เดลิเมล์ – แม้พยากรณ์ไม่ได้ถึงขั้นว่าเฮอร์ริเคนกำลังจะมาเมื่อไหร่ แต่เมื่อใดก็ตามที่ชากีรา ร็อบสัน บอกว่าฝนจะตกมั่นใจได้เลยว่าน้ำจากฟ้าจะพรั่งพรูลงมาจริงๆ
ร็อบสันไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือเหมือนกรมอุตุวิทยา แต่ก่อนที่ฟ้าจะเปิด เธอจะรู้ได้ทันทีจากอาการไมเกรน
แม่ลูกสามวัย 29 ปีที่เพื่อนๆ เรียกว่าสาวนักพยากรณ์อากาศ บอกได้แม้กระทั่งว่าฝนจะตกหนักแค่ไหนจากระดับความรุนแรงของไมเกรนของตัวเอง ปรากฏการณ์ประหลาดนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากเธอคลอดลูกชายที่ขณะนี้อายุได้สี่ขวบ
“เริ่มแรกฉันปวดไมเกรนสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีแสงจ้าแวบเข้าตาก่อนที่ฝนจะตก แรกๆ คิดว่าเป็นเรื่องตลก ฉันจะส่งข้อความไปบอกเพื่อนให้พกร่มออกจากบ้านด้วยตอนที่เริ่มปวดไมเกรน แต่เมื่อคาดถูกทุกครั้ง ฉันถึงเริ่มเช็กดูให้แน่ใจ
“ฉันทำตารางบันทึกเวลาที่ปวดไมเกรนและเวลาที่ฝนตก และพบว่าฉันคาดการณ์ถูกทุกครั้ง
“ตอนนี้ฉันเลยกลายเป็นเครื่องวัดความกดอากาศมีชีวิต ฉันบอกได้ว่าฝนกำลังจะตกเมื่อไหร่และจะตกนานแค่ไหน ถ้าฝนจะตกหนักมากหรือมีพายุ ฉันจะปวดไมเกรนรุนแรงและบางทีปวดนานถึง 12 ชั่วโมง”
ทั้งนี้ ผู้ปวดไมเกรนครึ่งหนึ่งเชื่อว่าอาการของตัวเองถูกกระตุ้นจากสภาพอากาศหรือความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทว่า ขณะที่นักวิจัยรับรู้ความเชื่อมโยงนี้แต่กลับไม่สามารถหาคำอธิบายที่ชัดเจนได้
การศึกษาผู้ป่วย 7,000 คนในสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ปวดศีรษะรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 7.5% ทุก 5 องศาเซลเซียสที่อุณหภูมิสูงขึ้น
ความกดดันอากาศต่ำนาน 2-3 วันก็ทำให้ปวดศีรษะมากขึ้นเช่นเดียวกัน นักวิจัยบางคนคิดว่า ระดับความดันที่ต่ำลงของออกซิเจนในเลือด ซึ่งทำให้เส้นเลือดโป่งพองทำให้เกิดปวดศีรษะ
แต่นักวิจัยอีกบางส่วนเชื่อว่า ภาวะดังกล่าวส่งผลต่อของเหลวที่ปกป้องสมองภายในกะโหลก และทำให้ความดันเพิ่มขึ้น
กรณีของร็อบสัน นักธุรกิจจากนิวคาสเซิล อังกฤษนั้น ตอนที่เธอปวดไมเกรนวันละ 4-5 ครั้ง แพทย์บอกให้ใช้ยาแก้ปวดปกติ แต่อาการกลับแย่ลงทำให้เสียทั้งการงานและชีวิตครอบครัว
“อยู่มาวันหนึ่งที่ฉันพยายามลงจากรถเพื่อนเพื่อจะไปรับลูกชายที่โรงเรียน ฉันกลับขยับตัวไม่ได้ ไมเกรนรุนแรงมากจนทำให้ร่างกายฉันเป็นอัมพาต
“ฉันกลัวมาก ตอนแรกคิดว่าเป็นหลอดเลือดสมองแตก เพื่อนต้องลงไปรับลูกชายแทนและพาฉันตรงดิ่งไปโรงพยาบาล”
แพทย์พบว่าร็อบสันเป็น hemiplegic migraine (มีอาการอ่อนแรงของแขนขาข้างหนึ่ง เป็นช่วงสั้นๆ หรือบางคนอาจจะมีเวียนศีรษะ จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงจะมีอาการปวดศีรษะตามมา) และอาการรุนแรงกระทั่งร่างกายซีกซ้ายเคลื่อนไหวไม่ได้อยู่สามวัน
หลังจากทำเอ็มอาร์ไอสแกนแล้ว แพทย์สั่งยาแก้ปวดแบบฉีดเองให้ร็อบสันฉีดทุกครั้งที่รู้สึกว่าไมเกรนกำลังจะกำเริบ ยาดังกล่าวหยุดอาการปวดศีรษะได้ แต่ทำให้เธอขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้ 40 นาที
“หลังฉีดยา ฉันจะเดินหรือพูดไม่ได้เลย แต่หลังจากที่ผ่านไป 5 สัปดาห์ ฉันมีภูมิคุ้มกันแล้ว”
ตอนนี้เธอต้องกินยาวันละ 9 เม็ด และหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ชีวิตฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะไมเกรน ลูกๆ ต้องเรียนรู้ว่าเมื่อฉันอาการกำเริบ พวกเขาต้องอยู่เงียบๆ ซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาเลย ตอนนี้ฉันจึงไปพบผู้เชี่ยวชาญและอธิษฐานว่าทุกอย่างจะดีขึ้น”
ร็อบสันไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือเหมือนกรมอุตุวิทยา แต่ก่อนที่ฟ้าจะเปิด เธอจะรู้ได้ทันทีจากอาการไมเกรน
แม่ลูกสามวัย 29 ปีที่เพื่อนๆ เรียกว่าสาวนักพยากรณ์อากาศ บอกได้แม้กระทั่งว่าฝนจะตกหนักแค่ไหนจากระดับความรุนแรงของไมเกรนของตัวเอง ปรากฏการณ์ประหลาดนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากเธอคลอดลูกชายที่ขณะนี้อายุได้สี่ขวบ
“เริ่มแรกฉันปวดไมเกรนสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีแสงจ้าแวบเข้าตาก่อนที่ฝนจะตก แรกๆ คิดว่าเป็นเรื่องตลก ฉันจะส่งข้อความไปบอกเพื่อนให้พกร่มออกจากบ้านด้วยตอนที่เริ่มปวดไมเกรน แต่เมื่อคาดถูกทุกครั้ง ฉันถึงเริ่มเช็กดูให้แน่ใจ
“ฉันทำตารางบันทึกเวลาที่ปวดไมเกรนและเวลาที่ฝนตก และพบว่าฉันคาดการณ์ถูกทุกครั้ง
“ตอนนี้ฉันเลยกลายเป็นเครื่องวัดความกดอากาศมีชีวิต ฉันบอกได้ว่าฝนกำลังจะตกเมื่อไหร่และจะตกนานแค่ไหน ถ้าฝนจะตกหนักมากหรือมีพายุ ฉันจะปวดไมเกรนรุนแรงและบางทีปวดนานถึง 12 ชั่วโมง”
ทั้งนี้ ผู้ปวดไมเกรนครึ่งหนึ่งเชื่อว่าอาการของตัวเองถูกกระตุ้นจากสภาพอากาศหรือความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทว่า ขณะที่นักวิจัยรับรู้ความเชื่อมโยงนี้แต่กลับไม่สามารถหาคำอธิบายที่ชัดเจนได้
การศึกษาผู้ป่วย 7,000 คนในสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ปวดศีรษะรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 7.5% ทุก 5 องศาเซลเซียสที่อุณหภูมิสูงขึ้น
ความกดดันอากาศต่ำนาน 2-3 วันก็ทำให้ปวดศีรษะมากขึ้นเช่นเดียวกัน นักวิจัยบางคนคิดว่า ระดับความดันที่ต่ำลงของออกซิเจนในเลือด ซึ่งทำให้เส้นเลือดโป่งพองทำให้เกิดปวดศีรษะ
แต่นักวิจัยอีกบางส่วนเชื่อว่า ภาวะดังกล่าวส่งผลต่อของเหลวที่ปกป้องสมองภายในกะโหลก และทำให้ความดันเพิ่มขึ้น
กรณีของร็อบสัน นักธุรกิจจากนิวคาสเซิล อังกฤษนั้น ตอนที่เธอปวดไมเกรนวันละ 4-5 ครั้ง แพทย์บอกให้ใช้ยาแก้ปวดปกติ แต่อาการกลับแย่ลงทำให้เสียทั้งการงานและชีวิตครอบครัว
“อยู่มาวันหนึ่งที่ฉันพยายามลงจากรถเพื่อนเพื่อจะไปรับลูกชายที่โรงเรียน ฉันกลับขยับตัวไม่ได้ ไมเกรนรุนแรงมากจนทำให้ร่างกายฉันเป็นอัมพาต
“ฉันกลัวมาก ตอนแรกคิดว่าเป็นหลอดเลือดสมองแตก เพื่อนต้องลงไปรับลูกชายแทนและพาฉันตรงดิ่งไปโรงพยาบาล”
แพทย์พบว่าร็อบสันเป็น hemiplegic migraine (มีอาการอ่อนแรงของแขนขาข้างหนึ่ง เป็นช่วงสั้นๆ หรือบางคนอาจจะมีเวียนศีรษะ จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงจะมีอาการปวดศีรษะตามมา) และอาการรุนแรงกระทั่งร่างกายซีกซ้ายเคลื่อนไหวไม่ได้อยู่สามวัน
หลังจากทำเอ็มอาร์ไอสแกนแล้ว แพทย์สั่งยาแก้ปวดแบบฉีดเองให้ร็อบสันฉีดทุกครั้งที่รู้สึกว่าไมเกรนกำลังจะกำเริบ ยาดังกล่าวหยุดอาการปวดศีรษะได้ แต่ทำให้เธอขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้ 40 นาที
“หลังฉีดยา ฉันจะเดินหรือพูดไม่ได้เลย แต่หลังจากที่ผ่านไป 5 สัปดาห์ ฉันมีภูมิคุ้มกันแล้ว”
ตอนนี้เธอต้องกินยาวันละ 9 เม็ด และหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ชีวิตฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะไมเกรน ลูกๆ ต้องเรียนรู้ว่าเมื่อฉันอาการกำเริบ พวกเขาต้องอยู่เงียบๆ ซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาเลย ตอนนี้ฉันจึงไปพบผู้เชี่ยวชาญและอธิษฐานว่าทุกอย่างจะดีขึ้น”