ASTVผู้จัดการรายวัน – ลีวายส์ รุกหนัก ทุ่ม 35 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต รับตลาดยีนส์กลับมาบูมอีกครั้ง พร้อมอัดงบอีก 10% ของยอดขาย เปิดตัวสินค้าใหม่ตลอดปี ชูพรีเซนเตอร์ ออกคอลเลกชั่นใหม่มัดใจวัยรุ่น มั่นใจสิ้นปีส่งลีวายส์ขยับโตแน่ 10%
นายเควิน คอร์นิง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจัดจำหน่ายเครื่องแต่งกายและยีนส์ แบรนด์ ลีวายส์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาตลาดยีนส์ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตเพียง 1-2 %เท่านั้น คิดเป็นมูลค่าที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกพบว่า การแข่งขันรุนแรง หลายแบรนด์ใช้วิธีการลดราคาสินค้าเพื่อผลักดันยอดขาย ส่วนครึ่งปีหลังจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น บวกกับมีการนำลูกเล่นต่างๆเข้ามาช่วยให้ตลาดยีนส์ได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้ภาพรวมตลาดยีนส์จึงยังมีอัตราการเติบโตอยู่ จากปกติตลาดยีนส์จะมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักทุกปี
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา ลีวายส์ได้มีการลดกำลังการผลิตลง เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการในปีที่ผ่านมาที่ลดลงได้ และหลังจากที่พบว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้ทางบริษัทพร้อมที่จะกลับมาลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาอีก 10-15% อีกครั้งในส่วนของโรงงานการผลิต ภายใต้งบการลงทุนราว 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 33-35 ล้านบาท
อีกทั้งในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย จะมีการขยายชอปเพิ่มอีก 5-7 สาขา การลงทุนต่อสาขาที่ประมาณ 3-5 ล้านบาท แล้วแต่พื้นที่และทำเล ซึ่งมีทั้งแบบสแตนอะโลน และเปิดในห้างสรรพสินค้า จากปัจจุบันลีวายส์ มีช่องทางการจำหน่ายทั้งสิ้น 135 สาขา แบ่งเป็น รูปแบบชอปอินชอปในห้างสรรพสินค้าจำนวน 106 แห่ง และรูปแบบสแตนอะโลน 29 แห่ง
โดยในส่วนของแผนการทำตลาดในปีนี้ บริษัทยังคงใช้งบการตลาดที่ 10%ของยอดขายลีวายส์ เพื่อนำมาทำการตลาดอย่างเต็มที่ ซึ่งในปีนี้จะให้ความสำคัญกับอะโบฟเดอะไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงสื่อโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ และออนไลน์ รวมถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คให้มีมากขึ้น ส่วนสำคัญเนื่องจากปีนี้ทางลีวายส์จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นอายุเฉลี่ยที่ 18-25 ปีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากพบว่าเป็นกลุ่มที่นิยมสวมใส่ยีนส์สูง
จากแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ลีวายส์มีการเปิดตัวยีนส์คอลเลกชั่นใหม่ขึ้น คือ “ลีวายส์ อินดิโก้” เดนิมยีนส์ในสไตล์ โมเดิร์น ออริจินัล ในยุคยีนส์ปี1910 มาพร้อมพรีเซนเตอร์ 2 คน คือ โทนี่ รากแก่น และ พลอย หอวัง ถือเป็นครั้งแรกที่ทางลีวายส์มีการใช้พรีเซนเตอร์ระดับประเทศ จากปีก่อนที่ใช้พาเมล่า เป็นพรีเซนเตอร์ จับกลุ่มต่างจังหวัด ซึ่งลีวายส์ อินดิโก้นี้ถือเป็นคอลเลกชั่นยีนส์สำหรับจับกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ ระดับราคาจำหน่ายประมาณ 3,390-4,990 บาท มั่นใจว่าจะได้รับการตอบที่ดีจากฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าว หรือจากเดิมสัดส่วนรายได้จากวัยรุ่นอยู่ที่ 25% สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 40% จากยอดขายทั้งหมด
นายเควิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันลีวายส์เป็นผู้นำตลาดยีนส์มูลค่า 5,000 ล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 40% หรือกว่า 2,000 ล้านบาท สิ้นปีนี้เชื่อว่าจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำนี้ได้อยู่ โดยในภาพรวมของรายได้เชื่อว่าลีวายส์จะหวนกลับมามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือไม่ต่ำกว่า 10% เช่นในหลายๆปีก่อนที่เคยทำได้อีกครั้ง ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนี้เชื่อว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดยีนส์ที่คาดว่า ปีนี้จะกลับมาเติบโตที่ตัวเลข 2 หลักอีกครั้งเช่นกัน
นายเควิน คอร์นิง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจัดจำหน่ายเครื่องแต่งกายและยีนส์ แบรนด์ ลีวายส์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาตลาดยีนส์ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตเพียง 1-2 %เท่านั้น คิดเป็นมูลค่าที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกพบว่า การแข่งขันรุนแรง หลายแบรนด์ใช้วิธีการลดราคาสินค้าเพื่อผลักดันยอดขาย ส่วนครึ่งปีหลังจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น บวกกับมีการนำลูกเล่นต่างๆเข้ามาช่วยให้ตลาดยีนส์ได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้ภาพรวมตลาดยีนส์จึงยังมีอัตราการเติบโตอยู่ จากปกติตลาดยีนส์จะมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักทุกปี
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา ลีวายส์ได้มีการลดกำลังการผลิตลง เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการในปีที่ผ่านมาที่ลดลงได้ และหลังจากที่พบว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้ทางบริษัทพร้อมที่จะกลับมาลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาอีก 10-15% อีกครั้งในส่วนของโรงงานการผลิต ภายใต้งบการลงทุนราว 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 33-35 ล้านบาท
อีกทั้งในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย จะมีการขยายชอปเพิ่มอีก 5-7 สาขา การลงทุนต่อสาขาที่ประมาณ 3-5 ล้านบาท แล้วแต่พื้นที่และทำเล ซึ่งมีทั้งแบบสแตนอะโลน และเปิดในห้างสรรพสินค้า จากปัจจุบันลีวายส์ มีช่องทางการจำหน่ายทั้งสิ้น 135 สาขา แบ่งเป็น รูปแบบชอปอินชอปในห้างสรรพสินค้าจำนวน 106 แห่ง และรูปแบบสแตนอะโลน 29 แห่ง
โดยในส่วนของแผนการทำตลาดในปีนี้ บริษัทยังคงใช้งบการตลาดที่ 10%ของยอดขายลีวายส์ เพื่อนำมาทำการตลาดอย่างเต็มที่ ซึ่งในปีนี้จะให้ความสำคัญกับอะโบฟเดอะไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงสื่อโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ และออนไลน์ รวมถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คให้มีมากขึ้น ส่วนสำคัญเนื่องจากปีนี้ทางลีวายส์จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นอายุเฉลี่ยที่ 18-25 ปีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากพบว่าเป็นกลุ่มที่นิยมสวมใส่ยีนส์สูง
จากแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ลีวายส์มีการเปิดตัวยีนส์คอลเลกชั่นใหม่ขึ้น คือ “ลีวายส์ อินดิโก้” เดนิมยีนส์ในสไตล์ โมเดิร์น ออริจินัล ในยุคยีนส์ปี1910 มาพร้อมพรีเซนเตอร์ 2 คน คือ โทนี่ รากแก่น และ พลอย หอวัง ถือเป็นครั้งแรกที่ทางลีวายส์มีการใช้พรีเซนเตอร์ระดับประเทศ จากปีก่อนที่ใช้พาเมล่า เป็นพรีเซนเตอร์ จับกลุ่มต่างจังหวัด ซึ่งลีวายส์ อินดิโก้นี้ถือเป็นคอลเลกชั่นยีนส์สำหรับจับกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ ระดับราคาจำหน่ายประมาณ 3,390-4,990 บาท มั่นใจว่าจะได้รับการตอบที่ดีจากฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าว หรือจากเดิมสัดส่วนรายได้จากวัยรุ่นอยู่ที่ 25% สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 40% จากยอดขายทั้งหมด
นายเควิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันลีวายส์เป็นผู้นำตลาดยีนส์มูลค่า 5,000 ล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 40% หรือกว่า 2,000 ล้านบาท สิ้นปีนี้เชื่อว่าจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำนี้ได้อยู่ โดยในภาพรวมของรายได้เชื่อว่าลีวายส์จะหวนกลับมามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือไม่ต่ำกว่า 10% เช่นในหลายๆปีก่อนที่เคยทำได้อีกครั้ง ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนี้เชื่อว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดยีนส์ที่คาดว่า ปีนี้จะกลับมาเติบโตที่ตัวเลข 2 หลักอีกครั้งเช่นกัน