“ผมไม่ต้องการให้มีหวยออนไลน์ แต่ผมต้องแก้ปัญหาว่า รัฐบาลมีข้อผูกพันตามสัญญาที่จะต้องออกหวยออนไลน์ ก็พยายามจะหาทางออกและในทัศนะผมเห็นว่าหากให้มีหวยออนไลน์มันมีข้อเสีย หากหลีกเลี่ยงได้ก็อยากจะหลีกเลี่ยง นี่คือเหตุผลที่จะให้คณะทำงานไปดู”
นี่เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมต่อจากการสั่งให้คณะทำงานโดยมีนายเกียรติ สิทธิอมร เป็นประธานศึกษาดูข้อกฎหมายและการเจรจาทางเลือกของรัฐบาลที่จะไม่ต้องทำคลอดหวยออนไลน์ที่คาราคาซังมานาน ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในโอกาสพิเศษช่วงสิ้นปี 2552 ก่อนที่จะพาครอบครัวไปพักผ่อนช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่
พอเปิดศักราชได้เพียงสามสี่วันหลังจากสื่อหลายสื่อพากันรายงาน เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่พร้อมๆ กับเสียงวิพากษ์ และปฏิกิริยาของคู่สัญญาที่ตามมาทันที
ใครไหนเลยจะคิด หรือกระทั่ง บริษัทล็อกซเล่ย์ จีเทค เทคโนโลยี จำกัดคู่สัญญาก็คงไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องที่ค่อนข้างประหลาดใจจากนายกฯ คล้ายกับคำพูดของนายกฯ เป็นเหมือนฝนหลงฤดูที่มาตกเอาหน้าหนาว หรือจะมองว่าเป็นอาการ “ชักเข้าชักออก” ของรัฐบาลก็ว่าได้
ทั้งนี้ก่อนสิ้นปี 2552 ใครต่างก็คิดว่า ล็อกซเล่ย์ฯ ถูกหวย อะไรๆ ที่เผชิญมานานหลายปีกำลังจะคลี่คลาย ทั้งจากบอร์ดกองสลากฯ ทั้งจากมติครม.รับรอง
...และตามมติสำนักงานสลากกินแบ่ง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2552 หวยออนไลน์ซึ่งจะเป็นเวอร์ชัน “สลากการกุศล” เพื่อลดความแสลงใจห่างไกลจากอบายมุขมอมเมาในการดูแลของล็อกซเล่ย์ก็จะเริ่มออกจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในเดือนสองเดือนจากนี้
ผมเองยอมรับว่าประหลาดใจเมื่อได้รับรู้ข่าวนี้ เพราะถ้าจะวัดกระแสต่อต้านจากสังคมก็ดูจะแผ่วเบาลงไปแล้ว นายกฯ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องมากระชากเรตติ้งเอาในช่วงนี้
มิหนำซ้ำการยกเลิกหวยออนไลน์ย่อมหลีกเลี่ยงปัญหาการฟ้องร้องที่จะตามมา เสี่ยงต่อ “ค่าโง่”ที่รัฐจะต้องจ่ายให้กับเอกชนไม่พ้น
ทว่า ..นี่ยังไม่เท่ากับเหตุและผลของนายกฯ ที่บอกว่า หากให้มีหวยออนไลน์เกิดขึ้นก็จะเป็น “ข้อเสีย” ซึ่งเป็นเรื่องของผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง!
“เราได้เห็นจากรูปแบบของการพนันที่ขยายตัวไปโดยเฉพาะที่ห่วงที่สุดคือ มาตรการที่จะป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้ามา” นายกฯ กล่าวซึ่งไม่บ่อยนักที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้จากรัฐบาลตลอดปีที่เข้ามาบริหารประเทศ
นายอภิสิทธิ์พูดแบบที่ให้คิดและชวนเชื่อได้ว่า รัฐบาลคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนมาก่อน ไม่ใช่แค่คำพูดสวยงามตอนหาเสียงเลือกตั้ง หรือผลประโยชน์ใต้โต๊ะที่นักการเมืองทั้งหลายทำต่อๆ กันมา
นอกจากนี้ ภายหลังต่อมาหากปรากฏว่า เรื่องนี้ถูกยกเลิกได้เพราะเหตุผลนี้ ผมคิดว่า คนส่วนใหญ่จะจดจำและมีความรู้สึกที่ดีต่อรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่ต้องสงสัย
เนื่องเพราะจะได้เชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่กล้าตัดสินใจเห็นแก่ความถูกต้อง ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดต่อสังคมมากกว่าเกรงกลัวการผิดสัญญาแต่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
เหมือนกรณีค่าโง่ทางด่วนบางนา-ชลบุรี หรืออย่างโทลล์เวย์ที่เพิ่งเกิดขึ้น!
ที่ผ่านมารัฐบาลและนักการเมืองผู้ละโมบมักจะเห็นอ่อนข้อให้กับเอกชนยึดถือสัญญาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด โดยลืมไปว่า สัญญานั้นรัฐบาลเสียเปรียบ คนในชาติเสียหาย
วันนี้นับเป็นเรื่องท้าทายรัฐบาลยิ่งที่จะพิจารณาเรื่องหวยออนไลน์ใหม่ เพราะเบื้องต้นล็อกซเล่ย์ฯ คู่สัญญากับรัฐแถลงข่าวชัดเจนว่า พร้อมที่จะต่อสู้เรียกร้องประโยชน์ที่สูญเสียไปราว 3,000 ล้าน
เงิน 3,000 ล้านนี้ประกอบด้วยรายได้ที่คาดว่าจะได้รับและการลงทุนซื้อตู้หวยและอุปกรณ์อื่นๆไปบ้างแล้วไม่นับรวมกับมูลค่าทางบัญชีที่หายวับไปกับตาจากหุ้นที่ถูกเทขายกระหน่ำทันทีที่ทราบข่าวนี้เมื่อวันจันทร์
ล็อกซเล่ย์ฯ ระบุว่า ตามสัญญาแล้วรัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องชดเชยเงินจำนวนไม่น้อยนี้!
การฟ้องร้องเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้ เพราะเอกชนยังไงก็ตามก็ต้องมองเรื่องธุรกิจมาก่อน
ทว่า ล็อกซเล่ย์ฯ ที่เป็นหุ้นส่วนคนไทยก็ออกตัวในฐานะที่เป็นบริษัทคนไทยต้องทำมาหากินกับรัฐบาลว่า ไม่ประสงค์จะฟ้องรัฐบาลแต่หุ้นส่วน (จีเทค) ที่เป็นอเมริกันนั้นคงฟ้องรัฐบาลไทยแน่
“ต่างชาติให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก และไม่สนใจว่าฝ่ายที่ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายจะเป็นรัฐบาลหรือไม่” แถลงข่าวของล็อกซ์เล่ย์ฯ ระบุ
ขณะเดียวกัน ฟากของกระทรวงการคลังเท่าที่นักข่าวหยั่งท่าทีดูเหมือนจะไม่ยี่หระต่อคำขู่ ทางหนึ่งคือ คลังมีเงินเพียงพอ และสองมั่นใจว่าน่าจะพอมีช่องทางในการต่อสู้ได้
อย่างไรก็ดี จะฟ้องร้องชนะหรือแพ้ บทเรียนที่ผ่านมาการต่อสู้ข้อพิพาทแบบนี้ระหว่างรัฐกับเอกชนมักต้องใช้เวลาเนิ่นนาน กระบวนการจ่ายเงินชดเชยยิ่งช้ากว่าช้า พอๆ กับการควานหาคนผิดมาลงโทษ
หวยออนไลน์จึงน่าสนใจว่า ในที่สุดแล้วจะไปจบที่ใด? จะเป็น “หวยล็อก” เจ้ามือกินรวบหรือจะเป็นหวยผีบอกฝันดี-ฝันเด่นประชาชนถูกกันถ้วนทั่ว
นายกฯ อภิสิทธิ์เท่านั้นที่รู้.
นี่เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมต่อจากการสั่งให้คณะทำงานโดยมีนายเกียรติ สิทธิอมร เป็นประธานศึกษาดูข้อกฎหมายและการเจรจาทางเลือกของรัฐบาลที่จะไม่ต้องทำคลอดหวยออนไลน์ที่คาราคาซังมานาน ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในโอกาสพิเศษช่วงสิ้นปี 2552 ก่อนที่จะพาครอบครัวไปพักผ่อนช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่
พอเปิดศักราชได้เพียงสามสี่วันหลังจากสื่อหลายสื่อพากันรายงาน เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่พร้อมๆ กับเสียงวิพากษ์ และปฏิกิริยาของคู่สัญญาที่ตามมาทันที
ใครไหนเลยจะคิด หรือกระทั่ง บริษัทล็อกซเล่ย์ จีเทค เทคโนโลยี จำกัดคู่สัญญาก็คงไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องที่ค่อนข้างประหลาดใจจากนายกฯ คล้ายกับคำพูดของนายกฯ เป็นเหมือนฝนหลงฤดูที่มาตกเอาหน้าหนาว หรือจะมองว่าเป็นอาการ “ชักเข้าชักออก” ของรัฐบาลก็ว่าได้
ทั้งนี้ก่อนสิ้นปี 2552 ใครต่างก็คิดว่า ล็อกซเล่ย์ฯ ถูกหวย อะไรๆ ที่เผชิญมานานหลายปีกำลังจะคลี่คลาย ทั้งจากบอร์ดกองสลากฯ ทั้งจากมติครม.รับรอง
...และตามมติสำนักงานสลากกินแบ่ง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2552 หวยออนไลน์ซึ่งจะเป็นเวอร์ชัน “สลากการกุศล” เพื่อลดความแสลงใจห่างไกลจากอบายมุขมอมเมาในการดูแลของล็อกซเล่ย์ก็จะเริ่มออกจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในเดือนสองเดือนจากนี้
ผมเองยอมรับว่าประหลาดใจเมื่อได้รับรู้ข่าวนี้ เพราะถ้าจะวัดกระแสต่อต้านจากสังคมก็ดูจะแผ่วเบาลงไปแล้ว นายกฯ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องมากระชากเรตติ้งเอาในช่วงนี้
มิหนำซ้ำการยกเลิกหวยออนไลน์ย่อมหลีกเลี่ยงปัญหาการฟ้องร้องที่จะตามมา เสี่ยงต่อ “ค่าโง่”ที่รัฐจะต้องจ่ายให้กับเอกชนไม่พ้น
ทว่า ..นี่ยังไม่เท่ากับเหตุและผลของนายกฯ ที่บอกว่า หากให้มีหวยออนไลน์เกิดขึ้นก็จะเป็น “ข้อเสีย” ซึ่งเป็นเรื่องของผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง!
“เราได้เห็นจากรูปแบบของการพนันที่ขยายตัวไปโดยเฉพาะที่ห่วงที่สุดคือ มาตรการที่จะป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้ามา” นายกฯ กล่าวซึ่งไม่บ่อยนักที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้จากรัฐบาลตลอดปีที่เข้ามาบริหารประเทศ
นายอภิสิทธิ์พูดแบบที่ให้คิดและชวนเชื่อได้ว่า รัฐบาลคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนมาก่อน ไม่ใช่แค่คำพูดสวยงามตอนหาเสียงเลือกตั้ง หรือผลประโยชน์ใต้โต๊ะที่นักการเมืองทั้งหลายทำต่อๆ กันมา
นอกจากนี้ ภายหลังต่อมาหากปรากฏว่า เรื่องนี้ถูกยกเลิกได้เพราะเหตุผลนี้ ผมคิดว่า คนส่วนใหญ่จะจดจำและมีความรู้สึกที่ดีต่อรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่ต้องสงสัย
เนื่องเพราะจะได้เชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่กล้าตัดสินใจเห็นแก่ความถูกต้อง ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดต่อสังคมมากกว่าเกรงกลัวการผิดสัญญาแต่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
เหมือนกรณีค่าโง่ทางด่วนบางนา-ชลบุรี หรืออย่างโทลล์เวย์ที่เพิ่งเกิดขึ้น!
ที่ผ่านมารัฐบาลและนักการเมืองผู้ละโมบมักจะเห็นอ่อนข้อให้กับเอกชนยึดถือสัญญาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด โดยลืมไปว่า สัญญานั้นรัฐบาลเสียเปรียบ คนในชาติเสียหาย
วันนี้นับเป็นเรื่องท้าทายรัฐบาลยิ่งที่จะพิจารณาเรื่องหวยออนไลน์ใหม่ เพราะเบื้องต้นล็อกซเล่ย์ฯ คู่สัญญากับรัฐแถลงข่าวชัดเจนว่า พร้อมที่จะต่อสู้เรียกร้องประโยชน์ที่สูญเสียไปราว 3,000 ล้าน
เงิน 3,000 ล้านนี้ประกอบด้วยรายได้ที่คาดว่าจะได้รับและการลงทุนซื้อตู้หวยและอุปกรณ์อื่นๆไปบ้างแล้วไม่นับรวมกับมูลค่าทางบัญชีที่หายวับไปกับตาจากหุ้นที่ถูกเทขายกระหน่ำทันทีที่ทราบข่าวนี้เมื่อวันจันทร์
ล็อกซเล่ย์ฯ ระบุว่า ตามสัญญาแล้วรัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องชดเชยเงินจำนวนไม่น้อยนี้!
การฟ้องร้องเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้ เพราะเอกชนยังไงก็ตามก็ต้องมองเรื่องธุรกิจมาก่อน
ทว่า ล็อกซเล่ย์ฯ ที่เป็นหุ้นส่วนคนไทยก็ออกตัวในฐานะที่เป็นบริษัทคนไทยต้องทำมาหากินกับรัฐบาลว่า ไม่ประสงค์จะฟ้องรัฐบาลแต่หุ้นส่วน (จีเทค) ที่เป็นอเมริกันนั้นคงฟ้องรัฐบาลไทยแน่
“ต่างชาติให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก และไม่สนใจว่าฝ่ายที่ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายจะเป็นรัฐบาลหรือไม่” แถลงข่าวของล็อกซ์เล่ย์ฯ ระบุ
ขณะเดียวกัน ฟากของกระทรวงการคลังเท่าที่นักข่าวหยั่งท่าทีดูเหมือนจะไม่ยี่หระต่อคำขู่ ทางหนึ่งคือ คลังมีเงินเพียงพอ และสองมั่นใจว่าน่าจะพอมีช่องทางในการต่อสู้ได้
อย่างไรก็ดี จะฟ้องร้องชนะหรือแพ้ บทเรียนที่ผ่านมาการต่อสู้ข้อพิพาทแบบนี้ระหว่างรัฐกับเอกชนมักต้องใช้เวลาเนิ่นนาน กระบวนการจ่ายเงินชดเชยยิ่งช้ากว่าช้า พอๆ กับการควานหาคนผิดมาลงโทษ
หวยออนไลน์จึงน่าสนใจว่า ในที่สุดแล้วจะไปจบที่ใด? จะเป็น “หวยล็อก” เจ้ามือกินรวบหรือจะเป็นหวยผีบอกฝันดี-ฝันเด่นประชาชนถูกกันถ้วนทั่ว
นายกฯ อภิสิทธิ์เท่านั้นที่รู้.