xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวเด่น ประเด็นดัง ปี '52 จากสงกรานต์เลือด ยิงสนธิ ถึงสังหารโหด “สุนัทที”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนเสื้อแดงเผาเมืองเมื่อเดือน เม.ย.
อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีฉลู –ปีวัวบ้า– ปีที่เกิดเหตุการณ์สับสนวุ่นวายต่างๆ นานาขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่ดูเหมือนจะร่วมด้วยช่วยกัน “โหมแรงไฟ” กระหน่ำซ้ำเติมกันไม่หยุดหย่อน จนผู้คนทั้งประเทศต่างก็ตกอยู่ในสภาพ “สะบักสะบอม” ไปตามๆ กัน ปีที่ผ่านมานี้จึงถือเป็นปีแห่งความ “สับสนวุ่นวาย” ระส่ำระสายไปทุกทิศทั่วไทยกันเลยทีเดียว แต่ในความระส่ำระสายก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่เป็นมิ่งมงคลให้คนไทยได้มีความสุขกันถ้วนหน้า

ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ได้รวบรวมข่าวเด่นประเด็นดัง ที่เกิดขึ้นในรอบปี 2552 มานำเสนอเพื่อทบทวนความจำกัน แม้ว่าบางเรื่องจะน่าจดจำ และบางเรื่องก็อยากจะลืมเลือน แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนคือ "ประวัติศาสตร์" คืออดีตที่เราต้องศึกษาเรียนรู้ เพื่อก้าวย่างอย่างมีสติต่อไปในอนาคต...

1. สงกรานต์วิปโยค! “เสื้อแดง” ปิดกรุงเทพฯ เผา!

กรุงเทพฯ ต้องตกอยู่ในภาวะมิคสัญญี ในช่วงวันสงกรานต์ เมื่อคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมเพื่อหวังเผด็จศึกรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะโดยยึดรถเมล์ ปิดถนน ปาระเบิด ทุบเอทีเอ็ม เผาอาคาร ศธ.ป่วนทั้งเมือง และนำรถบรรทุกก๊าซแอลพีจีขนาดใหญ่ไปจอดตามจุดต่างๆ เช่น หน้าแฟลตดินแดง ส่งผลให้ชาวแฟลตไม่พอใจ ออกมาต่อต้าน ส่งผลให้ชาวบ้านรวมตัวกันออกมาขับไล่ จนเกิดการปะทะกัน โดยชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย ไม่เท่านั้น ม็อบเสื้อแดงยังมีการยิงปืนเข้าใส่มัสยิด และเผารถเมล์อีกหลายจุด รวมทั้งเผาอาคารและปาระเบิดเพลิงเข้าไปในสถานที่ราชการหลายแห่ง จนกรุงเทพฯ ในช่วงสงกรานต์ไม่ต่างอะไรกับเกิดสงครามกลางเมือง กระทั่งกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องเข้าทำการสลายการชุมนุมที่ปิดกันถนนบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 13 เม.ย. จนมีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก สุดท้ายหลังจากนายอภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เมื่อวันที่ 12 เม.ย. สถานการณ์ก็คลี่คลายลงและนาย วีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดงก็ชิงประกาศยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 เม.ย.

2. มือมืดลอบฆ่า “สนธิ” ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนับร้อยนัด!

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. เวลา 05.40น. ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้รถปิกอัพเป็นพาหนะ ควงอาวุธสงครามหลายชนิดยิงถล่มรถยนต์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จนพรุนไปทั้งคัน เหตุเกิดบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ใกล้สี่แยกบางขุนพรหม เขตพระนคร ส่งผลให้นายสนธิซึ่งนั่งที่เบาะหลัง ถูกเศษกระสุนเจาะเข้าบริเวณขมับข้างขวา และกระสุนถากบริเวณหน้าอก

ทั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯ ได้เปิดแถลงการณ์โดยเชื่อว่า สาเหตุของการลอบยิงนายสนธิเป็นเรื่องทางการเมือง และเป็นฝีมือของคนในเครื่องแบบ เพราะคนทั่วไปหรือซุ้มมือปืนคงไม่สามารถดำเนินการในช่วงที่ กทม.อยู่ภายใต้การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ โดยเป็นแผนยิงนัดเดียวได้นก 4 ตัว1.เป็นเกมที่ต้องการล้มรัฐบาล 2.หวังว่าเมื่อสนธิดับ ASTV ก็ต้องสิ้นชีพ 3.หวังผลว่า เมื่อสนธิดับ พันธมิตรฯ ก็จะอ่อนกำลังลง และ 4.สั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล พร้อมได้เรียกร้องให้นายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดหาตัวผู้ปฏิบัติการและผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้

3. โลกผวา ‘ไข้หวัดใหญ่ 2009’

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถือเป็นโรคภัยที่น่าหวาดผวาและระบาดมากที่สุดในรอบปี 52 โดยคร่าชีวิตคนทั่วโลกไม่น้อยกว่า 12,954 ราย เป็นโรคติดต่อที่คนทั้งโลกหวั่นกลัวและไม่อาจไว้วางใจได้ โรคไข้หวัดหมูหรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นี้ เริ่มพบการแพร่ระบาดที่ประเทศเม็กซิโก และบางรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเพิ่มระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาดมาเป็นระดับ 5 นั่นหมายถึงการระบาดของโรคไม่ได้อยู่แค่ระดับเมืองหรือจังหวัดเท่านั้น แต่เป็นระดับประเทศแล้ว

ขณะที่ไทยได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโรคให้เข้มงวดรัดกุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งล่าสุด สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา 13-19 ธ.ค.52 มีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 54 คน ใน 13 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน เป็นหญิงอายุ 21 ปี ส่วนยอดสะสมตั้งแต่เดือนพ.ค.-19 ธ.ค.52 มีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่ 2009 รวม 29,886 คนเสียชีวิต 191 คน ซึ่งจากการคาดการณ์ของนักวิชาการพบว่า โรคนี้จะยังระบาดต่อเนื่องไปจนถึงกลางปีหน้า

4. แพนด้าน้อยฟีเวอร์/เคอิโงะตามหาพ่อ

นับตั้งแต่แพนด้าน้อย หลินปิง ถือกำเนิดขึ้นมา สื่อทุกแขนงต่างนำเสนอข่าวไม่เว้นแต่ละวัน เป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ออกรายการโทรทัศน์ทุกช่อง มีการถ่ายทอดสดในลักษณะเรียลิตี้ผ่านเครือข่ายโทรทัศน์วงจรปิดในสวนสัตว์และอินเทอร์เน็ต มีรายการเรียลิตี้นำเสนอชีวิตครอบครัวหมีแพนด้า “หลินปิง” ทางสื่อโทรทัศน์ในช่องทรูวิชั่นส์ตลอด24 ชั่วโมง ส่งผลให้การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้ง จนทำให้สวนสัตว์เชียงใหม่มีรายได้เพิ่มขึ้น (หลังจากแพนด้าน้อยเกิด) รวมรายได้ปีละ 208 ล้านบาท

ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่น่าเอ็นดู อยู่ในความสนใจ และคนไทยทั้งประเทศเอาใจช่วยมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของเด็กชาย "เคอิโงะ" เด็กชายยอดกตัญญูผู้ประกาศตามหาพ่อบังเกิดเกล้าชาวญี่ปุ่น ตามคำสั่งเสียของมารดาชาวไทย บริเวณหน้าพระอุโบสถวัดท่าหลวง จนกลายเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนทั้งในไทย และญี่ปุ่น จนกระทั่งวันหนึ่งความพยายามของเด็กชายเคอิโงะก็ประสบผลสำเร็จ เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับพ่อทางโทรศัพท์ จากการประสานงานของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นำมาสู่การพบกันของสองพ่อลูกเป็นครั้งแรกในที่สุด ปัจจุบัน ด.ช.เคอิโงะ กำลังศึกษาในชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนอนุบาลเมืองท่าหลวงสงเคราะห์ อ.เมือง จ.พิจิตร

5. 'ก.ต.ช.' หักหน้า 'อภิสิทธิ์' ค้าน 'ปทีป' ขึ้น ผบ.ตร.

การประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เป็นประธาน ในวันที่ 20 ส.ค.ว่าใครจะได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค. หลังใช้เวลาประชุมประมาณชั่วโมงครึ่ง ปรากฏว่าที่ประชุมยังไม่ได้ชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ และนายกฯ จะตัดสินใจนัดประชุมใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป เพียงคนเดียวให้ที่ประชุม ก.ต.ช.พิจารณา แต่ก.ต.ช.บางคนเสนอชื่อ พล.ต.อ.จุมพล ขึ้นมาเปรียบเทียบ นายอภิสิทธิ์ได้เสนอให้ที่ประชุมโหวตลงมติสนับสนุน พล.ต.อ.ปทีปเป็น ผบ.ตร. ปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติ 5 : 4 คัดค้าน หลังที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เสนอชื่อบุคคลอื่นให้ ก.ต.ช.พิจารณาเห็นชอบ พร้อมทั้งสั่งเลื่อนการพิจารณาว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ออกไปโดยไม่มีกำหนด

มีรายงานว่า ปฏิบัติการณ์หักโผแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้ เกิดจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ซึ่งหนุน พล.ต.อ.จุมพล ให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ โดยได้ประสานกับนายเนวิน ชิดชอบ เดินเกมล็อบบี้กรรมการ ก.ต.ช.ให้หนุน พล.ต.อ.จุมพล ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้นายอภิสิทธิ์และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เป็นอันมาก โดยนายอภิสิทธิ์ ยืนยัน จะยังคงสนับสนุน พล.ต.อ.ปทีปเป็น ผบ.ตร.โดยบอกว่า “หากทำไม่ได้ ผมก็จะยุบสภา” จนถึงขณะนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มี ผบ.ตร. คนใหม่สักที

6.ปรากฏการณ์คนไทยรักในหลวง

หลังจากที่สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร และเสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ประชาชนทุกหมู่เหล่าก็ได้ทยอยไปร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราชกันอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมใจกันถวายพระพรให้พระองค์หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน จากนั้นความวิตกกังวลของคนไทยทั้งประเทศก็หายไป เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรากฏพระองค์ให้ได้ชื่นชมพระบารมีถึง 3 ครั้งด้วยกันคือในวันปิยะมหาราช การเสด็จลอยพระประทีปและการเสด็จออกมหาสมาคมในวันที่ 5 ธ.ค. ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สร้างความสุขให้แก่คนไทยทั้งประเทศ

นอกจากนั้น เนื่องในวาระอันเป็นมหามงคล ทางรัฐบาลได้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษาที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าและถนนราชดำเนินด้วย ภายใต้ชื่องาน 'พ่อ...The Greatest of The Kings The Greetings of The Land' ระหว่างวันที่ 5-13 ธ.ค. โดยมีประชาชนพร้อมใจกันใส่เสื้อสีชมพูมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

และเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 35 ซึ่งเป็นแถลงการณ์ที่ทำให้ความไม่สบายใจของคนไทยหมดไปโดยสิ้นเชิง เพราะในแถลงการณ์ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวรมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังประทับพักฟื้นอยู่ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้คณะแพทย์ทำกายภาพบำบัดถวาย เพื่อฟื้นฟูพระวรกาย และเพิ่มกำลังพระกล้ามเนื้อ ตลอดจนถวายพระกระยาหารบำรุงตามหลักโภชนาการต่อไป

7. รถไฟตกรางที่หัวหิน ตาย 7 เจ็บ 70 !

เมื่อวันที่ 5 ต.ค.เวลา 04.42 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถไฟขบวนรถด่วนที่ 84 (ตรัง-กรุงเทพฯ) ซึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เกิดตกรางบริเวณสถานีเขาเต่า ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และได้รับบาดเจ็บ 70 ราย ทั้งนี้ โศกนาฏกรรมดังกล่าวในเวลาต่อมาได้กลายเป็นปัญหาที่ลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นประท้วงหยุดเดินรถไฟในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้ว่าฯ รถไฟและนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จนถึงขั้นมีคำสั่งไล่ออกพนักงาน ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบหายไปในเวลาต่อมา

8. ลากคอ “ราเกซ สักเสนา” ดำเนินคดีในไทย

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ศาลสูงแคนาดา ได้พิพากษาคดีที่นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ หรือบีบีซี ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ ยื่นฎีกาคัดค้านความเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมประเทศแคนาดาที่เห็นชอบให้ส่งตัวนายราเกซกลับมาดำเนินคดีในไทยตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ประเทศแคนาดามีคำสั่งให้ส่งตัว โดยศาลฯ พิพากษาให้ยกคำร้องของนายราเกซ ส่งผลให้นายราเกซถูกส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ไทย นับเป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์แคนาดา หลังจากนายราเกซพยายามดิ้นรนเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งตัว โดยกินเวลายาวนานถึง 12 ปีเศษ สำหรับคดียักยอกทรัพย์บีบีซีนี้ นายราเกซได้ร่วมกับนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการบีบีซี อนุมัติเงินกู้ให้บริษัท ซิตี้เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 1,657 ล้านบาทโดยทุจริต เกินอำนาจหน้าที่และไม่มีการประเมินราคาหลักประกันอย่างถูกต้อง ซึ่งอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องตั้งแต่เดือน ก.ย.2539

9. ฮุน เซน, ทักษิณ และละครแหกตา กัมพูชาจับวิศวกรไทย

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ทางการกัมพูชาได้ออกประกาศแต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีจำคุก 2 ปีที่ไทยกำลังต้องการตัว ให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาและเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา นอกจากนี้นายฮุน เซน ยังได้ประกาศจะไม่ส่งตัว ทักษิณให้ไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนด้วย โดยอ้างว่า คดีของ ทักษิณเป็นคดีที่มาจากแรงจูงใจทางการเมือง หลังจากนั้นรัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบโต้การกระทำของกัมพูชาโดยการเรียกเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศ

หลังจากตอบรับเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวนายฮุน เซน และที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาแล้ว นช.ทักษิณ นักโทษหนีคดี ก็ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ เดอะ ไทม์ส ออฟ ลอนดอน โดยคำสัมภาษณ์มีลักษณะจาบจ้วงดูหมิ่นให้ร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนละครแหกตา กัมพูชาจับวิศวกรไทย นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ก็ถูกสังคมจับได้ว่า เป็นแผนที่นช.ทักษิณร่วมมือกับนายฮุนเซนเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เพราะเมื่อศาลกรุงพนมเปญพิพากษาว่านายศิวรักษ์มีความผิดจริงในข้อหาจารกรรม แต่ไม่นานนักกษัตริย์นโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา ได้พระราชทานอภัยโทษแก่นายศิวรักษ์ แถมยังมีการต้อนรับอย่างสมเกียรติ

10. สมัคร สุนทรเวช ถึงแก่อนิจกรรม

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบหลังป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ และเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา สิริรวมอายุ 74 ปี นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของไทย โดยดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-9 ก.ย.2551 แต่หลุดจากตำแหน่งเนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัด รธน.จากกรณีเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไปบ่นไป”

11. สังหารโหด 'สุนัทที เนื่องจำนงค์'/ฆ่าหั่นศพน้องโช

ปฏิบัติการสังหารโหด นางสุนัทที เนื่องจำนงค์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนสำคัญ เจ้าของโครงการไพร์ม เนเจอร์ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา สร้างความสั่นสะเทือนไปในหลากหลายวงการ เนื่องเพราะนางสุนัททีไม่ใช่แค่ไฮโซหรือนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ธรรมดาๆ หากแต่เป็นน้องสาวของ 'นายพิพัฒน์ โรจน์วานิชชากร' หรือ 'เสี่ยฮวด' ผู้กว้างขวางแห่งอำเภอบ้านบึงและอำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี ที่ถูกกลุ่มมือปืนใช้อาวุธสงครามทั้งปืนอาก้าและเอ็ม 16 ดับชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน และที่สำคัญ นางสุนัททียังเป็นภรรยาของ พล.ต.ต.ปิยะชาติ เนื่องจำนงค์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวจากภรรยาคนแรกของ 'นายประโยชน์ เนื่องจำนงค์' อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนความคืบหน้าการคลี่คลายคดีมือปืนสังหารโหดนางสุนัทที เจ้าหน้าที่ตำรวจพุ่งประเด็นการสังหารน่าจะมาจากเรื่องมรดก

และอีกหนึ่งคดีสะเทือนขวัญ คือ พบศพเด็กชายวัย 5 ขวบ ถูกฆ่าหั่นศพทิ้งย่านตลิ่งชัน และตำรวจเชื่อว่า อาจมีส่วนเกี่ยวโยงกับคดีพบศพหญิงสาวที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานีนั้น ปรากฎว่า นายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพฯ ได้ติดต่อขอมอบตัวโดยยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าเด็กชายวัย 5 ขวบ นายศิริพงษ์ ให้การว่า ได้ก่อเหตุฆ่า นางสาวสุนันท์ ศรีสุวรรณ และลูกหลงพลาดไปถูกเด็กชายโช มาคิโน อายุ 5 ปี บุตรชายนางสุนันท์ ลูกชายของผู้ตาย หลังเกิดเหตุ ได้นำศพนางสาวสุนันท์ ไปทิ้งบริเวณป่าละเมาะ อ.ลาดหลุมแก้ว ระหว่างนั้นมีรถสายตรวจขับผ่านมา จึงนำศพน้องโช วัย 5 ขวบ กลับมาที่บ้านพักย่านบางบัวทอง โดยอุ้มศพน้องโชไปล้างคราบเลือดที่ติดเปื้อนตัวอยู่ตามร่างกาย แล้วใช้มีดหั่นชำแหละศพ เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปทิ้ง ขณะลงมือใช้มีดหั่นศพน้องโชเพื่ออำพรางคดียอมรับว่าทำทั้งน้ำตา เนื่องจากสงสาร เพราะตนเลี้ยงและอบรมสั่งสอนน้องโชมาตั้งแต่เด็ก

สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบยิงิย่างอุกอาจกลางกรุง เมื่อ 17 เม.ย.


น้องเคอิโงะ ได้พบพ่อชาวญี่ปุ่น
สมัคร สุนทรเวช


สุนทที เนื่องจำนงค์
มือหั่นศพน้องโชกราบเท้าแม่
กำลังโหลดความคิดเห็น