ASTVผู้จัดการรายวัน – ที.เอ.ซี. ฯ ทุ่มเกือบ 140 ล้านบาท แตกธุรกิจอาหารแช่เย็นพร้อมทานเสริมทัพกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวเซนย่า ปั้น “แฮปปี้ เชฟ” บุกร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น รับตลาด 6,000 ล้านบาทบูม ปีหน้ากวาดรายได้ 200-300 ล้านบาท แชร์ 3-5% ตั้งเป้า 2 ปี ธุรกิจอาหารเรือธงสร้างรายได้ 60%
นายชัชชวี วัฒนสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารแช่เย็นพร้อมทานแบรนด์แฮปปี้ เชฟ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบเกือบ 140 ล้านบาท แตกธุรกิจอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทานแบรนด์ “แฮปปี้ เชฟ” จากปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจโถกดเครื่องดื่มจำหน่ายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และชาเขียวพร้อมดื่มเซนย่าโดยได้ลงทุนซื้อเครื่องจักร 42 ล้านบาท ที่ โรงงานจ.อยุธยา เพื่อผลิตอาหารแช่เย็นพร้อมทานจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น 3,900 สาขาทั่วประเทศ
ทั้งนี้ทิศทางการดำเนินธุรกิจจากนี้บริษัทโฟกัสธุรกิจอาหารแช่เย็นพร้อมทาน เพราะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงเฉลี่ยปีละ 15-20% จากมูลค่าตลาดอาหารแช่เย็นพร้อมทานในช่องทางร้านสะดวกซื้อ 6,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่าจะมีการเติบโตมากกว่าอาหารแช่แข็งพร้อมทาน และกลายเป็นตลาดที่ใหญ่มากกว่า เนื่องจากมีความได้เปรียบในด้านรสชาติ อีกทั้งยังสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย โดยตั้งเป้าในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ สัดส่วนรายได้กลุ่มอาหารแช่เย็นแฮปปี้ เชฟ ราว 60% และกลุ่มเครื่องดื่มโถกดและชาเขียว 40%
“การแตกไลน์ธุรกิจอาหารแช่เย็น เพราะเชื่อว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเติบโตได้มากกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม ซึ่งจะผลักดันให้รายได้ของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยพบว่ากลุ่มอาหารแช่เย็นพร้อมทานที่มีอัตราการเติบโตสูง อาทิ ไส้กรอก หมูปิ้งกับข้าวเหนียว เกี๊ยวซ่า”
ล่าสุดได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาท เปิดตัว 2 เมนูลูกชิ้นหมูปิ้งแฮปปี้ เชฟ โดยได้เตรียมใช้สื่ออย่างครบวงจร ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้ง เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างแก่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแฮปปี้ เชฟ มี 2 ขนาด คือ ราคา 12 บาท และ 24 บาท ส่วนปีหน้านี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาด 60 ล้านบาท พร้อมกับเปิดตัวสินค้า 4-5 เมนูใหม่ อาทิ ลูกชิ้นปลา เป็นต้น และวางแผนทุ่มงบ 20 ล้านบาทขยายกำลังการผลิตเพิ่มจาก 1.2 แสนไม้ต่อวัน เป็น 3 แสนไม้ต่อวันในระยะ 3 เดือน ทั้งนี้ได้ตั้งเป้ายอดขาย 200-300 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 3-5% จากตลาดมูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน ซีพี ฟู้ดส์ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40%
สำหรับผลประกอบการปีหน้า บริษัทตั้งเป้า 450-500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีนี้ 400 ล้านบาท แบ่งเป็น โถกดเครื่องดื่ม 280 ล้านบาท และชาเชียวพร้อมดื่มเซนย่า 120 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่มบริษัทหันไปขยายตลาดต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ดูไบ รัสเซีย ซึ่งปัจจุบันเซนย่าเป็นผู้นำตลาดในกัมพูชา ส่วนกลุ่มโถกดเครื่องดื่ม เปิดตัวชาเขียวแคนตาลูปเพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภค
นายชัชชวี วัฒนสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารแช่เย็นพร้อมทานแบรนด์แฮปปี้ เชฟ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบเกือบ 140 ล้านบาท แตกธุรกิจอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทานแบรนด์ “แฮปปี้ เชฟ” จากปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจโถกดเครื่องดื่มจำหน่ายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และชาเขียวพร้อมดื่มเซนย่าโดยได้ลงทุนซื้อเครื่องจักร 42 ล้านบาท ที่ โรงงานจ.อยุธยา เพื่อผลิตอาหารแช่เย็นพร้อมทานจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น 3,900 สาขาทั่วประเทศ
ทั้งนี้ทิศทางการดำเนินธุรกิจจากนี้บริษัทโฟกัสธุรกิจอาหารแช่เย็นพร้อมทาน เพราะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงเฉลี่ยปีละ 15-20% จากมูลค่าตลาดอาหารแช่เย็นพร้อมทานในช่องทางร้านสะดวกซื้อ 6,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่าจะมีการเติบโตมากกว่าอาหารแช่แข็งพร้อมทาน และกลายเป็นตลาดที่ใหญ่มากกว่า เนื่องจากมีความได้เปรียบในด้านรสชาติ อีกทั้งยังสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบาย โดยตั้งเป้าในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ สัดส่วนรายได้กลุ่มอาหารแช่เย็นแฮปปี้ เชฟ ราว 60% และกลุ่มเครื่องดื่มโถกดและชาเขียว 40%
“การแตกไลน์ธุรกิจอาหารแช่เย็น เพราะเชื่อว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเติบโตได้มากกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม ซึ่งจะผลักดันให้รายได้ของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยพบว่ากลุ่มอาหารแช่เย็นพร้อมทานที่มีอัตราการเติบโตสูง อาทิ ไส้กรอก หมูปิ้งกับข้าวเหนียว เกี๊ยวซ่า”
ล่าสุดได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาท เปิดตัว 2 เมนูลูกชิ้นหมูปิ้งแฮปปี้ เชฟ โดยได้เตรียมใช้สื่ออย่างครบวงจร ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้ง เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างแก่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแฮปปี้ เชฟ มี 2 ขนาด คือ ราคา 12 บาท และ 24 บาท ส่วนปีหน้านี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาด 60 ล้านบาท พร้อมกับเปิดตัวสินค้า 4-5 เมนูใหม่ อาทิ ลูกชิ้นปลา เป็นต้น และวางแผนทุ่มงบ 20 ล้านบาทขยายกำลังการผลิตเพิ่มจาก 1.2 แสนไม้ต่อวัน เป็น 3 แสนไม้ต่อวันในระยะ 3 เดือน ทั้งนี้ได้ตั้งเป้ายอดขาย 200-300 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 3-5% จากตลาดมูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน ซีพี ฟู้ดส์ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40%
สำหรับผลประกอบการปีหน้า บริษัทตั้งเป้า 450-500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีนี้ 400 ล้านบาท แบ่งเป็น โถกดเครื่องดื่ม 280 ล้านบาท และชาเชียวพร้อมดื่มเซนย่า 120 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่มบริษัทหันไปขยายตลาดต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ดูไบ รัสเซีย ซึ่งปัจจุบันเซนย่าเป็นผู้นำตลาดในกัมพูชา ส่วนกลุ่มโถกดเครื่องดื่ม เปิดตัวชาเขียวแคนตาลูปเพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภค