วานนี้ ( 13 ม.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.มีมติแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งรองเลขาธิการกกต. โดยโยกย้ายนายประวิง คชาชีวะ รองเลขาธิการ กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ไปดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ และแต่งตั้งนาย บุณยเกียรติ รักชาติเจริญ ผอ.สำนักบริหารงานเลือกตั้ง ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง รวมทั้งแต่งตั้งนายธนิศร์ ศรีประเทศ ผอ.สำนักสนับสนุนโดยรัฐ ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ขึ้นดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ด้านกิจการพรรคการเมือง ที่ว่างอยู่
นอกจากนี้ยังโยกย้าย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน ไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และแต่งตั้งพ.ต.อ.ผดุงศักดิ์ อุเบกขานนท์ ผอ.สำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 2 เป็นรองเลขาธิการ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.นี้ อีกทั้งยังมีการแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานบริหารระดับกลางอีก 69 ตำแหน่ง โดยให้มีผลในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ ที่ประชุมกกต.ได้กำหนดหลักเกณฑ์วาระการดำรงตำแหน่งของพนักงานบริหารระดับสูง โดยให้ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 4 ปี และให้ขยายได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี
นายสุทธิพล กล่าวต่อว่า สำหรับผลการสอบบรรจุพนักงานด้านนิติกรที่ต้องการทั้งสิ้น 58 ตำแหน่ง โดยมีผู้เข้าสมัครจำนวน 804 คน และพนักงานด้านการเงินการบัญชีต้องการทั้งสิ้น 24 ตำแหน่ง ซึ่งมีผู้สมัครจำนวน 2,799 คน ซึ่งกกต.ได้กำหนดเกณฑ์การสอบคะแนนต้องได้มากกว่าร้อยละ 60 โดยผลการสอบที่ออกมาพบว่า มีบุคคลที่ผ่านการสอบด้านนิติกรเพียง 11 คน ส่วนด้านการเงินการบัญชี 9 คน ซึ่งหลังจากนี้กกต.ก็จะเปิดรับสมัครเพิ่ม เพื่อให้ได้พนักงานครบตำแหน่งตามที่กำหนด
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงการพิจารณา กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังจากนี้นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง จะมอบหมายให้คณะทำงานกรณีดังกล่าว รายงานความคืบหน้าให้สื่อมวลชนทราบเป็นระยะ โดยคณะทำงานชุดนี้จะประกอบด้วย ที่ปรึกษาประธานกกต. ผอ.สำนักกฎหมายและคดี และผู้แทนจากสำนักฝ่ายกิจการพรรคการเมือง ซึ่งคณะทำงานจะมีการประชุมหารือกันทุกวันศุกร์
โดยการตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการนับหนึ่งใหม่ เพราะข้อมูลต่างๆ ถือเป็นข้อมูลที่สอบสวนมาแล้ว แต่จะมีการพิจารณาเน้นรายละเอียดไปในส่วนของข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังไม่มีการแจ้งให้ กกต.คนอื่นทราบ เพราะยังอยู่ระหว่างดำเนินงานของคณะทำงาน
นอกจากนี้ยังโยกย้าย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน ไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และแต่งตั้งพ.ต.อ.ผดุงศักดิ์ อุเบกขานนท์ ผอ.สำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 2 เป็นรองเลขาธิการ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.นี้ อีกทั้งยังมีการแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานบริหารระดับกลางอีก 69 ตำแหน่ง โดยให้มีผลในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ ที่ประชุมกกต.ได้กำหนดหลักเกณฑ์วาระการดำรงตำแหน่งของพนักงานบริหารระดับสูง โดยให้ดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 4 ปี และให้ขยายได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี
นายสุทธิพล กล่าวต่อว่า สำหรับผลการสอบบรรจุพนักงานด้านนิติกรที่ต้องการทั้งสิ้น 58 ตำแหน่ง โดยมีผู้เข้าสมัครจำนวน 804 คน และพนักงานด้านการเงินการบัญชีต้องการทั้งสิ้น 24 ตำแหน่ง ซึ่งมีผู้สมัครจำนวน 2,799 คน ซึ่งกกต.ได้กำหนดเกณฑ์การสอบคะแนนต้องได้มากกว่าร้อยละ 60 โดยผลการสอบที่ออกมาพบว่า มีบุคคลที่ผ่านการสอบด้านนิติกรเพียง 11 คน ส่วนด้านการเงินการบัญชี 9 คน ซึ่งหลังจากนี้กกต.ก็จะเปิดรับสมัครเพิ่ม เพื่อให้ได้พนักงานครบตำแหน่งตามที่กำหนด
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงการพิจารณา กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังจากนี้นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง จะมอบหมายให้คณะทำงานกรณีดังกล่าว รายงานความคืบหน้าให้สื่อมวลชนทราบเป็นระยะ โดยคณะทำงานชุดนี้จะประกอบด้วย ที่ปรึกษาประธานกกต. ผอ.สำนักกฎหมายและคดี และผู้แทนจากสำนักฝ่ายกิจการพรรคการเมือง ซึ่งคณะทำงานจะมีการประชุมหารือกันทุกวันศุกร์
โดยการตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการนับหนึ่งใหม่ เพราะข้อมูลต่างๆ ถือเป็นข้อมูลที่สอบสวนมาแล้ว แต่จะมีการพิจารณาเน้นรายละเอียดไปในส่วนของข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังไม่มีการแจ้งให้ กกต.คนอื่นทราบ เพราะยังอยู่ระหว่างดำเนินงานของคณะทำงาน
