แม้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยึดมั่นในอุดมการณ์โค่นล้มระบอบทักษิณ-ทุนสามานย์ ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ทุกครั้งที่พี่น้องถูกสัตว์นรกลอบทำร้ายด้วยอาวุธสงคราม อย่างกรณีล่าสุดที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน สร้างความโกรธแค้นไม่เพียงแต่พี่น้อง พธม.เท่านั้น สังคมที่รักความเป็นธรรมก็ยังรุมประณามสาปแช่งกลุ่มผู้กระทำ
ก่อนหน้าจะมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 สวะกองทัพอย่าง “เศษดอ” ออกมาข่มขู่ พธม.ไม่ให้มีการชุมนุม เหมือนเช่นที่เคยทำเมื่อครั้งชุมนุมกันที่ทำเนียบฯ หลังจากนั้นก็เกิดเหตุตรงตามที่มันขู่ เหมือนเช่นที่มีการลอบทำร้ายที่ทำเนียบฯ อีกเช่นกัน เศษดอไม่ใช่หมอดูแต่ข่มขู่ทักทายแม่นยำกว่าหมอดู ย่อมเป็นที่น่าสงสัยเป็นธรรมดา อย่างเดียวที่เศษดอพูดผิด คือ “เหตุการณ์ที่สนามหลวงเป็นคนละกลุ่มกับที่ยิงใส่ผู้ชุมนุมในทำเนียบฯ และดอนเมือง”
ลองมาย้อนอดีตกันสักนิด...เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เวลาประมาณ 17.30 น. เศษดอกับพวกซึ่งเป็นชายฉกรรจ์จำนวน 7 คน สวมชุดลายพรางทหารและบางคนสวมเสื้อยืดสีดำ นั่งมาในรถตู้สีขาวยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนตรากงจักร 10477 แล่นเข้าไปในทำเนียบฯ ตรงบริเวณรั้วด้านหน้าสนามหญ้า ตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้น เศษดอเดินนำชายกลุ่มนั้นไปที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยฯ แล้วชี้ตรงจุดตกของระเบิดเอ็ม 79 ที่มีการยิงใส่ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ก่อนหน้าที่มีการชุมนุม ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก หลังจากชี้จุดแล้วทั้งหมดก็พากันไปตั้งแถวถ่ายรูปหมู่ตรงด้านหน้าสนามหญ้าหน้าตึกไทยฯ อย่างอารมณ์ดีมีรอยยิ้มทุกคน
หลังจากวันนั้น มีวันหนึ่งเศษดอและพวก ได้เดินทางไปยังวัดแห่งหนึ่งที่ จ.ชลบุรี เพื่อไปทำสังฆทาน พระที่วัดนั้นถามว่าต้องการอุทิศให้ใคร เศษดอบอกอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปในทำเนียบฯ ระหว่าง พธม.ชุมนุม...
รวมทั้งล่าสุดที่มีภาพเศษดอโพสต์ท่ากับสองทรราชที่ประเทศเพื่อนบ้าน บอกนัยชัดเจนถึงการเดินทางไปรับงานและเงินมาเล่นงาน พธม.และประการสำคัญเกี่ยวข้องโดยตรงกับการลอบยิง พธม.ด้วยปืนเอ็ม 79 ทุกครั้ง
และทุกครั้งหลังก่อเหตุ พวกมันย่ามใจแห่ไปโพสต์เล่าความริยำสู่กันฟังในเว็บไซต์เศษดอ
เหล่านี้ชี้ชัดมัดแน่นมาโดยตลอดว่า เศษดอผู้นี้ คือ ผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มคนร้ายตัวจริง ไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่ยิงเข้าทำเนียบฯ สถานีเอเอสทีวี ดอนเมือง และสนามหลวง และเชื่อว่ามันกับพวกเตรียมแผนจะลอบทำร้ายครั้งต่อไป โดยเฉพาะแกนนำสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเมื่อวันที่ 15 นั้นเป้าหมายจริงๆ คือสนธิ ลิ้มฯ แต่พลาด เพราะบริเวณดังกล่าวแวดล้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และภารกิจของแกนนำทั้ง 5 ยังไม่จบ!
เชื่อว่า พฤติกรรมของนายทหารชั้นสวะคนนี้ ตำรวจ รัฐบาล โดยเฉพาะกองทัพ รู้ดีว่าเป็นฝีมือใคร?
ตั้งแต่ที่ พธม.โดนยิงที่ทำเนียบฯ มาแล้วที่ตำรวจเพิกเฉย คดีไม่คืบหน้า และทหารใหญ่ออกมาปฏิเสธทันควันว่า ทหารไม่เกี่ยว!
นั่นเป็นเจตนาที่สอดคล้องต้องกัน ทั้งยังสอดคล้องไปถึงรัฐบาล อีกทั้งสอดคล้องไปถึงกลไกรัฐบาล โดยเฉพาะสื่อของรัฐภายใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ รัฐมนตรีไซต์กะทัดรัดถูกด่ายับรายวันว่าทำงานไม่เป็น ขาดทั้งความกล้าและวิสัยทัศน์อย่างแรง ทั้งที่ก่อนหน้าจะได้เป็นรัฐบาล สาธิต ไม่ใช่คนเช่นนี้ แต่ที่ต้องยอมงอมืองอเท้านั่นเพราะมีสาเหตุ
สาเหตุที่ว่าคืออะไร?
ประการแรก ต้องไม่ลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลได้ ภายใต้จินตนาการของสุเทพ เทือกสุบรรณ มองว่า เพราะพรรคภูมิใจไทย ในอุ้งอำนาจบารมีของ เนวิน ชิดชอบ ทำให้พรรค ปชป.จะขยับแต่ละครั้งต้องอยู่ในสายตาสุเทพและเนวิน อย่างที่สังคมทราบกันดี
ประการที่สอง รัฐมนตรี ปชป.หรือแม้แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่อาจโยกย้ายข้าราชการที่เป็นคนของระบอบทักษิณได้สำเร็จ โดยเฉพาะกรมประชาสัมพันธ์ และสถานีโทรทัศน์ในเครือข่ายรัฐบาล นั่นเพราะเนวินไม่อนุญาต แม้วันนี้เนวินจะอยู่คนละขั้วกับ นช.ทักษิณ ชินวัตร แต่การเล่นการเมืองแบบเพลย์เซฟ แย้มรูระบายเล็กๆ ย่อมปลอดภัยกว่า อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากเลือกตั้งครั้งใหม่ ปชป.ไม่ได้เสียงข้างมาก หรือตัวแทนทักษิณเข้าที่หนึ่ง โอกาสที่จะได้ร่วมรัฐบาลกับนายเก่าและไม่ถูกชำระแค้นย่อมเป็นไปได้
ดังนั้น เหตุผลที่นายเนวินรักษาข้าราชการระบอบทักษิณไว้ โดยผ่านทางนายสุเทพ คือ ไม่ต้องการสร้างศัตรู และแปรฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวก เพียงเหตุผลนี้ก็ไม่มีใครกล้าหือ!
ประการที่สาม ทั้งกองทัพและตำรวจเอากับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะตำรวจในระบอบทักษิณ หลายนายพัวพันกับคดีสำคัญๆ ทางการเมือง มีโอกาสติดคุก การรู้รักษาตัวรอดนั่นคือ เข้าหาขั้วอำนาจ แม้วันนี้ส่วนหัวจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ระบอบทักษิณฝังรากลึกยากแท้ที่จะปลิดได้หมดเปลือก
เพราะนั้นไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างไรกับ พธม.ซึ่งนอกจากจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณแล้ว ยังอยู่คนละขั้วกับพรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคปชป.บางคนเสียด้วยซ้ำ
จึงไม่แปลกที่สวะเศษดอและพวกจะเหิมเกริมท้าทายกฎหมายด้วยวิธีการสกปรก ลอบทำร้าย พธม.ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ยังเชิดหน้าอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
ดังนั้น นับแต่นี้ พธม.ต้องไม่เพียงแต่เดินเกมอย่างระมัดระวังเท่านั้น หากยังจะต้องโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามให้สมเหตุสมผลในแต่ละสถานการณ์ด้วย โดยเฉพาะจับเป้าให้ถูกและรุกตอบอย่างมีประสิทธิภาพ.
ก่อนหน้าจะมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 สวะกองทัพอย่าง “เศษดอ” ออกมาข่มขู่ พธม.ไม่ให้มีการชุมนุม เหมือนเช่นที่เคยทำเมื่อครั้งชุมนุมกันที่ทำเนียบฯ หลังจากนั้นก็เกิดเหตุตรงตามที่มันขู่ เหมือนเช่นที่มีการลอบทำร้ายที่ทำเนียบฯ อีกเช่นกัน เศษดอไม่ใช่หมอดูแต่ข่มขู่ทักทายแม่นยำกว่าหมอดู ย่อมเป็นที่น่าสงสัยเป็นธรรมดา อย่างเดียวที่เศษดอพูดผิด คือ “เหตุการณ์ที่สนามหลวงเป็นคนละกลุ่มกับที่ยิงใส่ผู้ชุมนุมในทำเนียบฯ และดอนเมือง”
ลองมาย้อนอดีตกันสักนิด...เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เวลาประมาณ 17.30 น. เศษดอกับพวกซึ่งเป็นชายฉกรรจ์จำนวน 7 คน สวมชุดลายพรางทหารและบางคนสวมเสื้อยืดสีดำ นั่งมาในรถตู้สีขาวยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนตรากงจักร 10477 แล่นเข้าไปในทำเนียบฯ ตรงบริเวณรั้วด้านหน้าสนามหญ้า ตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้น เศษดอเดินนำชายกลุ่มนั้นไปที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยฯ แล้วชี้ตรงจุดตกของระเบิดเอ็ม 79 ที่มีการยิงใส่ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ก่อนหน้าที่มีการชุมนุม ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก หลังจากชี้จุดแล้วทั้งหมดก็พากันไปตั้งแถวถ่ายรูปหมู่ตรงด้านหน้าสนามหญ้าหน้าตึกไทยฯ อย่างอารมณ์ดีมีรอยยิ้มทุกคน
หลังจากวันนั้น มีวันหนึ่งเศษดอและพวก ได้เดินทางไปยังวัดแห่งหนึ่งที่ จ.ชลบุรี เพื่อไปทำสังฆทาน พระที่วัดนั้นถามว่าต้องการอุทิศให้ใคร เศษดอบอกอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปในทำเนียบฯ ระหว่าง พธม.ชุมนุม...
รวมทั้งล่าสุดที่มีภาพเศษดอโพสต์ท่ากับสองทรราชที่ประเทศเพื่อนบ้าน บอกนัยชัดเจนถึงการเดินทางไปรับงานและเงินมาเล่นงาน พธม.และประการสำคัญเกี่ยวข้องโดยตรงกับการลอบยิง พธม.ด้วยปืนเอ็ม 79 ทุกครั้ง
และทุกครั้งหลังก่อเหตุ พวกมันย่ามใจแห่ไปโพสต์เล่าความริยำสู่กันฟังในเว็บไซต์เศษดอ
เหล่านี้ชี้ชัดมัดแน่นมาโดยตลอดว่า เศษดอผู้นี้ คือ ผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มคนร้ายตัวจริง ไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่ยิงเข้าทำเนียบฯ สถานีเอเอสทีวี ดอนเมือง และสนามหลวง และเชื่อว่ามันกับพวกเตรียมแผนจะลอบทำร้ายครั้งต่อไป โดยเฉพาะแกนนำสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเมื่อวันที่ 15 นั้นเป้าหมายจริงๆ คือสนธิ ลิ้มฯ แต่พลาด เพราะบริเวณดังกล่าวแวดล้อมด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และภารกิจของแกนนำทั้ง 5 ยังไม่จบ!
เชื่อว่า พฤติกรรมของนายทหารชั้นสวะคนนี้ ตำรวจ รัฐบาล โดยเฉพาะกองทัพ รู้ดีว่าเป็นฝีมือใคร?
ตั้งแต่ที่ พธม.โดนยิงที่ทำเนียบฯ มาแล้วที่ตำรวจเพิกเฉย คดีไม่คืบหน้า และทหารใหญ่ออกมาปฏิเสธทันควันว่า ทหารไม่เกี่ยว!
นั่นเป็นเจตนาที่สอดคล้องต้องกัน ทั้งยังสอดคล้องไปถึงรัฐบาล อีกทั้งสอดคล้องไปถึงกลไกรัฐบาล โดยเฉพาะสื่อของรัฐภายใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ รัฐมนตรีไซต์กะทัดรัดถูกด่ายับรายวันว่าทำงานไม่เป็น ขาดทั้งความกล้าและวิสัยทัศน์อย่างแรง ทั้งที่ก่อนหน้าจะได้เป็นรัฐบาล สาธิต ไม่ใช่คนเช่นนี้ แต่ที่ต้องยอมงอมืองอเท้านั่นเพราะมีสาเหตุ
สาเหตุที่ว่าคืออะไร?
ประการแรก ต้องไม่ลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลได้ ภายใต้จินตนาการของสุเทพ เทือกสุบรรณ มองว่า เพราะพรรคภูมิใจไทย ในอุ้งอำนาจบารมีของ เนวิน ชิดชอบ ทำให้พรรค ปชป.จะขยับแต่ละครั้งต้องอยู่ในสายตาสุเทพและเนวิน อย่างที่สังคมทราบกันดี
ประการที่สอง รัฐมนตรี ปชป.หรือแม้แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่อาจโยกย้ายข้าราชการที่เป็นคนของระบอบทักษิณได้สำเร็จ โดยเฉพาะกรมประชาสัมพันธ์ และสถานีโทรทัศน์ในเครือข่ายรัฐบาล นั่นเพราะเนวินไม่อนุญาต แม้วันนี้เนวินจะอยู่คนละขั้วกับ นช.ทักษิณ ชินวัตร แต่การเล่นการเมืองแบบเพลย์เซฟ แย้มรูระบายเล็กๆ ย่อมปลอดภัยกว่า อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากเลือกตั้งครั้งใหม่ ปชป.ไม่ได้เสียงข้างมาก หรือตัวแทนทักษิณเข้าที่หนึ่ง โอกาสที่จะได้ร่วมรัฐบาลกับนายเก่าและไม่ถูกชำระแค้นย่อมเป็นไปได้
ดังนั้น เหตุผลที่นายเนวินรักษาข้าราชการระบอบทักษิณไว้ โดยผ่านทางนายสุเทพ คือ ไม่ต้องการสร้างศัตรู และแปรฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวก เพียงเหตุผลนี้ก็ไม่มีใครกล้าหือ!
ประการที่สาม ทั้งกองทัพและตำรวจเอากับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะตำรวจในระบอบทักษิณ หลายนายพัวพันกับคดีสำคัญๆ ทางการเมือง มีโอกาสติดคุก การรู้รักษาตัวรอดนั่นคือ เข้าหาขั้วอำนาจ แม้วันนี้ส่วนหัวจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ระบอบทักษิณฝังรากลึกยากแท้ที่จะปลิดได้หมดเปลือก
เพราะนั้นไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างไรกับ พธม.ซึ่งนอกจากจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณแล้ว ยังอยู่คนละขั้วกับพรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคปชป.บางคนเสียด้วยซ้ำ
จึงไม่แปลกที่สวะเศษดอและพวกจะเหิมเกริมท้าทายกฎหมายด้วยวิธีการสกปรก ลอบทำร้าย พธม.ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ยังเชิดหน้าอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
ดังนั้น นับแต่นี้ พธม.ต้องไม่เพียงแต่เดินเกมอย่างระมัดระวังเท่านั้น หากยังจะต้องโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามให้สมเหตุสมผลในแต่ละสถานการณ์ด้วย โดยเฉพาะจับเป้าให้ถูกและรุกตอบอย่างมีประสิทธิภาพ.