จากกรณีที่ นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี ถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สารวัตรป้องกันและปราบปราม (สวป.) สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช กก.3บก.บก.ตปพ. (191) พร้อมพวก รุมทำร้ายร่างกายบน สน.เพชรเกษม เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 52 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวานนี้ (13 ธ.ค.) พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า สำหรับคดีในขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งการที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ไม่ขอใหปากคำในชั้นสอบสวนนั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาตามกฎหมาย แต่ทางพนักงานสอบสวนก็มีคำให้การของผู้เสียหาย และพยานก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนได้อยู่แล้ว โดยคาดว่าน่าจะสรุปสำนวนแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ธ.ค.52 นี้ ส่วนเรื่องที่คณะกรรมาธิการสภาตำรวจฯได้ร้องขอกำลงเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความปลอดภัยของผู้เสียหายนั้น เบื้องต้นได้มีกำลังตำรวจคอยเฝ้าอยู่ที่ รพ.อยู่แล้ว แต่หากผู้เสียหายต้องการเดินทางไปไหน และขอกำลังตำรวจเพิ่มเติมก็ยินดีที่จะส่งไปดูแลความปลอดภัยให้เต็มที่ สำหรับเรื่องการข่มขู่ผู้เสียหายตนยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายโดยตรง แต่หากมีการแจ้งความพนักงานสอบสวนจะทำการถอนประกัน และควบคุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีและส่งตัวฝากขังทันที
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากทางต้นสังกัดของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ว่าดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยไปถึงไหนแล้ว หากมีความคืบหน้าก็จะมีการทำรายงานมาถึง สตช.ผ่านทาง กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 4 สำหรับพ.ต.ต.อรรถวุฒิ ถูกเรียกตัวมาช่วยราชการให้กับนายตำรวจผู้ใหญ่นายหนึ่ง ในตำแหน่งพนักงานสืบสวนสอบสวน ในคดี SCG กรุ๊ป เกี่ยวกับเรื่องการนำเข้ารถยนต์ ซึ่งก็ดำรงตำแหน่ง สว.ป.เรื่อยมา และก็ช่วยราชการอยู่ด้วย ซึ่งหลังจากเกิดเหตุถูกส่งตัวกลับไปที่ สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ต้นสังกัดทันที
เมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยัง พล.ต.ต.อุดม จำปาจันทร์ ผบก.ภ.จว.สกลนคร ก็ได้รับการเปิดเผยว่า สำหรับเรื่องการดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ที่จะแล้วเสร็จในวันนี้นั้น จะมีการเลื่อนไปเป็นวันที่ 14 ธ.ค. เนื่องจากวันนี้พนักงานสอบสวนได้พาตัว พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ไปตรวจร่างกายเพื่อหาร่องรอยต่างๆ โดยขณะนี้รอเพียงหลักฐานและสำนวนบางส่วนจากพนักงานสอบสวนเท่านั้น เมื่อได้มาแล้วก็จะสามารถเซ็นต์คำสั่งได้ทันที โดยคณะกรรมการชุดที่แต่งขึ้นมาเป็นบุคคลที่มีความเที่ยงตรง ตนเชื่อว่าสามารถจะสามารถให้คำตอบกับสังคมได้อย่างเป็นธรรมที่สุด
พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ได้ถูกเรียกตัวไปช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 50 โดยที่ยังไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.เจริญศิลป์ เลย ซึ่งหลังจากที่ย้ายไปช่วยราชการแล้วก็ไม่ได้กลับมา ตนยังเคยทำหนังสือไปสอบถาม 2-3 ครั้ง ว่า พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ยังช่วยราชการอยู่หรือไม่ หากไม่ได้ฏิบติหน้าที่แล้วก็จะขอเรียกตัวกลับ แต่ก็ได้รับคำตอบว่ายังช่วยราชการอยู่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ เป็นตำรวจที่มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีสูงมาก เช็คข้อมูลในทางลับหรือใช้คอมพิวเตอร์ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมอบหมายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ถูกดึงตัวไปช่วยราชการ
"สำหรับอุปนิสัยใจคอเท่าที่ตนได้พูดคุย พ.ต.ต.อรรถวุฒิ เป็นคนที่ค่อนข้างให้ความสำคัญในเรื่องศาสนา ทุกครั้งที่กลับมาที่สกลนครก็จะเข้าวัดทำบุญ ใส่บาตร และสมัยเรียนก็อยู่ชมรมพุทธศาสนา และเป็นคนที่จริงจังและมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย เป็นคนกล้าเผชิญหน้า แต่การที่เขาไปอยู่ต่างถิ่นผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง และไปอยู่อย่างไร ส่วนเรื่องที่มีการแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าคณะกรรมาธิการสภาตำรวจฯผมได้ขอโทษผู้ใหญ่ทุกท่านไปแล้ว ซึ่ง พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ก็บอกว่าทำไปเพื่อต้องการป้องกนตัวเอง ประกอบกับนิสัยที่กล้าเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเลยทำให้เขาแสดงกิริยาและคำพูดออกไปเช่นนั้น อย่างไรก็ตามตนจะให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน ไม่มีการทำงานเข้าข้างตำรวจด้วยกัน" พล.ต.ต.อุดมกล่าว.
ความคืบหน้าวานนี้ (13 ธ.ค.) พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า สำหรับคดีในขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งการที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ไม่ขอใหปากคำในชั้นสอบสวนนั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาตามกฎหมาย แต่ทางพนักงานสอบสวนก็มีคำให้การของผู้เสียหาย และพยานก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนได้อยู่แล้ว โดยคาดว่าน่าจะสรุปสำนวนแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ธ.ค.52 นี้ ส่วนเรื่องที่คณะกรรมาธิการสภาตำรวจฯได้ร้องขอกำลงเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความปลอดภัยของผู้เสียหายนั้น เบื้องต้นได้มีกำลังตำรวจคอยเฝ้าอยู่ที่ รพ.อยู่แล้ว แต่หากผู้เสียหายต้องการเดินทางไปไหน และขอกำลังตำรวจเพิ่มเติมก็ยินดีที่จะส่งไปดูแลความปลอดภัยให้เต็มที่ สำหรับเรื่องการข่มขู่ผู้เสียหายตนยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายโดยตรง แต่หากมีการแจ้งความพนักงานสอบสวนจะทำการถอนประกัน และควบคุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีและส่งตัวฝากขังทันที
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากทางต้นสังกัดของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ว่าดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยไปถึงไหนแล้ว หากมีความคืบหน้าก็จะมีการทำรายงานมาถึง สตช.ผ่านทาง กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 4 สำหรับพ.ต.ต.อรรถวุฒิ ถูกเรียกตัวมาช่วยราชการให้กับนายตำรวจผู้ใหญ่นายหนึ่ง ในตำแหน่งพนักงานสืบสวนสอบสวน ในคดี SCG กรุ๊ป เกี่ยวกับเรื่องการนำเข้ารถยนต์ ซึ่งก็ดำรงตำแหน่ง สว.ป.เรื่อยมา และก็ช่วยราชการอยู่ด้วย ซึ่งหลังจากเกิดเหตุถูกส่งตัวกลับไปที่ สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ต้นสังกัดทันที
เมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยัง พล.ต.ต.อุดม จำปาจันทร์ ผบก.ภ.จว.สกลนคร ก็ได้รับการเปิดเผยว่า สำหรับเรื่องการดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ที่จะแล้วเสร็จในวันนี้นั้น จะมีการเลื่อนไปเป็นวันที่ 14 ธ.ค. เนื่องจากวันนี้พนักงานสอบสวนได้พาตัว พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ไปตรวจร่างกายเพื่อหาร่องรอยต่างๆ โดยขณะนี้รอเพียงหลักฐานและสำนวนบางส่วนจากพนักงานสอบสวนเท่านั้น เมื่อได้มาแล้วก็จะสามารถเซ็นต์คำสั่งได้ทันที โดยคณะกรรมการชุดที่แต่งขึ้นมาเป็นบุคคลที่มีความเที่ยงตรง ตนเชื่อว่าสามารถจะสามารถให้คำตอบกับสังคมได้อย่างเป็นธรรมที่สุด
พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ได้ถูกเรียกตัวไปช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 50 โดยที่ยังไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.เจริญศิลป์ เลย ซึ่งหลังจากที่ย้ายไปช่วยราชการแล้วก็ไม่ได้กลับมา ตนยังเคยทำหนังสือไปสอบถาม 2-3 ครั้ง ว่า พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ยังช่วยราชการอยู่หรือไม่ หากไม่ได้ฏิบติหน้าที่แล้วก็จะขอเรียกตัวกลับ แต่ก็ได้รับคำตอบว่ายังช่วยราชการอยู่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ เป็นตำรวจที่มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีสูงมาก เช็คข้อมูลในทางลับหรือใช้คอมพิวเตอร์ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมอบหมายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ถูกดึงตัวไปช่วยราชการ
"สำหรับอุปนิสัยใจคอเท่าที่ตนได้พูดคุย พ.ต.ต.อรรถวุฒิ เป็นคนที่ค่อนข้างให้ความสำคัญในเรื่องศาสนา ทุกครั้งที่กลับมาที่สกลนครก็จะเข้าวัดทำบุญ ใส่บาตร และสมัยเรียนก็อยู่ชมรมพุทธศาสนา และเป็นคนที่จริงจังและมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย เป็นคนกล้าเผชิญหน้า แต่การที่เขาไปอยู่ต่างถิ่นผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง และไปอยู่อย่างไร ส่วนเรื่องที่มีการแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าคณะกรรมาธิการสภาตำรวจฯผมได้ขอโทษผู้ใหญ่ทุกท่านไปแล้ว ซึ่ง พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ก็บอกว่าทำไปเพื่อต้องการป้องกนตัวเอง ประกอบกับนิสัยที่กล้าเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเลยทำให้เขาแสดงกิริยาและคำพูดออกไปเช่นนั้น อย่างไรก็ตามตนจะให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน ไม่มีการทำงานเข้าข้างตำรวจด้วยกัน" พล.ต.ต.อุดมกล่าว.