00 นับเป็นคุณูปการอย่างยิ่งสำหรับ น.ส.อนุกูล วงศ์บัวทอง หรือ “ป้าแจ๋ว” นักข่าวอาวุโสสายทหาร วัย 73 ปี ที่อุตส่าห์บากหน้ามาร้องเรียนนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อสอบถามให้รู้ความจริงว่า เพราะเหตุใดเงิน “เบี้ยยังชีพ” ผู้สูงอายุ เดือนละ 500 บาท ทำไมมันถึงได้ถูกตัดตอนหายไปเฉยๆ หลังจากเคยจ่ายมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วทุกอย่างก็หยุดกึก แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พอไปถามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น คนจ่ายเงินก็ปัดไปว่าให้รอไปก่อน หรือที่หนักไปกว่านั้นก็คือบอกว่ารัฐบาลไม่มีเงิน หรือจ่ายให้แค่ 3 เดือน ซึ่งหลายพื้นที่ในต่างจังหวัดก็มักเป็นแบบนี้ และเมื่อได้รับคำตอบจากผู้นำรัฐบาลที่ยืนยันว่าได้จ่ายเงินไปให้ท้องถิ่นหมดแล้ว และ “จ่ายตลอดชีพ”
00 นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนภาพที่แท้จริง และที่ต้องบอกว่า “ป้าแจ๋ว” ได้สร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ก็คือ ทำให้ปัญหาดังกล่าวได้กลับมาหารือแก้ปัญหาอย่างจริงจังทันควัน ทั้งที่ต้องยอมรับว่า นโยบายจ่ายเบี้ยยังชีพดังกล่าวถือเป็นหนึ่งใน “ทีเด็ด” ของรัฐบาลชุดนี้ นอกจากนโยบาย “เรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ 15 ปี” จ่ายค่าตอบแทนให้ อสม. หรือแม้แต่โครงการประกันราคาพืชผลเกษตรกร และล่าสุดการ “แก้หนี้นอกระบบ” ซึ่งหากทำให้ได้ผลทั่วถึงต่อให้สิบ “ตักขี้” (ขอยกเลิกชื่อ ตากขี้ตามคำแนะนำ) ก็ไม่มีทางสู้ได้
00 เป็นการสะท้อนภาพตัวอย่างการบริหารงานที่ขาดการประชาสัมพันธ์และติดตามผล เพราะมีหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้จ่ายเงินก้อนนี้ หรือประเภทจ่ายๆ หยุดๆ หรือจ่ายแล้วแต่หักค่าหัวคิว และมิหนำซ้ำบางพื้นที่ยังเปิดช่องให้พวกบรรดาข้าราชการเสื้อแดงนำไปบิดเบือนว่า รัฐบาลไม่มีเงินจ่ายเป็นข้อโจมตีต่างๆ นานา แทนที่จะได้ผลบวกกลับมีแต่เสียงด่ากันขรม แต่ก็ให้จับตาพรรคที่ควบคุมกระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดี ซึ่งก็คือ พรรคภูมิใจไทย นั่นเอง อาจมองได้สองมุม อย่างแรกคือบริหารจัดการไม่ได้เรื่อง หรืออีกทางหนึ่งคือ ขัดขาไม่ให้ประชาธิปัตย์ได้หน้า ทั้งที่เป็นรัฐบาลด้วยกัน ดังนั้นดีแล้วที่นายกฯ ลงมาเข้มงวด เพราะนโยบายแบบนี้ถ้าทำได้อย่างต่อเนื่องก็จะดีวันดีคืน เชื่อเถอะ อ้อ ให้ระวังเบี้ยยังชีพคนพิการที่กำลังจะตามมาเดี๋ยวจะซ้ำรอยอีก !!
00 ถือว่าถูกต้องแล้วที่รัฐบาลไทยมีท่าทีนิ่งเฉยต่อการฟาดงวงฟาดงาของ “ฮุนเซน” ผู้นำกุ๊ยเขมร ที่ต้องการยั่วอารมณ์ให้ไทยตะบะแตก เข้าแผนสมรู้ร่วมคิดของตามแผนของ “ตักขี้” ที่ต้องการให้ไทย-เขมร ตึงเครียดจนลุกลามกลายเป็นสงครามได้ยิ่งดี การเงียบแต่ขณะเดียวกันต้องรีบชี้แจงให้รวดเร็ว และเคลียร์ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด หรืออย่างกรณีเงินกู้ 1.4 พันล้าน หากเขมรไม่กู้ ก็ไม่เป็นไร แต่เป็นการตัดสินใจของฝ่ายโน้นเอง ซึ่งก็รวมไปถึงการปิดชายแดน เราก็ไม่ริเริ่ม จำกัดความสัมพันธ์เอาไว้แค่นี้ แต่อีกด้านหันไปเพิ่มความสนิทสนมกับลาว หรือ เวียดนาม ให้ฮุนเซนมันหนาวเล่น ก็น่าจะดีไม่หยอก
00 หายไปพักใหญ่สำหรับ “ขงเบ๊จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ โผล่มาคราวนี้เป้าหมายหลักก็ไม่มีมากไปกว่าต้องการแก้ข่าว “ถังแตก” เรื่องแอบขายคอนโดหรู ปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่า เป็นเรื่องของลูกสาวที่ต้องการเงินไปเป็นทุนการศึกษาที่เมืองนอกของหลานในใส้ ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ที่อยากฝากถามให้ได้คำตอบว่าเรื่องไปเช็ก “ลำใส้” ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎวันก่อนผลมันออกมายังปกติเหมือนเดิมหรือไม่ อยากรู้ แต่ถ้าไม่อยากตอบ ก็ไม่เป็นไร !!
00 นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนภาพที่แท้จริง และที่ต้องบอกว่า “ป้าแจ๋ว” ได้สร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ก็คือ ทำให้ปัญหาดังกล่าวได้กลับมาหารือแก้ปัญหาอย่างจริงจังทันควัน ทั้งที่ต้องยอมรับว่า นโยบายจ่ายเบี้ยยังชีพดังกล่าวถือเป็นหนึ่งใน “ทีเด็ด” ของรัฐบาลชุดนี้ นอกจากนโยบาย “เรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ 15 ปี” จ่ายค่าตอบแทนให้ อสม. หรือแม้แต่โครงการประกันราคาพืชผลเกษตรกร และล่าสุดการ “แก้หนี้นอกระบบ” ซึ่งหากทำให้ได้ผลทั่วถึงต่อให้สิบ “ตักขี้” (ขอยกเลิกชื่อ ตากขี้ตามคำแนะนำ) ก็ไม่มีทางสู้ได้
00 เป็นการสะท้อนภาพตัวอย่างการบริหารงานที่ขาดการประชาสัมพันธ์และติดตามผล เพราะมีหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้จ่ายเงินก้อนนี้ หรือประเภทจ่ายๆ หยุดๆ หรือจ่ายแล้วแต่หักค่าหัวคิว และมิหนำซ้ำบางพื้นที่ยังเปิดช่องให้พวกบรรดาข้าราชการเสื้อแดงนำไปบิดเบือนว่า รัฐบาลไม่มีเงินจ่ายเป็นข้อโจมตีต่างๆ นานา แทนที่จะได้ผลบวกกลับมีแต่เสียงด่ากันขรม แต่ก็ให้จับตาพรรคที่ควบคุมกระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดี ซึ่งก็คือ พรรคภูมิใจไทย นั่นเอง อาจมองได้สองมุม อย่างแรกคือบริหารจัดการไม่ได้เรื่อง หรืออีกทางหนึ่งคือ ขัดขาไม่ให้ประชาธิปัตย์ได้หน้า ทั้งที่เป็นรัฐบาลด้วยกัน ดังนั้นดีแล้วที่นายกฯ ลงมาเข้มงวด เพราะนโยบายแบบนี้ถ้าทำได้อย่างต่อเนื่องก็จะดีวันดีคืน เชื่อเถอะ อ้อ ให้ระวังเบี้ยยังชีพคนพิการที่กำลังจะตามมาเดี๋ยวจะซ้ำรอยอีก !!
00 ถือว่าถูกต้องแล้วที่รัฐบาลไทยมีท่าทีนิ่งเฉยต่อการฟาดงวงฟาดงาของ “ฮุนเซน” ผู้นำกุ๊ยเขมร ที่ต้องการยั่วอารมณ์ให้ไทยตะบะแตก เข้าแผนสมรู้ร่วมคิดของตามแผนของ “ตักขี้” ที่ต้องการให้ไทย-เขมร ตึงเครียดจนลุกลามกลายเป็นสงครามได้ยิ่งดี การเงียบแต่ขณะเดียวกันต้องรีบชี้แจงให้รวดเร็ว และเคลียร์ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด หรืออย่างกรณีเงินกู้ 1.4 พันล้าน หากเขมรไม่กู้ ก็ไม่เป็นไร แต่เป็นการตัดสินใจของฝ่ายโน้นเอง ซึ่งก็รวมไปถึงการปิดชายแดน เราก็ไม่ริเริ่ม จำกัดความสัมพันธ์เอาไว้แค่นี้ แต่อีกด้านหันไปเพิ่มความสนิทสนมกับลาว หรือ เวียดนาม ให้ฮุนเซนมันหนาวเล่น ก็น่าจะดีไม่หยอก
00 หายไปพักใหญ่สำหรับ “ขงเบ๊จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ โผล่มาคราวนี้เป้าหมายหลักก็ไม่มีมากไปกว่าต้องการแก้ข่าว “ถังแตก” เรื่องแอบขายคอนโดหรู ปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่า เป็นเรื่องของลูกสาวที่ต้องการเงินไปเป็นทุนการศึกษาที่เมืองนอกของหลานในใส้ ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ที่อยากฝากถามให้ได้คำตอบว่าเรื่องไปเช็ก “ลำใส้” ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎวันก่อนผลมันออกมายังปกติเหมือนเดิมหรือไม่ อยากรู้ แต่ถ้าไม่อยากตอบ ก็ไม่เป็นไร !!