ASTVผู้จัดการรายวัน – ธุรกิจบริการเครื่องบินเช่าเหมาลำรูปแบบ “ไพรเวทเจ็ท” หงอยรับพิษวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง เผยปี52 กิจการไม่เติบโต สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง ยอมรับ ผลประกอบการวูบต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน เฉลี่ยปีละ 10-15% หวังปีหน้าธุรกิจจะสดใส ถ้าไม่มีปัจจัยลบด้านการเมือง ด้านกรุงเทพดุสิตเวชการ ปรับแผนหันรับงานกองถ่ายทำภาพยนตร์-ข่าว หนีตาย
นางสาวจรินทร์ เกียรติเฟื่องฟู กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำแบบ Executive Wings เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องบินเช่าเหมาลำระดับวีไอพีในปี 2552 นี้ไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก และความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ ทำให้เกิดการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจระดับไฮเอนด์ ที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ขณะเดียวกัน ในส่วนของนักธุรกิจและกลุ่มบริษัทองค์กรต่างๆที่เคยใช้บริการ ก็ปรับลดงบประมาณ หรือปรับลดจำนวนครั้งที่จะเดินทางเจรจาธุรกิจในต่างประเทศ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯปีนี้ ปรับตัวลดลง 15% เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 2 ปีซ้อนแล้ว โดยปี 2551 ผลประกอบการก็ลดลงจากปี 2550 ราว 10% ทั้งนี้เพราะช่วงปลายปี มีเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนปี 2552 ที่ลดลงก็เพราะเป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศในช่วงครึ่งปีแรก
“ธุรกิจของสยามแลนด์ ฟลายอิ้ง เป็นการให้บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำในหมวดของไพรเวทเจ็ท สัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการกว่า 80% เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งในที่นี้จะแบ่งเป็น กลุ่มนักธุรกิจ 30% และ นักท่องเที่ยว 70% กลุ่มลูกค้าส่วนใหม่มาจาก ยุโรป อเมริกา และในเอเชียบางประเทศ”
อย่างไรก็ตาม จากยอดจองใช้บริการของลูกค้าที่เริ่มมีเพิ่มมากขึ้นช่วงไฮซีซั่นปีนี้ ทำให้คาดการณ์ว่าในปี 2553 ผลการดำเนินงานของบริษัทฯน่าจะดีขึ้น โดยปัจจัยลบที่จะมีผลคือเรื่องของปัญหาทางการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก เพราะในส่วนของเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นแล้ว แต่ทั้งนี้บริษัทฯก็ยังไม่ปรับขึ้นค่าบริการ
ทั้งนี้ เพราะกลยุทธ์การตั้งราคาค่าบริการต้องดูกับตลาดโลกด้วย เพราะธุรกิจนี้ไม่ได้แข่งขันเฉพาะแค่ผู้ประกอบการในประเทศ แต่ลูกค้าสามารถเริ่มต้นใช้บริการตั้งแต่ประเทศต้นทางได้ ดังนั้นอัตราค่าบริการของบริการไพรเวทเจ็ทจึงไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่บริษัทฯได้เปรียบคู่แข่งขัน คือ มีความชำนาญเส้นทางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงการให้บริการแบบเป็นมิตรตามแบบฉบับของคนไทย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติอยู่แล้ว
ปัจจุบันบริษัทฯมีเครื่องบิน 3 ลำ เป็น รุ่นซูเปอร์คิงส์ 350 ขนาด 8 ที่นั่ง 2 ลำ และ รุ่น ฮอกเกอร์ 850 xp 1 ลำ ขนาด 8 ที่นั่ง เช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะลงทุนซื้อเครื่องบินลำใหม่หรือไม่ โดยจะดูจากปัจจัยด้านการเติบโตของเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่ง เครื่องบิน 1 ลำใช้เงินลงทุนราว 6-14 ล้านเหรียญสหรัฐ
แหล่งข่าวจากบริษัทกรุงเทพดุสิต เวชการ ผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งมีธุรกิจในเครือที่ให้บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำในรูปแบบไพรเวทเจ็ท เช่นกัน ได้กล่าวยอมรับว่า ผลประกอบการในส่วนของการให้บริการเครื่องบินไพรเวทเจ็ทปีนี้ ไม่เติบโตเช่นกัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยลูกค้าที่ใช้บริการ แบ่งเป็นคนไทยและชาวต่างชาติอย่างละ 50% ประกอบด้วยนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการให้บริการขนย้ายผู้ป่วยจากต่างจังหวัดหรือประเทศเพื่อนบ้านเข้ามารักษาตัวที่ โรงพยาบาลในกรุงเทพฯด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 บริษัทฯได้ปรับแผนการตลาด โดยจะขยายตลาดให้บริการแก่กลุ่มกองถ่ายทำภาพยนตร์และใช้เพื่อการรายงานข่าว จากปัจจุบัน มีสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เป็นลูกค้าที่ใช้บริการอยู่
นางสาวจรินทร์ เกียรติเฟื่องฟู กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำแบบ Executive Wings เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องบินเช่าเหมาลำระดับวีไอพีในปี 2552 นี้ไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก และความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ ทำให้เกิดการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจระดับไฮเอนด์ ที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ขณะเดียวกัน ในส่วนของนักธุรกิจและกลุ่มบริษัทองค์กรต่างๆที่เคยใช้บริการ ก็ปรับลดงบประมาณ หรือปรับลดจำนวนครั้งที่จะเดินทางเจรจาธุรกิจในต่างประเทศ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯปีนี้ ปรับตัวลดลง 15% เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 2 ปีซ้อนแล้ว โดยปี 2551 ผลประกอบการก็ลดลงจากปี 2550 ราว 10% ทั้งนี้เพราะช่วงปลายปี มีเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนปี 2552 ที่ลดลงก็เพราะเป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศในช่วงครึ่งปีแรก
“ธุรกิจของสยามแลนด์ ฟลายอิ้ง เป็นการให้บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำในหมวดของไพรเวทเจ็ท สัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการกว่า 80% เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งในที่นี้จะแบ่งเป็น กลุ่มนักธุรกิจ 30% และ นักท่องเที่ยว 70% กลุ่มลูกค้าส่วนใหม่มาจาก ยุโรป อเมริกา และในเอเชียบางประเทศ”
อย่างไรก็ตาม จากยอดจองใช้บริการของลูกค้าที่เริ่มมีเพิ่มมากขึ้นช่วงไฮซีซั่นปีนี้ ทำให้คาดการณ์ว่าในปี 2553 ผลการดำเนินงานของบริษัทฯน่าจะดีขึ้น โดยปัจจัยลบที่จะมีผลคือเรื่องของปัญหาทางการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก เพราะในส่วนของเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นแล้ว แต่ทั้งนี้บริษัทฯก็ยังไม่ปรับขึ้นค่าบริการ
ทั้งนี้ เพราะกลยุทธ์การตั้งราคาค่าบริการต้องดูกับตลาดโลกด้วย เพราะธุรกิจนี้ไม่ได้แข่งขันเฉพาะแค่ผู้ประกอบการในประเทศ แต่ลูกค้าสามารถเริ่มต้นใช้บริการตั้งแต่ประเทศต้นทางได้ ดังนั้นอัตราค่าบริการของบริการไพรเวทเจ็ทจึงไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่บริษัทฯได้เปรียบคู่แข่งขัน คือ มีความชำนาญเส้นทางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงการให้บริการแบบเป็นมิตรตามแบบฉบับของคนไทย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติอยู่แล้ว
ปัจจุบันบริษัทฯมีเครื่องบิน 3 ลำ เป็น รุ่นซูเปอร์คิงส์ 350 ขนาด 8 ที่นั่ง 2 ลำ และ รุ่น ฮอกเกอร์ 850 xp 1 ลำ ขนาด 8 ที่นั่ง เช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะลงทุนซื้อเครื่องบินลำใหม่หรือไม่ โดยจะดูจากปัจจัยด้านการเติบโตของเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่ง เครื่องบิน 1 ลำใช้เงินลงทุนราว 6-14 ล้านเหรียญสหรัฐ
แหล่งข่าวจากบริษัทกรุงเทพดุสิต เวชการ ผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งมีธุรกิจในเครือที่ให้บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำในรูปแบบไพรเวทเจ็ท เช่นกัน ได้กล่าวยอมรับว่า ผลประกอบการในส่วนของการให้บริการเครื่องบินไพรเวทเจ็ทปีนี้ ไม่เติบโตเช่นกัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยลูกค้าที่ใช้บริการ แบ่งเป็นคนไทยและชาวต่างชาติอย่างละ 50% ประกอบด้วยนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการให้บริการขนย้ายผู้ป่วยจากต่างจังหวัดหรือประเทศเพื่อนบ้านเข้ามารักษาตัวที่ โรงพยาบาลในกรุงเทพฯด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 บริษัทฯได้ปรับแผนการตลาด โดยจะขยายตลาดให้บริการแก่กลุ่มกองถ่ายทำภาพยนตร์และใช้เพื่อการรายงานข่าว จากปัจจุบัน มีสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เป็นลูกค้าที่ใช้บริการอยู่
