ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จับได้แล้วอดีต ผจก.ธนาคารกสิกร หาดใหญ่ โกงเงินลูกค้าก้อนใหญ่ หนีลอยนวลไปกบดาน ก่อนแม่ “ซี-ศิวัฒน์” พร้อมกลุ่มผู้เสียหายร่วมลงขันสืบตัวจนพบ จับตัวส่งตำรวจดำเนินคดี ขณะที่ทนายความผู้เสียหายเผยยอดเงินที่ถูกฉ้อโกงไปสูงถึง 500 ล้านบาท
นางอัมพวัน หรือ "ตุ๊ก" พานิชย์ วัย 51 ปี อดีตผู้จัดการทีมที่ปรึกษาการบริหารสินทรัพย์ กลุ่มลูกค้าบุคคลพิเศษ 28 เขตบริการและการขาย 74 สายงานธุรกิจ ดูแลพื้นที่ภาคใต้ของธนาคารกสิกรไทย ที่ก่อเหตุฉ้อโกงเงินกลุ่มนักธุรกิจใน จ.สงขลา กว่า 20 คนวงเงินร่วม 200 ล้านบาท ถูกจับกุมแล้ว ขณะหนีไปกบดานอยู่ที่บ้านเลขที่ 123/795 หมู่บ้านชัยพฤกษ์ ซอยชนะสิทธิ์ ต.เทพารักษ์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังจากที่กลุ่มนักธุรกิจผู้เสียหายได้เข้าร้องต่อ สภ.หาดใหญ่ให้ตามตัวมาดำเนินคดี และได้พยายามช่วยกันสืบค้นหาตัวจนพบและประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม
หลังจับกุมตัวได้แล้วเมื่อวานนี้ (12 ม.ค.) ทางพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้นำตัวมาสอบสวนและเชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยหนึ่งในผู้เสียหาย คือ นางสุวรรณ โชติชัยชรินทร์ มารดาของ “ซี-ศิวัฒน์” พระเอกชื่อดัง ซึ่งรู้จักกับนางอัมพวัน ตั้งแต่นางอัมพวัน ยังเป็นครูอนุบาลโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองหาดใหญ่ กระทั่งลาออกมาทำงานธนาคารกสิกรไทย และถูกฉ้อโกงไป 8 ล้านบาท อีกทั้งเพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหานางอัมพวันเพิ่มเติม นอกเหนือจากคดีที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.เช็ค ที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้
สำหรับพฤติกรรมการฉ้อโกงของนางอัมพวันนั้น ในช่วงที่เป็นผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้ ได้ชักชวนกลุ่มนักธุรกิจใน จ.สงขลา ที่เป็นลูกค้าของธนาคารรร่วมลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และปล่อยเงินกู้กับตนและแบ่งผลกำไรให้ ซึ่งมีนักธุรกิจเข้าร่วมกว่า 20 ราย วงเงิน โดยมีตั้งแต่รายละ 1 ล้านจนถึง 20 ล้านบาท แต่กลับถูกเชิดเงินหายไปทั้งหมด ซึ่งทางผู้เสียหายต่างเรียกร้องให้ทางธนาคารร่วมรับผิดชอบ แต่ผู้บริหารของธนาคารอ้างว่าเงินที่นางอัมพวันเอาของลูกค้าไปมีเพียง 2 รายเท่านั้น และธนาคารได้จ่ายค่าเสียหายไปแล้วโดยทางแบงก์ไม่มีอำนาจควบคุมตัวส่งตำรวจเพราะได้ไล่ออกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นางอัมพวัน ได้หลบหนีการจับกุมมานานกว่า 1 ปี ก่อนที่ทางผู้เสียหายจะร่วมลงขันและจับกุมได้ในที่สุด ส่วนทางด้าน สภ.หาดใหญ่ จะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่นั้นต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในระหว่างการสอบสวน นางอัมพวัน ได้ใช้เสื้อผ้าปิดบังใบหน้าตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนนางอัมพวัน ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น และให้ทนายยื่นเรื่องขอประกันตัว แต่พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเพราะเป็นผู้ต้องหาสำคัญมีมูลค่าความเสียหายสูงเกรงว่าจะหลบหนี และยังคงเร่งสอบสวนผู้เสียหายที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจใน จ.สงขลา ซึ่งยังคงเดินทางมาเข้าแจ้งความตลอดทั้งวัน โดยในเบื้องต้น นางอัมพวัน ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์เพียงข้อหาเดียวซึ่งเป็นข้อหาตามหมายจับ
ด้านนายสุรกิจ เพชรสงคราม ทนายความของหนึ่งในผู้เสียหายได้แถลงถึงมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นว่า มีเจ้าทุกข์ที่ถูก นางอัมพวัน ฉ้อโกง และรอชี้ตัวประมาณ 15 ราย รวมเป็นเงิน 350 - 500 ล้านบาท โดยมีบางรายที่ถูกฉ้อโกงคนเดียวถึง 100 ล้านบาทและเชื่อว่าเงินบางส่วนน่าจะได้คืน และขณะนี้ได้ร่วมกับตำรวจเพื่อสืบสวนในเชิงลึก ว่ายังมีผู้อยู่เบื้องหลังในการฉ้อโกงร่วมกับนางอัมพวัน อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเงินรางวัลนำจับที่กลุ่มผู้เสียหายได้ร่วมกันลงขันจำนวน 1.5 ล้านบาทเพื่อมอบให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะมีการมอบให้กับใครบ้าง
นางอัมพวัน หรือ "ตุ๊ก" พานิชย์ วัย 51 ปี อดีตผู้จัดการทีมที่ปรึกษาการบริหารสินทรัพย์ กลุ่มลูกค้าบุคคลพิเศษ 28 เขตบริการและการขาย 74 สายงานธุรกิจ ดูแลพื้นที่ภาคใต้ของธนาคารกสิกรไทย ที่ก่อเหตุฉ้อโกงเงินกลุ่มนักธุรกิจใน จ.สงขลา กว่า 20 คนวงเงินร่วม 200 ล้านบาท ถูกจับกุมแล้ว ขณะหนีไปกบดานอยู่ที่บ้านเลขที่ 123/795 หมู่บ้านชัยพฤกษ์ ซอยชนะสิทธิ์ ต.เทพารักษ์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังจากที่กลุ่มนักธุรกิจผู้เสียหายได้เข้าร้องต่อ สภ.หาดใหญ่ให้ตามตัวมาดำเนินคดี และได้พยายามช่วยกันสืบค้นหาตัวจนพบและประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม
หลังจับกุมตัวได้แล้วเมื่อวานนี้ (12 ม.ค.) ทางพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้นำตัวมาสอบสวนและเชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยหนึ่งในผู้เสียหาย คือ นางสุวรรณ โชติชัยชรินทร์ มารดาของ “ซี-ศิวัฒน์” พระเอกชื่อดัง ซึ่งรู้จักกับนางอัมพวัน ตั้งแต่นางอัมพวัน ยังเป็นครูอนุบาลโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองหาดใหญ่ กระทั่งลาออกมาทำงานธนาคารกสิกรไทย และถูกฉ้อโกงไป 8 ล้านบาท อีกทั้งเพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหานางอัมพวันเพิ่มเติม นอกเหนือจากคดีที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.เช็ค ที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้
สำหรับพฤติกรรมการฉ้อโกงของนางอัมพวันนั้น ในช่วงที่เป็นผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้ ได้ชักชวนกลุ่มนักธุรกิจใน จ.สงขลา ที่เป็นลูกค้าของธนาคารรร่วมลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และปล่อยเงินกู้กับตนและแบ่งผลกำไรให้ ซึ่งมีนักธุรกิจเข้าร่วมกว่า 20 ราย วงเงิน โดยมีตั้งแต่รายละ 1 ล้านจนถึง 20 ล้านบาท แต่กลับถูกเชิดเงินหายไปทั้งหมด ซึ่งทางผู้เสียหายต่างเรียกร้องให้ทางธนาคารร่วมรับผิดชอบ แต่ผู้บริหารของธนาคารอ้างว่าเงินที่นางอัมพวันเอาของลูกค้าไปมีเพียง 2 รายเท่านั้น และธนาคารได้จ่ายค่าเสียหายไปแล้วโดยทางแบงก์ไม่มีอำนาจควบคุมตัวส่งตำรวจเพราะได้ไล่ออกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นางอัมพวัน ได้หลบหนีการจับกุมมานานกว่า 1 ปี ก่อนที่ทางผู้เสียหายจะร่วมลงขันและจับกุมได้ในที่สุด ส่วนทางด้าน สภ.หาดใหญ่ จะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่นั้นต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในระหว่างการสอบสวน นางอัมพวัน ได้ใช้เสื้อผ้าปิดบังใบหน้าตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนนางอัมพวัน ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น และให้ทนายยื่นเรื่องขอประกันตัว แต่พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเพราะเป็นผู้ต้องหาสำคัญมีมูลค่าความเสียหายสูงเกรงว่าจะหลบหนี และยังคงเร่งสอบสวนผู้เสียหายที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจใน จ.สงขลา ซึ่งยังคงเดินทางมาเข้าแจ้งความตลอดทั้งวัน โดยในเบื้องต้น นางอัมพวัน ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์เพียงข้อหาเดียวซึ่งเป็นข้อหาตามหมายจับ
ด้านนายสุรกิจ เพชรสงคราม ทนายความของหนึ่งในผู้เสียหายได้แถลงถึงมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นว่า มีเจ้าทุกข์ที่ถูก นางอัมพวัน ฉ้อโกง และรอชี้ตัวประมาณ 15 ราย รวมเป็นเงิน 350 - 500 ล้านบาท โดยมีบางรายที่ถูกฉ้อโกงคนเดียวถึง 100 ล้านบาทและเชื่อว่าเงินบางส่วนน่าจะได้คืน และขณะนี้ได้ร่วมกับตำรวจเพื่อสืบสวนในเชิงลึก ว่ายังมีผู้อยู่เบื้องหลังในการฉ้อโกงร่วมกับนางอัมพวัน อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเงินรางวัลนำจับที่กลุ่มผู้เสียหายได้ร่วมกันลงขันจำนวน 1.5 ล้านบาทเพื่อมอบให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะมีการมอบให้กับใครบ้าง
