นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าว วานนี้ (21 ม.ค.) ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเท็จที่ออกมาระบุว่าคตส.มีส่วนได้เสีย ในเงินรางวัลจากคดียึดทรัพย์จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท โดย คตส.จะได้เงินส่วนแบ่ง จำนวน 1.9 หมื่นล้าน และเป็นการพยายามบิดเบือนข้อมูลเพื่อนำมาสร้างเป็นประเด็นการเมืองเพื่อใช้ปลุกระดมคน เพราะในระเบียบของ คตส.ที่ออกมาเรื่องการให้รางวัลกับผู้ที่แจ้งเบาะแส หรือข้อมูลต่อ คตส.ในช่วงเวลานั้นระบุชัดเจนว่า จะให้รางวัลก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสร้อยละ 25 โดยเขียนชัดว่าให้ยกเว้นกับ คตส.ทั้งคณะ หรือพูดง่ายๆว่า เมื่อคดีใดๆ ที่ถึงที่สุดในชั้นศาลแล้ว คตส.ทุกคนไม่มีส่วนร่วมที่จะได้รับแบ่งหรือได้ผลประโยชน์ใดๆจากคดีที่ทำทุกคดี
นอกจากนี้ในคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณเองก็ไม่มีผู้มาให้ข้อมูล หรือร้องขอส่วนแบ่งใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับศาลท่านว่าจะพิจารณาออกมา อย่างไร หากยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านลาทจริง ทรัพย์ที่ถูกยึดก็จะตกเป็นของแผ่นดิน โดยไม่มีใครที่จะได้รับส่วนแบ่งตามที่ถูกกล่าวหา และใช้ข้อมูลเท็จออกข่าวมาในช่วงนี้
นายนาม กล่าวว่า อดีตกรรมการคตส.ทั้งหมดจะร่วมกันประชุมหารือในกรณีดังกล่าวในเย็นนี้ (21 ม.ค.) ที่ สำนักงาน สตง. เพื่อพิจารณาว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ หาก คตส.เห็นพ้องต้องกัน ก็อาจจะมีการฟ้องกลับก็ได้แต่ต้องดูในรายละเอียดของข่าว ที่เขาพาดพิงเรามาก่อนว่า ข่าวทั้งหมดเป็นอย่างไร
ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น.ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) อดีตคณะกรรมการ คตส.ได้รับประทานอาหาร และหารือร่วมกันเพื่อพิจารณาถึงกรณี ที่มีการกล่าวหา คตส.จะได้รับเงินสินบน 25 % จากการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ภายหลังการหารือนายสัก กอแสงเรือง อดีตโฆษก คตส.ยืนยันว่า คตส. ไม่มีสิทธิได้สินบนจากคดีนี้ เพราะระเบียบ คตส.ระบุชัดเจนว่า ห้ามเจ้าหน้าที่ไต่สวน ซึ่งหมายถึง คตส.ได้รับสินบน อีกทั้งตั้งแต่ คตส.ออกระเบียบว่าด้วยการจ่ายสินบนนั้น ไม่เคยมีการแจ้งเบาะแสที่เข้าหลักเกณฑ์ที่ได้รับสินบน โดย คตส.เป็นผู้ไต่สวนหา ข้อมูลเองทั้งหมด ไม่ได้ใช้ข้อมูลจากผู้แจ้งเบาะแสเลย หากจะมีการจ่ายเงินสินบน แก่ผู้แจ้งเบาะแสก็ต้องให้ศาลเป็นผู้ออกคำสั่ง และคดีนี้เมื่อศาลพิจารณาถึงที่สิ้นสุดแล้ว คงไม่มีใครได้รับสินบนแต่อย่างได จึงขอให้หยุดสร้างกระแสความเข้าใจผิดให้ประชาชนได้แล้ว ขอให้ศาลได้พิจารณาไปตามกระบวนการยุติธรรม เพราะคดีนี้ไม่มีใครได้สินบนจาก คตส.ทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องการแถลงปิดคดียึดทรัพย์ก็ไม่ใช่หน้าที่ของคตส. เป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด หากมีการติดต่อประสานงานมาก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่ในนาม คตส. รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของอดีต คตส. ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่ในนาม คตส. ยืนยัน คตส.ไม่มีแนวคิดแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าว คตส.ไม่มีใครคิดฟ้องร้องผู้กล่าวหา เพราะทุกคนทำคดีมามากพอแล้ว ไม่มีใครอยากมีคดีอีก ส่วนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมฟ้องกลับหากชนะคดีนั้น ตนก็ไม่หวั่นไหวเพราะที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ฟ้องไปก็ถูกยกฟ้องทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องขอกำลังรักษามาตรการความปลอดภัยที่บ้านพักของ คตส.หรือไม่ในช่วงใกล้ถึงวันตัดสินคดี นายสัก กล่าวว่า ไม่จำเป็น แต่ทุกคนต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
ขณะที่ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทีมทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมด้วย นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวตอกย้ำว่า การที่ อดีต คตส.ออกมาแสดงความเห็นถึงแนวางคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ 7.36 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณถือเป็นการชี้นำศาล อาจมีแรงจูงใจเรื่องสินบนนำจับ 25 % หรือไม่
นายวิชิต กล่าวว่า ที่นายนาม ยิ้มแย้ม ยืนยันว่า ไม่มีอดีต คตส.คนใด ได้เงินส่วนแบ่งนั้น ขอถามกลับว่า หากเป็นเช่นนั้นจะออกระเบียบเรื่องเงินสินบนมา เพื่ออะไร และคนที่ร่วมอยู่ในคณะรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 คือผู้ที่ได้รับส่วนแบ่ง 25 % ใช่หรือไม่
อย่างไรก็ตามตนทราบข่าวมาว่า มีภรรยาคนที่ 2 และ 3 ของผู้กระทำการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 บางคนได้ไปโม้กับเพื่อนบ้านว่ากำลังจะรวยแล้ว แสดงให้เห็นว่าคมช. เป็นไอ้โม่งที่จะเข้ามารับสินบน 25 % ด้วยใช่หรือไม่ เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า กลุ่มอำมาตย์ได้ตั้งธงไว้แล้วว่าจะยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาททั้งหมด ดังนั้นจึงได้แต่ ภาวนาว่าศาลฎีกาฯจะตัดสินอย่างเป็นธรรมตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความยุติธรรม แก่ทุกฝ่าย
ด้านนายประเกียรติ กล่าวว่า การที่อดีตคตส.ออกมาระบุในทำนองชี้นำว่าจะต้องยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาทนั้น ถือเป็นการแทรกแซง การทำงานของกระบวนการยุติธรรม เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลอย่างชัดเจน อีกทั้งการที่อดีตคตส.กล้าพูดเช่นนี้เพราะอาจมีเจตนาที่นำไปสู่ผลประโยชน์ตามระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบว่าด้วยการจ่ายสินบน ในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน ของคตส.พ.ศ.2549 เรื่องการให้สินบน 25 % ของทรัพย์สินทั้งหมดด้วย หรือไม่ เพราะหากศาลตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทจริงก็จะได้ส่วนแบ่งถึง 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเจตนาแอบแฝงและซ่อนเร้นของคตส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.45 น. วานนี้ (21 ม.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ตอบทวิตเตอร์ ทาง http://twitter.com/thaksinvoice ที่มีผู้เขียนมาถามว่า คิดถึงที่คุณมอมเมาประชาชนชาวไทย แล้วนำเงินรายได้ที่รัฐได้ไปใช้ในโครงการส่วนตัว โดยที่ไม่ต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาใช่หรือไม่ว่า อย่าพูดลอยๆโดยไม่มีหลักฐาน ไม่ใช่แค่โดนสื่ออำมาตย์ชี้นำจนเชื่อ ถ้ามีหลักฐานเพียงพอก็เอาผิดกับผมสิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณมาตอบทวิตเตอร์ทาง http://twitter.com/thaksinvoice แทนการเข้า http://twitter.com/thaksinlive ที่ทวิตล่าสุดเมื่อ 19 ม.. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ในคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณเองก็ไม่มีผู้มาให้ข้อมูล หรือร้องขอส่วนแบ่งใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับศาลท่านว่าจะพิจารณาออกมา อย่างไร หากยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านลาทจริง ทรัพย์ที่ถูกยึดก็จะตกเป็นของแผ่นดิน โดยไม่มีใครที่จะได้รับส่วนแบ่งตามที่ถูกกล่าวหา และใช้ข้อมูลเท็จออกข่าวมาในช่วงนี้
นายนาม กล่าวว่า อดีตกรรมการคตส.ทั้งหมดจะร่วมกันประชุมหารือในกรณีดังกล่าวในเย็นนี้ (21 ม.ค.) ที่ สำนักงาน สตง. เพื่อพิจารณาว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ หาก คตส.เห็นพ้องต้องกัน ก็อาจจะมีการฟ้องกลับก็ได้แต่ต้องดูในรายละเอียดของข่าว ที่เขาพาดพิงเรามาก่อนว่า ข่าวทั้งหมดเป็นอย่างไร
ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น.ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) อดีตคณะกรรมการ คตส.ได้รับประทานอาหาร และหารือร่วมกันเพื่อพิจารณาถึงกรณี ที่มีการกล่าวหา คตส.จะได้รับเงินสินบน 25 % จากการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ภายหลังการหารือนายสัก กอแสงเรือง อดีตโฆษก คตส.ยืนยันว่า คตส. ไม่มีสิทธิได้สินบนจากคดีนี้ เพราะระเบียบ คตส.ระบุชัดเจนว่า ห้ามเจ้าหน้าที่ไต่สวน ซึ่งหมายถึง คตส.ได้รับสินบน อีกทั้งตั้งแต่ คตส.ออกระเบียบว่าด้วยการจ่ายสินบนนั้น ไม่เคยมีการแจ้งเบาะแสที่เข้าหลักเกณฑ์ที่ได้รับสินบน โดย คตส.เป็นผู้ไต่สวนหา ข้อมูลเองทั้งหมด ไม่ได้ใช้ข้อมูลจากผู้แจ้งเบาะแสเลย หากจะมีการจ่ายเงินสินบน แก่ผู้แจ้งเบาะแสก็ต้องให้ศาลเป็นผู้ออกคำสั่ง และคดีนี้เมื่อศาลพิจารณาถึงที่สิ้นสุดแล้ว คงไม่มีใครได้รับสินบนแต่อย่างได จึงขอให้หยุดสร้างกระแสความเข้าใจผิดให้ประชาชนได้แล้ว ขอให้ศาลได้พิจารณาไปตามกระบวนการยุติธรรม เพราะคดีนี้ไม่มีใครได้สินบนจาก คตส.ทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องการแถลงปิดคดียึดทรัพย์ก็ไม่ใช่หน้าที่ของคตส. เป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด หากมีการติดต่อประสานงานมาก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่ในนาม คตส. รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของอดีต คตส. ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่ในนาม คตส. ยืนยัน คตส.ไม่มีแนวคิดแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าว คตส.ไม่มีใครคิดฟ้องร้องผู้กล่าวหา เพราะทุกคนทำคดีมามากพอแล้ว ไม่มีใครอยากมีคดีอีก ส่วนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมฟ้องกลับหากชนะคดีนั้น ตนก็ไม่หวั่นไหวเพราะที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ฟ้องไปก็ถูกยกฟ้องทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องขอกำลังรักษามาตรการความปลอดภัยที่บ้านพักของ คตส.หรือไม่ในช่วงใกล้ถึงวันตัดสินคดี นายสัก กล่าวว่า ไม่จำเป็น แต่ทุกคนต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
ขณะที่ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทีมทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมด้วย นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวตอกย้ำว่า การที่ อดีต คตส.ออกมาแสดงความเห็นถึงแนวางคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ 7.36 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณถือเป็นการชี้นำศาล อาจมีแรงจูงใจเรื่องสินบนนำจับ 25 % หรือไม่
นายวิชิต กล่าวว่า ที่นายนาม ยิ้มแย้ม ยืนยันว่า ไม่มีอดีต คตส.คนใด ได้เงินส่วนแบ่งนั้น ขอถามกลับว่า หากเป็นเช่นนั้นจะออกระเบียบเรื่องเงินสินบนมา เพื่ออะไร และคนที่ร่วมอยู่ในคณะรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 คือผู้ที่ได้รับส่วนแบ่ง 25 % ใช่หรือไม่
อย่างไรก็ตามตนทราบข่าวมาว่า มีภรรยาคนที่ 2 และ 3 ของผู้กระทำการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 บางคนได้ไปโม้กับเพื่อนบ้านว่ากำลังจะรวยแล้ว แสดงให้เห็นว่าคมช. เป็นไอ้โม่งที่จะเข้ามารับสินบน 25 % ด้วยใช่หรือไม่ เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า กลุ่มอำมาตย์ได้ตั้งธงไว้แล้วว่าจะยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาททั้งหมด ดังนั้นจึงได้แต่ ภาวนาว่าศาลฎีกาฯจะตัดสินอย่างเป็นธรรมตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความยุติธรรม แก่ทุกฝ่าย
ด้านนายประเกียรติ กล่าวว่า การที่อดีตคตส.ออกมาระบุในทำนองชี้นำว่าจะต้องยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาทนั้น ถือเป็นการแทรกแซง การทำงานของกระบวนการยุติธรรม เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลอย่างชัดเจน อีกทั้งการที่อดีตคตส.กล้าพูดเช่นนี้เพราะอาจมีเจตนาที่นำไปสู่ผลประโยชน์ตามระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบว่าด้วยการจ่ายสินบน ในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน ของคตส.พ.ศ.2549 เรื่องการให้สินบน 25 % ของทรัพย์สินทั้งหมดด้วย หรือไม่ เพราะหากศาลตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทจริงก็จะได้ส่วนแบ่งถึง 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเจตนาแอบแฝงและซ่อนเร้นของคตส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.45 น. วานนี้ (21 ม.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ตอบทวิตเตอร์ ทาง http://twitter.com/thaksinvoice ที่มีผู้เขียนมาถามว่า คิดถึงที่คุณมอมเมาประชาชนชาวไทย แล้วนำเงินรายได้ที่รัฐได้ไปใช้ในโครงการส่วนตัว โดยที่ไม่ต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาใช่หรือไม่ว่า อย่าพูดลอยๆโดยไม่มีหลักฐาน ไม่ใช่แค่โดนสื่ออำมาตย์ชี้นำจนเชื่อ ถ้ามีหลักฐานเพียงพอก็เอาผิดกับผมสิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณมาตอบทวิตเตอร์ทาง http://twitter.com/thaksinvoice แทนการเข้า http://twitter.com/thaksinlive ที่ทวิตล่าสุดเมื่อ 19 ม.. ที่ผ่านมา
