ASTVผู้จัดการรายวัน-“สุชาติ” ถือเคล็ค 07.50 น. เข้าทำงานในตำแหน่งรมช.คมนาคมวันแรก ขอเวลาศึกษางาน 1 สัปดาห์ พร้อมสานต่อเมล์เอ็นจีวี 4 ,000 คัน และถนนปลอดฝุ่นเฟส 2 “ซาเล้ง” ให้คุมงานเดิม 4 หน่วยงานของ “ประจักษ์” ส่วนตัวเองรวบ 12 หน่วยเบ็ดเสร็จเหมือนเดิม
วานนี้ (19 ม.ค.) เวลาประมาณ 07.50 นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธคมนาคมบพิธ และศาลพระภูมิ ประจำกระทรวงคมนาคม ในการทำงานวันแรกแทนนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ที่ขอลาออก
นายสุชาติกล่าวว่า ไม่หนักใจในการทำงาน และสานงานต่อได้ทันที โดยพร้อมจะรับผิดชอบไม่ว่าจะได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลหน่วยงานใด รวมถึงพร้อมทำงานร่วมกับข้าราชการทุกคน เนื่องจากมีความผูกพันและคุ้นเคยกับกระทรวงคมนาคมมานานกว่า 20 ปี เพราะที่ผ่านมาเคยดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยปี 2535 และ ปี 2538 มาก่อน โดยขอศึกษางานประมาณ 1 สัปดาห์จากนั้นเชื่อว่าจะเริ่มเดินหน้าโครงการต่างๆ ได้ รวมถึงโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน และถนนไร้ฝุ่นเฟส2
ส่วนกรณีของนายลัทธชัย โชคชัยวัฒนากร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นลูกชายนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับทางพรรคภูมิใจไทยว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงคมนาคมที่ 26/2553 แบ่งงานมอบอำนาจให้นายสุชาติ กำกับดูแล 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1.กรมการขนส่งทางบก 2.กรมทางหลวงชนบท 3.บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และ 4.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งเป็นงานเดิมของนายประจักษ์
นายโสภณกล่าวว่า แม้ว่าจะได้กำกับ 4 หน่วยงาน แต่ล้วนเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญกับประชาชนมาก เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ซึ่งในปี 2553 กระทรวงคมนาคมมีนโยบาย “คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข” โดยเฉพาะกับรถโดยสาร ซึ่งที่ผ่านมา หากรถโดยสารสาธารณะของเอกชนเกิดอุบัติเหตุ จะมีมาตรการเพียงขึ้นบัญชีดำเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติไม่มีมาตรการที่เด็ดขาด ทำให้ปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ต่อเนื่อง ดังนั้น จากนี้จะต้องกำหนดมาตรการอย่างจริงจัง
ส่วนนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกำกับดูแลงานตามเดิม คือ กรมเจ้าท่า ,การท่าเรือแห่งประเทศไทย และบริษัทไทยเดินเรือทะเล จำกัด ส่วนนายโสภณกำกับดูแลหน่วยงานที่เหลือทั้งหมด เช่น กรมทางหลวง ,กรมการบินพลเรือน, สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ,การรถไฟแห่งประเทศไทย,การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ,การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ,สถาบันการบินพลเรือน ,การบินไทย จำกัด(มหาชน) บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ,บริษัทโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำกัด และบริษัท ไทย-อะมาดิอุสเซาท์อีสต์เอเชีย จำกัด
วานนี้ (19 ม.ค.) เวลาประมาณ 07.50 นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธคมนาคมบพิธ และศาลพระภูมิ ประจำกระทรวงคมนาคม ในการทำงานวันแรกแทนนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ที่ขอลาออก
นายสุชาติกล่าวว่า ไม่หนักใจในการทำงาน และสานงานต่อได้ทันที โดยพร้อมจะรับผิดชอบไม่ว่าจะได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลหน่วยงานใด รวมถึงพร้อมทำงานร่วมกับข้าราชการทุกคน เนื่องจากมีความผูกพันและคุ้นเคยกับกระทรวงคมนาคมมานานกว่า 20 ปี เพราะที่ผ่านมาเคยดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยปี 2535 และ ปี 2538 มาก่อน โดยขอศึกษางานประมาณ 1 สัปดาห์จากนั้นเชื่อว่าจะเริ่มเดินหน้าโครงการต่างๆ ได้ รวมถึงโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน และถนนไร้ฝุ่นเฟส2
ส่วนกรณีของนายลัทธชัย โชคชัยวัฒนากร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นลูกชายนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับทางพรรคภูมิใจไทยว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงคมนาคมที่ 26/2553 แบ่งงานมอบอำนาจให้นายสุชาติ กำกับดูแล 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1.กรมการขนส่งทางบก 2.กรมทางหลวงชนบท 3.บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และ 4.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งเป็นงานเดิมของนายประจักษ์
นายโสภณกล่าวว่า แม้ว่าจะได้กำกับ 4 หน่วยงาน แต่ล้วนเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญกับประชาชนมาก เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ซึ่งในปี 2553 กระทรวงคมนาคมมีนโยบาย “คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข” โดยเฉพาะกับรถโดยสาร ซึ่งที่ผ่านมา หากรถโดยสารสาธารณะของเอกชนเกิดอุบัติเหตุ จะมีมาตรการเพียงขึ้นบัญชีดำเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติไม่มีมาตรการที่เด็ดขาด ทำให้ปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ต่อเนื่อง ดังนั้น จากนี้จะต้องกำหนดมาตรการอย่างจริงจัง
ส่วนนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกำกับดูแลงานตามเดิม คือ กรมเจ้าท่า ,การท่าเรือแห่งประเทศไทย และบริษัทไทยเดินเรือทะเล จำกัด ส่วนนายโสภณกำกับดูแลหน่วยงานที่เหลือทั้งหมด เช่น กรมทางหลวง ,กรมการบินพลเรือน, สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ,การรถไฟแห่งประเทศไทย,การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ,การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ,สถาบันการบินพลเรือน ,การบินไทย จำกัด(มหาชน) บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ,บริษัทโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำกัด และบริษัท ไทย-อะมาดิอุสเซาท์อีสต์เอเชีย จำกัด
