ASTV ผู้จัดการรายวัน - ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบ 5 รัฐวิสาหกิจใช้เครือข่ายบอร์ดแบรนด์อินเตอร์เน็ทควาทเร็วสูงร่วมกัน โยน2รัฐวิสาหกิจด้านสื่อสารรับเป็นเจ้าภาพ ศึกษา ลงทุน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงมากที่สุดในราคาที่เหมาะสม ด้าน “ระนองรักษ์”ค้านเช่าสาย เหตุสเปกไม่ตรงกัน หวั่นเกิดปัญหา โดยนายกฯระบุให้ไปศึกษาก่อน ส่วนการแก้ไขปัญหาสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม ยืนยันมาตรฐานเอกชนทุกฝ่ายต้องแข่งขันอย่างเท่าเทียม
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เห็นชอบแนวทางการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างรัฐวิสาหกิจกลุ่มไฟฟ้าและกลุ่มสื่อสาร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยที่ประชุมเห็นว่าเรื่องนี้ควรต้องพิจารณาความเหมาะสมของการเช่าใช้โครงข่ายดังกล่าว ทั้งในด้านมาตรฐานทางเทคนิค ความจุที่เหลืออยู่ และการบริหารจัดการโครงข่ายสื่อสาร ซึ่งจากข้อมูลในขณะนี้ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ได้เช่าใช้โครงข่ายของรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้าบางส่วนแล้ว โดยเป็นส่วนที่ไม่มีโครงข่ายสื่อสารของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง
อย่างไรก็ตาม การให้บริการเรื่อง Internet Broadband นั้น จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในการต่อเชื่อมเข้าสู่ผู้ใช้บริการ ซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่ บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท ต้องเป็นผู้ลงทุนดังกล่าว โดยควรกำหนดเป็นหลักการว่า การใช้โครงข่ายสื่อสารร่วมกันในอนาคตนั้น หากรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้ามีความจุเหลือเพียงพอ ก็ควรให้รัฐวิสาหกิจ
ด้านสื่อสารเช่าใช้โครงข่ายดังกล่าว แต่การพัฒนาโครงข่ายหลักด้านสื่อสารควรเป็นความรับผิดชอบของรัฐวิสาหกิจด้านสื่อสาร รวมไปถึงควรพิจารณาเรื่องอัตราค่าบริการที่เหมาะสมด้วยเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงระบบ Internet Broadband ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เห็นว่า อัตราการเข้าถึงโครงข่าย Internet Broadband ของประชาชนในขณะนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ควรพิจารณาข้อเท็จจริง สภาพปัญหา และแนวทางการสร้างการเข้าถึง Internet Broadband ของประชาชนให้มากขึ้นต่อไป
โดย ในหลักการการลงทุนด้านโครงข่ายสื่อสารในอนาคตของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 กลุ่ม จะต้องให้ความสำคัญด้านการลงทุนที่ต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน โดยหากพื้นที่ใดสามารถใช้โครงข่ายร่วมกันได้ ควรพิจารณาเช่าใช้โครงข่ายดังกล่าวเป็นลำดับแรก รวมทั้งพิจารณาเรื่องอัตราค่าบริการให้เหมาะสม
**”ระนองรักษ์” ค้านเช่าใช้โครงข่าย 3การไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมครม. ที่ประชุมครม. ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที ได้แสดงความเห็นคัดค้านและให้เหตุผลว่า ทีโอทีและกสท คงไปเช่าใช้โครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกของ 3การไฟฟ้าไม่ได้ เพราะระบบการใช้งานด้านเทคนิคการใช้งานแตกต่างกัน คุณภาพและประสิทธิภาพไม่ตรงกัน ซึ่งอาจเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แจ้งว่ารัฐวิสาหกิจใดมีหน้าที่ใดก็ต้องทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดี และขอให้ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงไอซีที ไปหารือในรายละเอียด หากหน่วยงานใดสามารถเช่าใช้ได้ก็ให้ดำเนินการแต่หากทำไม่ได้ก็ดำเนินตามโครงการที่กำหนดไว้เดิม
นอกจากนี้นายกฯได้สอบถามรมว.ไอซีที ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสัญญาสัมปทานโทรคมนาคมที่เป็นปัญหาคาราซัง ซึ่งรมว.ไอซีที ชี้แจงว่า ไอซีที กำลังดำเนินการอยู่และได้เรียกประชุมไปแล้ว1 ครั้งและจะประชุม2ครั้งต่อสัปดาห์ และขณะนี้ยังไม่ครบกำหนด 90 วันตามที่ได้รับมอบหมาย โดยนายกฯได้สั่งการให้กระทรวงไอซีที ไปวางกรอบการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมในธุรกิจโทรคมนาคม เพราะในอนาคตต้องมีการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมให้เอกชนอีกหลายราย ดังนั้นต้องวางกรอบที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม หากสัญญาสัมปทานใดที่ไม่เป็นธรรม ก็ต้องรื้อ ล้มหรือยกเลิก ซึ่งกระทรวงไอซีทีก็ต้องไปดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เห็นชอบแนวทางการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างรัฐวิสาหกิจกลุ่มไฟฟ้าและกลุ่มสื่อสาร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยที่ประชุมเห็นว่าเรื่องนี้ควรต้องพิจารณาความเหมาะสมของการเช่าใช้โครงข่ายดังกล่าว ทั้งในด้านมาตรฐานทางเทคนิค ความจุที่เหลืออยู่ และการบริหารจัดการโครงข่ายสื่อสาร ซึ่งจากข้อมูลในขณะนี้ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ได้เช่าใช้โครงข่ายของรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้าบางส่วนแล้ว โดยเป็นส่วนที่ไม่มีโครงข่ายสื่อสารของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง
อย่างไรก็ตาม การให้บริการเรื่อง Internet Broadband นั้น จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในการต่อเชื่อมเข้าสู่ผู้ใช้บริการ ซึ่งยังคงเป็นเรื่องที่ บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท ต้องเป็นผู้ลงทุนดังกล่าว โดยควรกำหนดเป็นหลักการว่า การใช้โครงข่ายสื่อสารร่วมกันในอนาคตนั้น หากรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้ามีความจุเหลือเพียงพอ ก็ควรให้รัฐวิสาหกิจ
ด้านสื่อสารเช่าใช้โครงข่ายดังกล่าว แต่การพัฒนาโครงข่ายหลักด้านสื่อสารควรเป็นความรับผิดชอบของรัฐวิสาหกิจด้านสื่อสาร รวมไปถึงควรพิจารณาเรื่องอัตราค่าบริการที่เหมาะสมด้วยเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงระบบ Internet Broadband ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เห็นว่า อัตราการเข้าถึงโครงข่าย Internet Broadband ของประชาชนในขณะนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ควรพิจารณาข้อเท็จจริง สภาพปัญหา และแนวทางการสร้างการเข้าถึง Internet Broadband ของประชาชนให้มากขึ้นต่อไป
โดย ในหลักการการลงทุนด้านโครงข่ายสื่อสารในอนาคตของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 กลุ่ม จะต้องให้ความสำคัญด้านการลงทุนที่ต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน โดยหากพื้นที่ใดสามารถใช้โครงข่ายร่วมกันได้ ควรพิจารณาเช่าใช้โครงข่ายดังกล่าวเป็นลำดับแรก รวมทั้งพิจารณาเรื่องอัตราค่าบริการให้เหมาะสม
**”ระนองรักษ์” ค้านเช่าใช้โครงข่าย 3การไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมครม. ที่ประชุมครม. ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที ได้แสดงความเห็นคัดค้านและให้เหตุผลว่า ทีโอทีและกสท คงไปเช่าใช้โครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกของ 3การไฟฟ้าไม่ได้ เพราะระบบการใช้งานด้านเทคนิคการใช้งานแตกต่างกัน คุณภาพและประสิทธิภาพไม่ตรงกัน ซึ่งอาจเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แจ้งว่ารัฐวิสาหกิจใดมีหน้าที่ใดก็ต้องทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดี และขอให้ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงไอซีที ไปหารือในรายละเอียด หากหน่วยงานใดสามารถเช่าใช้ได้ก็ให้ดำเนินการแต่หากทำไม่ได้ก็ดำเนินตามโครงการที่กำหนดไว้เดิม
นอกจากนี้นายกฯได้สอบถามรมว.ไอซีที ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสัญญาสัมปทานโทรคมนาคมที่เป็นปัญหาคาราซัง ซึ่งรมว.ไอซีที ชี้แจงว่า ไอซีที กำลังดำเนินการอยู่และได้เรียกประชุมไปแล้ว1 ครั้งและจะประชุม2ครั้งต่อสัปดาห์ และขณะนี้ยังไม่ครบกำหนด 90 วันตามที่ได้รับมอบหมาย โดยนายกฯได้สั่งการให้กระทรวงไอซีที ไปวางกรอบการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมในธุรกิจโทรคมนาคม เพราะในอนาคตต้องมีการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมให้เอกชนอีกหลายราย ดังนั้นต้องวางกรอบที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม หากสัญญาสัมปทานใดที่ไม่เป็นธรรม ก็ต้องรื้อ ล้มหรือยกเลิก ซึ่งกระทรวงไอซีทีก็ต้องไปดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต
