ASTV ผู้จัดการรายวัน – สินพงศธรฯเปิดตัวกระเบื้องรุ่นใหม่ กระเบื้องเพชรคู่ และกระเบื้องมนคู่ รับดีมานด์ปี53ขยายตัว เน้นเจาะตลาดนิชมาร์เก็ต ชูจุดแข็งรูปแบบหลากหลายลูกค้าเลือกสั่งตามต้องการ แจงยอดขายปี52 หดตัว15-20 %
นายประยุทธ โศภิษฐ์พงศธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินพงศธร และบริษัท กระเบื้องแคนนิท จำกัด กล่าวว่า ได้เปิดตัวกระเบื้อง2รุ่นใหม่ คือ กระเบื้องเพชรคู่ และกระเบื้องมนคู่ ราคาขายต่อตารางเมตร360บาทต่อตารางเมตร จับกลุ่มลูกค้าบ้านระดับกลางรองรับดีมานด์บ้านใหม่ที่ขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ข้อดีของกระเบื้องทั้ง2รุ่นนี้ คือสามารถนำมามิกส์รูปแบบหรือดีไซน์ใหม่ๆได้
ปัจจุบันบริษัมียอดขายต่อปีรวม 50-60ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ยากแก่การทำตลาดอย่างมากเนื่องจากภาวะไมม่เอื้อ ผู้บริโภคชะลอการก่อสร้างที่อยู่อาศัยลงเพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจ ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทหดตัวลงด้วยโดยในปี52ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมประมาณ 40ล้านบาทลดลงจากปี51ประมาณ 15-20%
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัท เน้นขายตรงผ่านสถาปนิก วิศวกร ผู้ออกแบบ ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทนั้นจะเป็นกลุ่มบ้านสร้างเอง และรีสอร์ท โรงแรม สาเหตุที่บริษัทไม่เน้นขายสินค้าเข้าโครงการและขยายตลาดผ่านดีเลอร์ เนื่องจาก บริษัทมีข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 20,000 แผ่นต่อวัน ประกอบกับสินค้าของบริษัทค่อนข้างมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจง(นิชมาร์เก็ต)
“อย่างไรก็ตามจุดแข็งของบริษัท คือมีรูปแบบสินค้าให้ลูกค้าสามารถเลือกมากกว่าท้องตลาด โดยปัจจุบันมีรูปแบบกระเบื้องให้เลือก 11 แบบมากกว่ารูปแบบของผลิตรายใหญ่ในประเทศ ลูกค้าสามารถสั่งผลิตได้ตามต้องการ โดยสามารถเลือก สีของกระเบื้อง รูปแบบของกระเบื้อง ได้ตามความต้องการ”
นายประยุทธ โศภิษฐ์พงศธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินพงศธร และบริษัท กระเบื้องแคนนิท จำกัด กล่าวว่า ได้เปิดตัวกระเบื้อง2รุ่นใหม่ คือ กระเบื้องเพชรคู่ และกระเบื้องมนคู่ ราคาขายต่อตารางเมตร360บาทต่อตารางเมตร จับกลุ่มลูกค้าบ้านระดับกลางรองรับดีมานด์บ้านใหม่ที่ขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ข้อดีของกระเบื้องทั้ง2รุ่นนี้ คือสามารถนำมามิกส์รูปแบบหรือดีไซน์ใหม่ๆได้
ปัจจุบันบริษัมียอดขายต่อปีรวม 50-60ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ยากแก่การทำตลาดอย่างมากเนื่องจากภาวะไมม่เอื้อ ผู้บริโภคชะลอการก่อสร้างที่อยู่อาศัยลงเพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจ ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทหดตัวลงด้วยโดยในปี52ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมประมาณ 40ล้านบาทลดลงจากปี51ประมาณ 15-20%
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัท เน้นขายตรงผ่านสถาปนิก วิศวกร ผู้ออกแบบ ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทนั้นจะเป็นกลุ่มบ้านสร้างเอง และรีสอร์ท โรงแรม สาเหตุที่บริษัทไม่เน้นขายสินค้าเข้าโครงการและขยายตลาดผ่านดีเลอร์ เนื่องจาก บริษัทมีข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 20,000 แผ่นต่อวัน ประกอบกับสินค้าของบริษัทค่อนข้างมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจง(นิชมาร์เก็ต)
“อย่างไรก็ตามจุดแข็งของบริษัท คือมีรูปแบบสินค้าให้ลูกค้าสามารถเลือกมากกว่าท้องตลาด โดยปัจจุบันมีรูปแบบกระเบื้องให้เลือก 11 แบบมากกว่ารูปแบบของผลิตรายใหญ่ในประเทศ ลูกค้าสามารถสั่งผลิตได้ตามต้องการ โดยสามารถเลือก สีของกระเบื้อง รูปแบบของกระเบื้อง ได้ตามความต้องการ”
