เอเอฟพี – รองประธานาธิบดีกู๊ดลัก โจนาทาน ของไนจีเรียได้สั่งการในช่วงสายของวันอังคาร (19) ให้เพิ่มจำนวนทหารเข้าไประงับเหตุปะทะกันอย๋างรุนแรงระหว่างชาวมุสลิมและชาวคริสต์ในเมืองจอส ซึ่งล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วราว 300 คน ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงด้วย
การปะทะกันของคนสองศาสนาครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (17) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นขัดแย้งกันเกี่ยวกับแผนการสร้างมัสยิดแห่งหนึ่งในย่านที่มีชาวคริสต์อาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ ประเด็นดังกล่าวได้สร้างความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายมานานหลายปีแล้ว
ทั้งนี้ ฝูงชนซึ่งออกมาก่อเหตุได้จุดไฟเผาอาคารบ้านเรือนต่างๆ และมีคนจำนวนมากถูกยิงเสียชีวิต พวกผู้นำมุสลิมกล่าวว่ามีศพราว 200 ศพถูกนำไปยังมัสยิดกลางในเมืองจอส
นอกจากนั้นมีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บอีกหลายร้อยคนจนทำให้โรงพยาบาลต่างๆ มีผู้บาดเจ็บเต็มไปหมด ส่วนคลินิกบางแห่งก็รับรักษาผู้ป่วยจนกระทั่งเครื่องเวชภัณฑ์ไม่มีเหลือ
ผู้อยู่อาศัยในเมืองจอสเล่าว่าการต่อสู้ของสองฝ่ายได้ลุกลามไปถึงบริเวณรอบเมืองจอส และแผ่ขยายไปทางใต้ไกลถึงเขตคุรุ คารามา บิซิจี ซาบองกิดาน และคานาร์ด้วย
“ฮิวแมน ไรต์ส์ วอตช์” กลุ่มสิทธิมนุษยชนที่มีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก, สหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไนจีเรียดำเนินการหยุดยั้งการปะทะกันด้วยความระมัดระวัง โดยขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยึดหลักปฏิบัติตามมาตรฐานสากล และบอกว่าที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากการปะทะกันทางศาสนาหรือเชื้อชาติไปกว่า 35,000 คนนับตั้งแต่ปี 1999
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุรุนแรงในเมืองจอส แต่รัฐบาลเป็นฝ่ายที่ล้มเหลวอย่างน่าตกใจ เพราะไม่สามารถหาตัวผู้รับผิดชอบได้” โครินน์ ดัฟคา นักวิจัยคนหนึ่งของกลุ่มกล่าว
อนึ่ง เมืองจอสตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นมุสลิมกับพื้นที่ทางใต้ซึ่งคนส่วนใหญ่นับถือคริสต์ โดยที่ประชากรราว 150 ล้านคนของไนจีเรียนั้นมีผู้นับถือศาสนาทั้งสองเป็นสัดส่วนพอๆ กัน
การปะทะกันของคนสองศาสนาครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (17) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นขัดแย้งกันเกี่ยวกับแผนการสร้างมัสยิดแห่งหนึ่งในย่านที่มีชาวคริสต์อาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ ประเด็นดังกล่าวได้สร้างความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายมานานหลายปีแล้ว
ทั้งนี้ ฝูงชนซึ่งออกมาก่อเหตุได้จุดไฟเผาอาคารบ้านเรือนต่างๆ และมีคนจำนวนมากถูกยิงเสียชีวิต พวกผู้นำมุสลิมกล่าวว่ามีศพราว 200 ศพถูกนำไปยังมัสยิดกลางในเมืองจอส
นอกจากนั้นมีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บอีกหลายร้อยคนจนทำให้โรงพยาบาลต่างๆ มีผู้บาดเจ็บเต็มไปหมด ส่วนคลินิกบางแห่งก็รับรักษาผู้ป่วยจนกระทั่งเครื่องเวชภัณฑ์ไม่มีเหลือ
ผู้อยู่อาศัยในเมืองจอสเล่าว่าการต่อสู้ของสองฝ่ายได้ลุกลามไปถึงบริเวณรอบเมืองจอส และแผ่ขยายไปทางใต้ไกลถึงเขตคุรุ คารามา บิซิจี ซาบองกิดาน และคานาร์ด้วย
“ฮิวแมน ไรต์ส์ วอตช์” กลุ่มสิทธิมนุษยชนที่มีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก, สหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไนจีเรียดำเนินการหยุดยั้งการปะทะกันด้วยความระมัดระวัง โดยขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยึดหลักปฏิบัติตามมาตรฐานสากล และบอกว่าที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากการปะทะกันทางศาสนาหรือเชื้อชาติไปกว่า 35,000 คนนับตั้งแต่ปี 1999
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุรุนแรงในเมืองจอส แต่รัฐบาลเป็นฝ่ายที่ล้มเหลวอย่างน่าตกใจ เพราะไม่สามารถหาตัวผู้รับผิดชอบได้” โครินน์ ดัฟคา นักวิจัยคนหนึ่งของกลุ่มกล่าว
อนึ่ง เมืองจอสตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นมุสลิมกับพื้นที่ทางใต้ซึ่งคนส่วนใหญ่นับถือคริสต์ โดยที่ประชากรราว 150 ล้านคนของไนจีเรียนั้นมีผู้นับถือศาสนาทั้งสองเป็นสัดส่วนพอๆ กัน