ได้หักเป็นหลายท่อนกลางอากาศ ก่อนดำดิ่งลงสู่ทะเลที่มีคลื่นจัด และความหวังที่จะสามารถพบผู้รอดชีวิตใดๆ ก็จางหายไปภายหลังพยายามค้นหากันอย่างไร้ผลมาเป็นเวลา 12 ชั่วโมงนับแต่ที่เครื่องบินตก ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตอนที่เครื่องบินหล่นลงสู่ทะเลนั้น “มีแสงสว่างจ้ามากเหมือนทะเลทั้งทะเลติดไฟขึ้นมา” และบางรายก็บอกว่าเหมือน “ลูกไฟดวงใหญ่”
ทางด้านประธานาธิบดีมิเชล สุไลมาน แห่งเลบานอนกล่าวว่า เขาไม่คิดว่ามีผู้จงใจทำให้เครื่องบินลำนี้ตก พร้อมกับย้ำว่า ไม่ใช่จะเป็นการโจมตีเพื่อก่อวินาศกรรม ถึงแม้ยังต้องรอการสืบสวนหาสาเหตุแน่ชัดต่อไป
ขณะที่ เกอร์มา เวค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอธิโอเปียน แอร์ไลน์บอกว่า เขาได้พูดคุยกับทางการเลบานอนแล้ว และได้รับแจ้งว่าไม่พบร่องรอยว่าจะมีผู้รอดชีวิต
กาซี อัล-อาริดี รัฐมนตรีกระทรวงการขนส่งเลบานอนระบุว่า เที่ยวบินนี้มีผู้โดยสาร 83 คน และลูกเรืออีก 7 คนด้วยกัน
เจ้าหน้าที่หลายรายแจ้งว่า ได้ค้นพบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 24 ศพ โดยที่มีอย่างน้อย 6 ศพเป็นชาวเอธิโอเปีย แต่บางศพอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถแยกแยะรูปร่างหน้าตาอันชัดเจนได้ เนื่องจากถูกกระแทกขณะที่เครื่องบินตก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยการตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอเพื่อให้ทราบว่าเป็นใคร
ศพเหล่านี้ปะปนอยู่กับที่นั่งเครื่องบินและกระเป๋าเดินทางที่ถูกซัดขึ้นชายฝั่งบริเวณตอนใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งเป็นที่ตั้งรันเวย์หลักของท่าอากาศยานกรุงเบรุต ทางกองทัพเลบานอนยังได้ส่งเรือตรวจการณ์, เฮลิคอปเตอร์, และประดาน้ำออกค้นหาในบริเวณทะเลนอนหมู่บ้านนาอาเมห์ ซึ่งอยู่ห่างเมืองหลวงไปทางใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร
สำหรับสัญชาติของผู้เคราะห์ร้ายในเครื่องบินลำนี้ ที่เป็นชาวเลบานอนมี 44 คน ชาวเอธิโอเปีย 22 คน ชาวอังกฤษ 2 คน นอกนั้นเป็นชาวแคนาดา รัสเซีย ฝรั่งเศส อิรัก และซีเรีย
สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสระบุว่า มาร์ลา ซานเชส ปิเยต์ตง ภรรยาของเดอนิส ปิเยต์ตง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเลบานอน เป็นผู้โดยสารคนหนึ่งในเครื่องบินลำนี้ด้วย
ขณะที่ นอว์วาร์ เอล-ซาเฮลี สมาชิกรัฐสภาเลบานอน เป็นผู้หนึ่งที่จะขึ้นเครื่องบินเที่ยวนี้ ทว่าได้ขอยกเลิกในนาทีสุดท้าย เนื่องจากรัฐสภามีนัดหมายประชุมกันในวันจันทร์(25)
รัฐบาลเลบานอนประกาศไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตเป็นเวลาหนึ่งวัน โดยนายกรัฐมนตรีซาอัด อัล-ฮาริรี ได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานพื่อพบกับญาติของผู้ประสบอุบัติเหตุซึ่งกำลังรอคอยฟังข่าวผู้รอดชีวิตอยู่
พวกญาติๆ บางคนแสดงความโกรธแค้นที่สนามบินยอมให้เครื่องบินขึ้นทั้งๆ ที่สภาพอากาศเลวร้าย
“เขาควรจะเลื่อนกำหนดการเดินทางออกไปหนึ่งหรือสองชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร มีฟ้าแลบรุนแรงหลายครั้ง พวกเราได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงเครื่องบินตอนที่เครื่องขึ้นด้วย” ญาติคนหนึ่งของผู้โดยสารเล่าเหตุการณ์ให้สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งฟัง
ทว่า เกอร์มา ซีอีโอของเอธิโอเปียน แอร์ไลน์กล่าวว่า เขาไม่คิดว่าพวกลูกเรือจะตัดสินใจนำเครื่องบินขึ้น หากสภาพอากาศเป็นอันตราย ถึงแม้เวลานั้นอากาศเลวร้าย แต่เลวร้ายแค่ไหนเขาเองก็คงพูดไม่ได้ หากแต่คิดว่ายังน่าจะเป็นสภาพอากาศที่พอจะรับมือได้ ไม่เช่นนั้นพวกลูกเรือคงไม่นำเครื่องบินขึ้นไป
สายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์นั้นเป็นสายการบินของรัฐบาลเอธิโอเปีย และวางฐานะตนเองเป็นสายการบินสำคัญที่ให้บริการในเส้นทางระหว่างประเทศในแถบแอฟริกา อีกทั้งยังเพิ่งขยายเส้นทางมายังเอเชียเมื่อไม่นานมานี้ด้วย
เอธิโอเปียน แอร์ไลน์มีเที่ยวบินไป-กลับเลบานอนเป็นประจำ เพื่อให้บริการลูกค้าที่มีทั้งนักธุรกิจ ตลอดจนชาวเอธิโอเปียอีกหลายพันคนที่ไปทำงานเป็นคนรับใช้ตามบ้านในเลบานอน
แหล่งข่าวในสำนักงานการบินพลเรือนเลบานอนกล่าวว่าผู้โดยสารบางส่วนมีกำหนดการเดินทางต่อไปยังแองโกลา และประเทศแอฟริกาอื่นๆ
เมื่อวันศุกร์(22)ที่ผ่านมา เอธิโอเปียน แอร์ไลน์เพิ่งสั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 737-800 รุ่นใหม่อีก 10 ลำจากบริษัทโบอิงในราคารวม 767 ล้านดอลลาร์
สายการบินแห่งนี้อุบัติเหตุร้ายแรงครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1996 โดยคนร้ายจี้เครื่องบินโบอิง 767 ลำหนึ่งของเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ และต่อมาเครื่องบินได้ตกลงในทะเลนอกหมู่เกาะคอโมโรส ทำให้มีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิต 125 คน จากจำนวนทั้งหมด 175 คน
เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ลำนี้ซึ่งอยู่ในเที่ยวบิน อีที409 กำลังมุ่งหน้าสู่กรุงแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย โดยขณะที่นำเครื่องบินขึ้นจากกรุงเบรุตในเวลา 2.37 น. ตามเวลาท้องถิ่น (07.37 น.เวลาเมืองไทย) นั้นเป็นช่วงที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และหลังจากนั้น 5 นาทีเครื่องบินก็หายไปจากจอเรดาร์
กองทัพเลบานอนแถลงว่า เครื่องบินลำนี้ได้หักเป็นหลายท่อนกลางอากาศ ก่อนดำดิ่งลงสู่ทะเลที่มีคลื่นจัด และความหวังที่จะสามารถพบผู้รอดชีวิตใดๆ ก็จางหายไปภายหลังพยายามค้นหากันอย่างไร้ผลมาเป็นเวลา 12 ชั่วโมงนับแต่ที่เครื่องบินตก ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตอนที่เครื่องบินหล่นลงสู่ทะเลนั้น “มีแสงสว่างจ้ามากเหมือนทะเลทั้งทะเลติดไฟขึ้นมา” และบางรายก็บอกว่าเหมือน “ลูกไฟดวงใหญ่”
ทางด้านประธานาธิบดีมิเชล สุไลมาน แห่งเลบานอนกล่าวว่า เขาไม่คิดว่ามีผู้จงใจทำให้เครื่องบินลำนี้ตก พร้อมกับย้ำว่า ไม่ใช่จะเป็นการโจมตีเพื่อก่อวินาศกรรม ถึงแม้ยังต้องรอการสืบสวนหาสาเหตุแน่ชัดต่อไป
ขณะที่ เกอร์มา เวค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอธิโอเปียน แอร์ไลน์บอกว่า เขาได้พูดคุยกับทางการเลบานอนแล้ว และได้รับแจ้งว่าไม่พบร่องรอยว่าจะมีผู้รอดชีวิต
กาซี อัล-อาริดี รัฐมนตรีกระทรวงการขนส่งเลบานอนระบุว่า เที่ยวบินนี้มีผู้โดยสาร 83 คน และลูกเรืออีก 7 คนด้วยกัน
เจ้าหน้าที่หลายรายแจ้งว่า ได้ค้นพบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 24 ศพ โดยที่มีอย่างน้อย 6 ศพเป็นชาวเอธิโอเปีย แต่บางศพอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถแยกแยะรูปร่างหน้าตาอันชัดเจนได้ เนื่องจากถูกกระแทกขณะที่เครื่องบินตก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยการตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอเพื่อให้ทราบว่าเป็นใคร
ศพเหล่านี้ปะปนอยู่กับที่นั่งเครื่องบินและกระเป๋าเดินทางที่ถูกซัดขึ้นชายฝั่งบริเวณตอนใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งเป็นที่ตั้งรันเวย์หลักของท่าอากาศยานกรุงเบรุต ทางกองทัพเลบานอนยังได้ส่งเรือตรวจการณ์, เฮลิคอปเตอร์, และประดาน้ำออกค้นหาในบริเวณทะเลนอนหมู่บ้านนาอาเมห์ ซึ่งอยู่ห่างเมืองหลวงไปทางใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร
สำหรับสัญชาติของผู้เคราะห์ร้ายในเครื่องบินลำนี้ ที่เป็นชาวเลบานอนมี 44 คน ชาวเอธิโอเปีย 22 คน ชาวอังกฤษ 2 คน นอกนั้นเป็นชาวแคนาดา รัสเซีย ฝรั่งเศส อิรัก และซีเรีย
สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสระบุว่า มาร์ลา ซานเชส ปิเยต์ตง ภรรยาของเดอนิส ปิเยต์ตง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเลบานอน เป็นผู้โดยสารคนหนึ่งในเครื่องบินลำนี้ด้วย
ขณะที่ นอว์วาร์ เอล-ซาเฮลี สมาชิกรัฐสภาเลบานอน เป็นผู้หนึ่งที่จะขึ้นเครื่องบินเที่ยวนี้ ทว่าได้ขอยกเลิกในนาทีสุดท้าย เนื่องจากรัฐสภามีนัดหมายประชุมกันในวันจันทร์(25)
รัฐบาลเลบานอนประกาศไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตเป็นเวลาหนึ่งวัน โดยนายกรัฐมนตรีซาอัด อัล-ฮาริรี ได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานพื่อพบกับญาติของผู้ประสบอุบัติเหตุซึ่งกำลังรอคอยฟังข่าวผู้รอดชีวิตอยู่
พวกญาติๆ บางคนแสดงความโกรธแค้นที่สนามบินยอมให้เครื่องบินขึ้นทั้งๆ ที่สภาพอากาศเลวร้าย
“เขาควรจะเลื่อนกำหนดการเดินทางออกไปหนึ่งหรือสองชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร มีฟ้าแลบรุนแรงหลายครั้ง พวกเราได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงเครื่องบินตอนที่เครื่องขึ้นด้วย” ญาติคนหนึ่งของผู้โดยสารเล่าเหตุการณ์ให้สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งฟัง
ทว่า เกอร์มา ซีอีโอของเอธิโอเปียน แอร์ไลน์กล่าวว่า เขาไม่คิดว่าพวกลูกเรือจะตัดสินใจนำเครื่องบินขึ้น หากสภาพอากาศเป็นอันตราย ถึงแม้เวลานั้นอากาศเลวร้าย แต่เลวร้ายแค่ไหนเขาเองก็คงพูดไม่ได้ หากแต่คิดว่ายังน่าจะเป็นสภาพอากาศที่พอจะรับมือได้ ไม่เช่นนั้นพวกลูกเรือคงไม่นำเครื่องบินขึ้นไป
สายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์นั้นเป็นสายการบินของรัฐบาลเอธิโอเปีย และวางฐานะตนเองเป็นสายการบินสำคัญที่ให้บริการในเส้นทางระหว่างประเทศในแถบแอฟริกา อีกทั้งยังเพิ่งขยายเส้นทางมายังเอเชียเมื่อไม่นานมานี้ด้วย
เอธิโอเปียน แอร์ไลน์มีเที่ยวบินไป-กลับเลบานอนเป็นประจำ เพื่อให้บริการลูกค้าที่มีทั้งนักธุรกิจ ตลอดจนชาวเอธิโอเปียอีกหลายพันคนที่ไปทำงานเป็นคนรับใช้ตามบ้านในเลบานอน
แหล่งข่าวในสำนักงานการบินพลเรือนเลบานอนกล่าวว่าผู้โดยสารบางส่วนมีกำหนดการเดินทางต่อไปยังแองโกลา และประเทศแอฟริกาอื่นๆ
เมื่อวันศุกร์(22)ที่ผ่านมา เอธิโอเปียน แอร์ไลน์เพิ่งสั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 737-800 รุ่นใหม่อีก 10 ลำจากบริษัทโบอิงในราคารวม 767 ล้านดอลลาร์
สายการบินแห่งนี้อุบัติเหตุร้ายแรงครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1996 โดยคนร้ายจี้เครื่องบินโบอิง 767 ลำหนึ่งของเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ และต่อมาเครื่องบินได้ตกลงในทะเลนอกหมู่เกาะคอโมโรส ทำให้มีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิต 125 คน จากจำนวนทั้งหมด 175 คน
