ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ระดมกำลัง จนท.กว่าพันนายคุมเข้มทุกตารางนิ้วรับคณะ "นายกฯ"ก่อนลงถึงใต้ใน 24 ชม.
วานนี้ (6 ม.ค.) พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มความเข้มงวดกวดขันการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางลงพื้นที่ในวันนี้ (7 ม.ค.) เพื่อเปิดถนนสาย 418 ที่เชื่อม จ.ปัตตานี-ยะลา อย่างเป็นทางการ พร้อมมีกำหนดเดินทางไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าในโครงการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ
"เบื้องต้นผมได้กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยรับผิดชอบเฝ้าระวังและเกาะติดสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมอย่างใกล้ชิดครอบคลุมทุกจุดพื้นที่เพื่อกดดันไม่ให้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ได้ โดยภารกิจดูแลรักษาควงามปลอดภัยคณะนายกรัฐมนตรีเริ่มปฎิบัติตั้งแต่ 24 ชั่วโมงก่อนถึงกำหนดนายกรัฐมนตรีเดินทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ขณะเดียวกันในวันเดินทางนั้นจะมีเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นายคอยดูแลความปลอดภัยประจำจุดเป้าหมายต่างๆ " พล.ท.กสิกร กล่าว และว่า
นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ยังร่วมบูรณาการของกำลัง 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อดูแลความปลอดภัยพื้นที่สูงสุด โดยมีการจัดวางกำลังหลักทั้งพื้นที่รอบสถานที่เป้าหมาย รวมถึงได้จัดกำลังนอกเครื่องแบบดูแลตามพื้นที่รอบนอกเพื่อเกาะติดความเคลื่อนไหว ซึ่งภารกิจการเกาะติดคราวนี้ได้เน้นการดูแลทุกพื้นที่ครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะไม่พุ่งเป้าดูแลเฉพาะเส้นทางหรือพิกัดที่นายกฯไปเท่านั้น เนื่องจากเมื่อครั้งการเดินทางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาพบว่า แนวร่วมใช้รูปแบบการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ เช่น การนำป้ายข้อความแบ่งแยกดินแดนไปติดตามจุดต่างๆ รวมถึงมีการวางกล่องต้องสงสัยเพื่อป่วนสร้างกระแส ทำให้เป็นบทเรียนที่เจ้าหน้าที่ต้องปิดช่องโหว่นั้น ทำให้คราวนี้ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายวางกำลังให้ครอบคลุมทุกหน่วยเฉพาะกิจเพื่อปิดช่องทางการสร้างสถานการณ์ทุกรูปแบบ
**"สุเทพ"ลั่นปี 53 เพิ่มความเข้มล่าโจรใต้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ รัฐบาลต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต และรายได้ของประชาชนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และมีความสุขได้มาตรฐาน โดยตนจะนำนายกฯไปดูการทำงานและการพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่างๆ เช่น กรณีถนนบางสายที่ผู้รับเหมาเอกชนประมูลงานไปแล้ว แต่ไม่สามารถก่อสร้างได้สำเร็จเนื่องจากมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เราก็ให้ทหารช่างเข้าไปช่วยดำเนินการต่อ และนายกฯจะเป็นประธานเปิดทางหลวง หมายเลข 418 ซึ่งเป็นถนนสี่ช่องจราจร เชื่อมระหว่างยะลา-ปัตตานี นอกจากนั้นจะนำนายกรัฐมนตรีไปดูงานโครงการฟาร์มตัวอย่าง หมู่บ้านประมงและไปเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
"รัฐบาลมีเป้าหมายในการทำงานในพื้นที่ภาคใต้คือการทำให้ประชาชนมีความสุข รักประเทศไทย รักแผ่นดินไทย ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลเมืองไทยเช่นเดียวกันประชาชนคนไทยที่อยู่ จ.เชียงใหม่ อุดรธานี หรือกรุงเทพฯ ไม่เข้าไปสนับสนุนฝ่ายที่ก่อความไม่สงบ ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ในปี 2553 นั้น รัฐบาลจะเพิ่มความเข้มงวดขึ้นโดยเฉพาะตนจะเข้มงวดในเรื่องการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดตามที่ศาลได้ออกหมายจับไว้แล้วไม่ว่าจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหนก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้" นายสุเทพ กล่าว
**นราฯ บุกตรวจค้นทั้วจังหวัดรับนายกฯ
ที่ จ.นราธิวาส พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส และ พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส เป็นผู้อำนวยการในการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กว่า 1,000 นาย ใช้กฎอัยการศึกกระจายกำลังบุกเข้าตรวจค้นพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ 166 เป้าหมาย ตั้งแต่เช้ามืดวานนี้ (6 ม.ค.) เพื่อทะลายเครือข่ายกลุ่มสมาชิกแนวร่วมของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่แฝงตัวเคลื่อนไหวเพื่อประชุมเตรียมวางแผนก่อเหตุร้ายขึ้นในช่วงวันนี้ ในขณะที่นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ อ.รือเสาะ
ทั้งนี้ เนื่องจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.52 ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.นราธิวาส กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้มีการประชุมวางแผนก่อเหตุร้ายขึ้นพร้อมกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บไปหลายราย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบก่อเหตุร้ายซ้ำซากขึ้นอีก ทางเจ้าหน้าท่ทั้ง 3 ฝ่ายใน จ.นราธิวาส จึงได้มีการบุกจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้
สำหรับการตรวจค้นที่ อ.ระแงะ จำนวน 12 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 ราย ที่ อ.ตากใบ ค้น 12 เป้าหมาย จับกุมได้ 1 ราย ที่ อ.สุไหงปาดี ค้น 12 เป้าหมาย จับผู้ต้องหายาเสพติด 2 ราย พร้อมของกลางเฮโรอีน 3.9 กรัม ที่ อ.แว้ง ค้น 12 เป้าหมาย ได้ผู้ต้องหา 6 ราย ที่ อ.ยี่งอ ค้น 14 เป้าหมาย จับผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมพืชกระท่อม 1.1 กรัม และที่ อ.สุคิริน ค้นบ้านไม่มีเลขที่ ม.2 ต.เกียร์ ยึดปืน 1 กระบอก ที่ อ.แว้ง จับผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 ราย ของกลางพืชกระท่อม 740 ใบ ยาแก้ไอ 7 ขวด เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดสอบขยายผลก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย
**ผู้ว่าฯ นราธิวาสตรวจความพร้อมรับนายกฯ
ขณะที่นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจความพร้อมในการเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะ ซึ่งจะเดินทางลงพื้นที่ ม.4 บ้านซือเราะ ต.เรียง อ.รือเสาะ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานมอบบ้านให้กับนางมีเน๊าะ นิลูบี อายุ 50 ปี และนางซูไฮบ๊ะ ลูทำกามิง อายุ 23 ปี ซึ่งทั้ง 2 เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะร่วมเป็นประธานเปิดศาลาละหมาด และร่วมรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานในโครงการแก้ปัญหาที่ทำกินและโครงการทำดีมีอาชีพด้วย
นายธนน กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ต่างดีใจที่จะได้พบนายกรัฐมนตรี ส่วนด้านการดูแลความปลอดภัย ทางกองทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ดูแล ซึ่งมีการวางแผนในการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
**ยะลา รปภ.เข้ม ก่อนนายกฯ ลงพื้นที่
เช่นเดียวกับที่ จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจตราดูแลคงามสงบเรียบร้อย พร้อมตั้งจุดตรวจจุดสกัดอย่างเข้มงวด รวมถึงการวางกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในพื้นที่ล่อแหลมเพื่อเฝ้าระวังพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากวันนี้นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมและเปิดถนนสาย 418 ยะลา-ปัตตานี บริเวณหมู่ 1 บ้านท่าสาป ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา โดยจะมีการปิดถนนบางเส้นทางเพื่อความปลอดภัยของคณะนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางมาเปิดถนนสายดังกล่าว ตลอดจนการทำภารกิจในพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีด้วย
ส่วนที่ จ.ปัตตานี ก็ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ 12 อำเภอของจังหวัดอย่างเข้มงวดเช่นกันโดยเฉพาะเขตรอยต่อระหว่างปัตตานี-นราธิวาส และยะลา กองกำลัง 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามถนนสายหลักและสายรอง พร้อมกับมีการลาดตระเวนในพื้นที่เป้าหมายและการดูแลความปลอดภัยในย่านชุมชนและสถานที่ราชการ โดยผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยได้เน้นย้ำให้มีการตรวจรถทุกชนิด อาวุธต่างๆ และบุคคลเป้าหมายอย่างเข้มงวด
**ปะทะกลางเมืองนราฯ วิฯ โจรใต้ 1 ศพ
เมื่อเวลา 14.45 น. วานนี้ (6 ม.ค.) น.ท.พงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผบ.ฉก.นราธิวาส 33 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส นำกำลังกว่า 30 นาย ใช้กฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในซอยยะกัง 4 ถ.ระแงะมรรคา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส หลังสืบทราบเบาะแสผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้ามากบดาน ปรากฏว่าชายประมาณ 5 คน ในบ้านเช่าดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ และหลบหนีเข้าไปในสวนเงาะห่างจากบ้านประมาณ 150 เมตร จากนั้นเปิดฉากปะทะหลายระลอกนานร่วม 2 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางภาคพื้นดิน กระทั่งเสียงปืนสงบเจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่พบผู้เสียชีวิต 1 ราย อยู่ในคูน้ำ มือขวากำปืนพกขนาด .38 มีกระเป๋าคาดเอวใส่ลูกระเบิดแบบขว้างเอ็ม 27 เอ 1 จำนวน 1 ลูก และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
สำหรับผู้เสียชีวิต ชื่อนายดอเลาะ สาและ อายุ 29 ปี แนวร่วมกลุ่มอาร์เคเค หนีคดีลอบวางระเบิดตลาดสดเทศบาลเมืองนราธิวาส เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ระแงะ อ.เมือง และเจาะไอร้อง ส่วนการตรวจค้นภายในบ้านเช่าพบอุปกรณ์ประกอบระเบิดและเครื่องแต่งกายชุดสนาม เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบตามกระบวนการหลักนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อขยายถึงคดีอื่นในพื้นที่
วานนี้ (6 ม.ค.) พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มความเข้มงวดกวดขันการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางลงพื้นที่ในวันนี้ (7 ม.ค.) เพื่อเปิดถนนสาย 418 ที่เชื่อม จ.ปัตตานี-ยะลา อย่างเป็นทางการ พร้อมมีกำหนดเดินทางไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าในโครงการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ
"เบื้องต้นผมได้กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยรับผิดชอบเฝ้าระวังและเกาะติดสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมอย่างใกล้ชิดครอบคลุมทุกจุดพื้นที่เพื่อกดดันไม่ให้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ได้ โดยภารกิจดูแลรักษาควงามปลอดภัยคณะนายกรัฐมนตรีเริ่มปฎิบัติตั้งแต่ 24 ชั่วโมงก่อนถึงกำหนดนายกรัฐมนตรีเดินทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ขณะเดียวกันในวันเดินทางนั้นจะมีเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นายคอยดูแลความปลอดภัยประจำจุดเป้าหมายต่างๆ " พล.ท.กสิกร กล่าว และว่า
นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ยังร่วมบูรณาการของกำลัง 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อดูแลความปลอดภัยพื้นที่สูงสุด โดยมีการจัดวางกำลังหลักทั้งพื้นที่รอบสถานที่เป้าหมาย รวมถึงได้จัดกำลังนอกเครื่องแบบดูแลตามพื้นที่รอบนอกเพื่อเกาะติดความเคลื่อนไหว ซึ่งภารกิจการเกาะติดคราวนี้ได้เน้นการดูแลทุกพื้นที่ครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะไม่พุ่งเป้าดูแลเฉพาะเส้นทางหรือพิกัดที่นายกฯไปเท่านั้น เนื่องจากเมื่อครั้งการเดินทางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาพบว่า แนวร่วมใช้รูปแบบการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ เช่น การนำป้ายข้อความแบ่งแยกดินแดนไปติดตามจุดต่างๆ รวมถึงมีการวางกล่องต้องสงสัยเพื่อป่วนสร้างกระแส ทำให้เป็นบทเรียนที่เจ้าหน้าที่ต้องปิดช่องโหว่นั้น ทำให้คราวนี้ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายวางกำลังให้ครอบคลุมทุกหน่วยเฉพาะกิจเพื่อปิดช่องทางการสร้างสถานการณ์ทุกรูปแบบ
**"สุเทพ"ลั่นปี 53 เพิ่มความเข้มล่าโจรใต้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ รัฐบาลต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต และรายได้ของประชาชนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และมีความสุขได้มาตรฐาน โดยตนจะนำนายกฯไปดูการทำงานและการพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่างๆ เช่น กรณีถนนบางสายที่ผู้รับเหมาเอกชนประมูลงานไปแล้ว แต่ไม่สามารถก่อสร้างได้สำเร็จเนื่องจากมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เราก็ให้ทหารช่างเข้าไปช่วยดำเนินการต่อ และนายกฯจะเป็นประธานเปิดทางหลวง หมายเลข 418 ซึ่งเป็นถนนสี่ช่องจราจร เชื่อมระหว่างยะลา-ปัตตานี นอกจากนั้นจะนำนายกรัฐมนตรีไปดูงานโครงการฟาร์มตัวอย่าง หมู่บ้านประมงและไปเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
"รัฐบาลมีเป้าหมายในการทำงานในพื้นที่ภาคใต้คือการทำให้ประชาชนมีความสุข รักประเทศไทย รักแผ่นดินไทย ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลเมืองไทยเช่นเดียวกันประชาชนคนไทยที่อยู่ จ.เชียงใหม่ อุดรธานี หรือกรุงเทพฯ ไม่เข้าไปสนับสนุนฝ่ายที่ก่อความไม่สงบ ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ในปี 2553 นั้น รัฐบาลจะเพิ่มความเข้มงวดขึ้นโดยเฉพาะตนจะเข้มงวดในเรื่องการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดตามที่ศาลได้ออกหมายจับไว้แล้วไม่ว่าจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหนก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้" นายสุเทพ กล่าว
**นราฯ บุกตรวจค้นทั้วจังหวัดรับนายกฯ
ที่ จ.นราธิวาส พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส และ พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส เป็นผู้อำนวยการในการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กว่า 1,000 นาย ใช้กฎอัยการศึกกระจายกำลังบุกเข้าตรวจค้นพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ 166 เป้าหมาย ตั้งแต่เช้ามืดวานนี้ (6 ม.ค.) เพื่อทะลายเครือข่ายกลุ่มสมาชิกแนวร่วมของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่แฝงตัวเคลื่อนไหวเพื่อประชุมเตรียมวางแผนก่อเหตุร้ายขึ้นในช่วงวันนี้ ในขณะที่นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ อ.รือเสาะ
ทั้งนี้ เนื่องจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.52 ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.นราธิวาส กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้มีการประชุมวางแผนก่อเหตุร้ายขึ้นพร้อมกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บไปหลายราย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบก่อเหตุร้ายซ้ำซากขึ้นอีก ทางเจ้าหน้าท่ทั้ง 3 ฝ่ายใน จ.นราธิวาส จึงได้มีการบุกจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้
สำหรับการตรวจค้นที่ อ.ระแงะ จำนวน 12 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 ราย ที่ อ.ตากใบ ค้น 12 เป้าหมาย จับกุมได้ 1 ราย ที่ อ.สุไหงปาดี ค้น 12 เป้าหมาย จับผู้ต้องหายาเสพติด 2 ราย พร้อมของกลางเฮโรอีน 3.9 กรัม ที่ อ.แว้ง ค้น 12 เป้าหมาย ได้ผู้ต้องหา 6 ราย ที่ อ.ยี่งอ ค้น 14 เป้าหมาย จับผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมพืชกระท่อม 1.1 กรัม และที่ อ.สุคิริน ค้นบ้านไม่มีเลขที่ ม.2 ต.เกียร์ ยึดปืน 1 กระบอก ที่ อ.แว้ง จับผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 ราย ของกลางพืชกระท่อม 740 ใบ ยาแก้ไอ 7 ขวด เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดสอบขยายผลก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย
**ผู้ว่าฯ นราธิวาสตรวจความพร้อมรับนายกฯ
ขณะที่นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจความพร้อมในการเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะ ซึ่งจะเดินทางลงพื้นที่ ม.4 บ้านซือเราะ ต.เรียง อ.รือเสาะ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานมอบบ้านให้กับนางมีเน๊าะ นิลูบี อายุ 50 ปี และนางซูไฮบ๊ะ ลูทำกามิง อายุ 23 ปี ซึ่งทั้ง 2 เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะร่วมเป็นประธานเปิดศาลาละหมาด และร่วมรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานในโครงการแก้ปัญหาที่ทำกินและโครงการทำดีมีอาชีพด้วย
นายธนน กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ต่างดีใจที่จะได้พบนายกรัฐมนตรี ส่วนด้านการดูแลความปลอดภัย ทางกองทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ดูแล ซึ่งมีการวางแผนในการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
**ยะลา รปภ.เข้ม ก่อนนายกฯ ลงพื้นที่
เช่นเดียวกับที่ จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจตราดูแลคงามสงบเรียบร้อย พร้อมตั้งจุดตรวจจุดสกัดอย่างเข้มงวด รวมถึงการวางกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในพื้นที่ล่อแหลมเพื่อเฝ้าระวังพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากวันนี้นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมและเปิดถนนสาย 418 ยะลา-ปัตตานี บริเวณหมู่ 1 บ้านท่าสาป ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา โดยจะมีการปิดถนนบางเส้นทางเพื่อความปลอดภัยของคณะนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางมาเปิดถนนสายดังกล่าว ตลอดจนการทำภารกิจในพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีด้วย
ส่วนที่ จ.ปัตตานี ก็ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ 12 อำเภอของจังหวัดอย่างเข้มงวดเช่นกันโดยเฉพาะเขตรอยต่อระหว่างปัตตานี-นราธิวาส และยะลา กองกำลัง 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามถนนสายหลักและสายรอง พร้อมกับมีการลาดตระเวนในพื้นที่เป้าหมายและการดูแลความปลอดภัยในย่านชุมชนและสถานที่ราชการ โดยผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยได้เน้นย้ำให้มีการตรวจรถทุกชนิด อาวุธต่างๆ และบุคคลเป้าหมายอย่างเข้มงวด
**ปะทะกลางเมืองนราฯ วิฯ โจรใต้ 1 ศพ
เมื่อเวลา 14.45 น. วานนี้ (6 ม.ค.) น.ท.พงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผบ.ฉก.นราธิวาส 33 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส นำกำลังกว่า 30 นาย ใช้กฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในซอยยะกัง 4 ถ.ระแงะมรรคา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส หลังสืบทราบเบาะแสผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้ามากบดาน ปรากฏว่าชายประมาณ 5 คน ในบ้านเช่าดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ และหลบหนีเข้าไปในสวนเงาะห่างจากบ้านประมาณ 150 เมตร จากนั้นเปิดฉากปะทะหลายระลอกนานร่วม 2 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์จากหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางภาคพื้นดิน กระทั่งเสียงปืนสงบเจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่พบผู้เสียชีวิต 1 ราย อยู่ในคูน้ำ มือขวากำปืนพกขนาด .38 มีกระเป๋าคาดเอวใส่ลูกระเบิดแบบขว้างเอ็ม 27 เอ 1 จำนวน 1 ลูก และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
สำหรับผู้เสียชีวิต ชื่อนายดอเลาะ สาและ อายุ 29 ปี แนวร่วมกลุ่มอาร์เคเค หนีคดีลอบวางระเบิดตลาดสดเทศบาลเมืองนราธิวาส เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ระแงะ อ.เมือง และเจาะไอร้อง ส่วนการตรวจค้นภายในบ้านเช่าพบอุปกรณ์ประกอบระเบิดและเครื่องแต่งกายชุดสนาม เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบตามกระบวนการหลักนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อขยายถึงคดีอื่นในพื้นที่