ASTVผู้จัดการรายวัน -ไวตามิ้ลค์ ชี้อาฟต้าดันตลาดนมถั่วเหลืองแข่งเดือด ทัพสินค้าแบรนด์ในและต่างประเทศตบเท้าชิงชิ้นเค้ก 1 หมื่นล้านบาท อัด 100 ล้านบาท ป้องบัลลังก์ผู้นำตลาด เท 30 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “ไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์ “ โหมการสื่อสารเพื่อความงามสาวผิวขาวใส สะดุดใจปาปารัสซี่ ตั้งเป้าดันยอดโต 15% กวาดแชร์ 53%
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าเครื่องดื่มน้ำส้ม กรีนสปอต และไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า จากการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียนหรืออาฟต้า ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเปิดโอกาสให้มีผู้แข่งขันรายใหม่ทั้งจากในและต่างประเทศ เข้ามาอยู่ในตลาดเครื่องดื่มนมถั่วเหลือง และทำให้ตลาดนี้เติบโตมากขึ้น
ล่าสุด กลุ่มยูเอฟซี ได้เข้ามาทำตลาดสินค้านมถั่วเหลืองเข้าสู่ตลาดเป็นรายล่าสุดในปีที่ผ่านมา และอาจจะมีสินค้าแบรนด์อื่นจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดนี้มากขึ้น
สำหรับไวตามิ้ลค์ ผลจากอาฟต้าคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปกว่า 4 0ประเทศ แต่ในส่วนของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งบริษัทนำเข้าน้ำนมดิบจากประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทำให้ยังคงต้นทุนเดิมในการผลิตเท่าเดิมอยู่เช่นกัน ซึ่งในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนขึ้นราคาสินค้าหากต้นทุนการผลิตจะปรับขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองพร้อมดื่มจัดอยู่ในรายการสินค้าควบคุมราคา ของกระทรวงพาณิชย์
ปีนี้บริษัทเตรียมใช้งบกว่า 100 ล้านบาททำตลาดผลิตภัณฑ์ไวตามิ้ลค์ ล่าสุดใช้งบ 30 ล้านบาทจัดงาน “ไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์ เปิดตัวสาวผิวขาวใส สะดุดใจปาปารัสซี่” ภายใต้แนวคิด ผิวสวย ดื่มได้ ยอดขาย อันดับ1 พร้อมเปิดตัวแบรนด์ แอมบาสเดอร์ คนแรก คือ “เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” หลังสินค้าไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์
มีอัตราการเติบโตทางการตลาดต่อเนื่องตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันสินค้าดังกล่าว มี 2 รสชาติ คือ ไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์ สูตรน้ำตาลน้อย และสูตรน้ำนมข้าวโพด
สำหรับตลาดนมพร้อมดื่มปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท เติบโต 8% แบ่งออกเป็นนมถั่วเหลืองพร้อมดื่มมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท มีอัตราเติบโต 8% โดยผลิตภัณฑ์ไวตามิ้ลค์ ครองส่วนแบ่งตลาดนมถั่วเหลืองอันดับ 1 สัดส่วนกว่า 50% โดยกลุ่มของโลว์ ชูการ์ มีมูลค่าตลาดโดยรวมราว 600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตตามตลาด ซึ่งไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์ ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 สัดส่วน 47% โดยหลังเปิดตัวแคมเปญคาดดันยอดขายเพิ่ม 10-15% หรืออยู่ที่สัดส่วน 52-53% พร้อมคาดว่าในปี 53 นี้ หากภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นจะช่วยดันให้ตลาดนมพร้อมดื่มมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 12%
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าเครื่องดื่มน้ำส้ม กรีนสปอต และไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า จากการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียนหรืออาฟต้า ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเปิดโอกาสให้มีผู้แข่งขันรายใหม่ทั้งจากในและต่างประเทศ เข้ามาอยู่ในตลาดเครื่องดื่มนมถั่วเหลือง และทำให้ตลาดนี้เติบโตมากขึ้น
ล่าสุด กลุ่มยูเอฟซี ได้เข้ามาทำตลาดสินค้านมถั่วเหลืองเข้าสู่ตลาดเป็นรายล่าสุดในปีที่ผ่านมา และอาจจะมีสินค้าแบรนด์อื่นจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดนี้มากขึ้น
สำหรับไวตามิ้ลค์ ผลจากอาฟต้าคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปกว่า 4 0ประเทศ แต่ในส่วนของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งบริษัทนำเข้าน้ำนมดิบจากประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทำให้ยังคงต้นทุนเดิมในการผลิตเท่าเดิมอยู่เช่นกัน ซึ่งในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนขึ้นราคาสินค้าหากต้นทุนการผลิตจะปรับขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองพร้อมดื่มจัดอยู่ในรายการสินค้าควบคุมราคา ของกระทรวงพาณิชย์
ปีนี้บริษัทเตรียมใช้งบกว่า 100 ล้านบาททำตลาดผลิตภัณฑ์ไวตามิ้ลค์ ล่าสุดใช้งบ 30 ล้านบาทจัดงาน “ไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์ เปิดตัวสาวผิวขาวใส สะดุดใจปาปารัสซี่” ภายใต้แนวคิด ผิวสวย ดื่มได้ ยอดขาย อันดับ1 พร้อมเปิดตัวแบรนด์ แอมบาสเดอร์ คนแรก คือ “เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” หลังสินค้าไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์
มีอัตราการเติบโตทางการตลาดต่อเนื่องตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันสินค้าดังกล่าว มี 2 รสชาติ คือ ไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์ สูตรน้ำตาลน้อย และสูตรน้ำนมข้าวโพด
สำหรับตลาดนมพร้อมดื่มปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท เติบโต 8% แบ่งออกเป็นนมถั่วเหลืองพร้อมดื่มมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท มีอัตราเติบโต 8% โดยผลิตภัณฑ์ไวตามิ้ลค์ ครองส่วนแบ่งตลาดนมถั่วเหลืองอันดับ 1 สัดส่วนกว่า 50% โดยกลุ่มของโลว์ ชูการ์ มีมูลค่าตลาดโดยรวมราว 600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตตามตลาด ซึ่งไวตามิ้ลค์ โลว์ ชูการ์ ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 สัดส่วน 47% โดยหลังเปิดตัวแคมเปญคาดดันยอดขายเพิ่ม 10-15% หรืออยู่ที่สัดส่วน 52-53% พร้อมคาดว่าในปี 53 นี้ หากภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นจะช่วยดันให้ตลาดนมพร้อมดื่มมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 12%