xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นเด่น:ไม่ควรกังวลเกินไปกับปัญหาดูไบ เวิลด์ฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัจจุบันโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) มีการลงทุนในต่างประเทศผ่านบริษัทบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIL) สัดส่วนการถือหุ้น 31.5% ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา BH รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก BIL เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก 12.2 ล้านบาท ใน 1Q/52 เป็น 18 ล้านบาท ใน 3Q/52 โดย BIL ลงทุนในศูนย์แพทย์เฉพาะทางโรคไต และรับบริหารโรงพยาบาลเอกชน Asia hospital ในฟิลิปปินส์ และ Al mafraq hospital ใน UAE ขณะที่การร่วมลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลในเมืองดูไบ Dubai hospital ผู้บริหาร BH ตัดสินใจยกเลิกการลงทุน พร้อมขายหุ้นคืนให้กับผู้ร่วมทุนในดูไบ (Istithnar) ในช่วง 3Q/52

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้บริหารฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ BH เกี่ยวกับผลกระทบรายได้กลุ่มลูกค้า UAE และโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ BH ซึ่งมีกลุ่มทุนตะวันออกกลาง “Istithmar” ถือหุ้นใน BH 5.94% และถือหุ้นใน BIL 19.5% มองว่ามีผลกระทบต่อรายได้ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากดูไบมีสัดส่วนรายได้ไม่มาก เมื่อเทียบกับรายได้กลุ่มลูกค้า UAE ที่มีสัดส่วน 8% ขณะเดียวกันความจำเป็นในการรักษาโรค ประกอบกับอัตราค่ารักษาของไทยที่ต่ำกว่าค่ารักษาใน UAE ประมาณ 3-4 เท่า และต่ำกว่าประเทศคู่แข่งในเอเชียอย่างสิงคโปร์ประมาณ 2-3 เท่า ยังเป็นโอกาสในการดึงดูดลูกค้าต่างชาติ ส่วนผลกระทบดูไบ เวิลด์ฯ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น BH หรือไม่ ยังต้องรอดูสถานการณ์

ปรับเพิ่มประมาณการปี 52 และ 53 สะท้อนการใช้บริการของลูกค้าดีกว่าคาด และโครงสร้างการเงินที่ดีขึ้น

ผลประกอบการ 3Q/52 ของ BH ใกล้เคียงคาด มีกำไรสุทธิ 319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% Y-O-Y และ11% Q-O-Q เนื่องจากผลบวกด้านฤดูกาลหนุนปริมาณการใช้บริการและรายได้เพิ่มขึ้น 2% Y-O-Y และ 4% Q-O-Q เป็น 2,270 ล้านบาท ขณะเดียวกันการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าทั้ง OPD และ IPD ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด หนุน Gross profit margin และ Operating profit margin ดีขึ้น Y-O-Y และ Q-O-Q เป็น 38.5% และ 16.7% ตามลำดับ

ภาพรวมปี 52 ผู้บริหาร BH มั่นใจรายได้มีแนวโน้มเติบโตสวนทาง GDP จาก 1) การทำตลาดลูกค้าในประเทศต่อเนื่อง ทำให้แย่งส่วนแบ่งตลาดคู่แข่งได้ โดยช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ BH มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 9% ของจำนวนผู้มาใช้บริการ และ 2) การปรับขึ้นค่ารักษา 2% เมื่อต้นปี ทิศทางปี 53 ผู้บริหาร BH ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% Y-O-Y จากการปรับขึ้นค่ารักษา และปริมาณลูกค้าใช้บริการเพิ่ม เราเห็นว่าผลตอบรับที่ดีจากการทำตลาดในประเทศ และแนวโน้มการใช้บริการลูกค้าต่างชาติมีสัญญาณดีขึ้น ทำให้ BH มีปริมาณการใช้บริการของลูกค้าดีกว่าคาด นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากสภาพคล่องที่ผ่อนคลาย หลังการปรับโครงสร้างการเงินเสร็จเมื่อต้นเดือน ต.ค.นี้ ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการปี 52 และ 53 จากเดิม 4% และ 10% ตามลำดับ คาดปี 52 มีกำไรสุทธิ 1,220 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.41 บาท เพิ่มขึ้น 2% Y-O-Y ส่วนปี 53 คาดมีกำไรสุทธิ 1,335 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.54 บาท เพิ่มขึ้น 9% Y-O-Y และประมาณการเงินปันผลปี 52-53 หุ้นละ 0.80 บาท (yield 2.8%) คาดใน 2H/52 จ่ายหุ้นละ 0.40 บาท (yield 1.4%)

แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” แนวโน้ม 4Q/52 เห็นสัญญาณเติบโตเทียบ Y-O-Y

การปรับประมาณการปี 52 และ 53 ดังกล่าว ทำให้ BH มีมูลค่าเหมาะสมปี 53 เท่ากับ 31 บาท จากเดิม 30 บาท ตามวิธี DCF (WACC @ 8%) ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานคงมุมมองเชิงบวกจากจุดแข็งด้านความชำนาญในการรักษาครอบคลุมโรคที่มีความรุนแรง, การให้บริการรักษาที่ได้มาตรฐานสากล (JCIA) และอัตราค่ารักษาถูกกว่าโรงพยาบาลระดับเดียวกันในต่างประเทศ ทำให้ BH มีฐานลูกค้าต่างชาติแข็งแกร่ง ส่วนระยะสั้นมีปัจจัยบวกผลประกอบการ 4Q/52 มีแนวโน้มเติบโต Y-O-Y ตามปริมาณการใช้บริการของลูกค้ามีสัญญาณดีต่อเนื่อง และผลประกอบการ 4Q/51 มีฐานกำไรต่ำกว่าปกติ จากผลกระทบปิดสนามบิน แต่เทียบกับใน 3Q/52 อาจเห็นการอ่อนตัวลง จากการบันทึกค่าใช้จ่าย Refinance ขณะที่เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งเป็นวันหยุดติดต่อกัน มีผลต่อปริมาณการใช้บริการของลูกค้า แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” (ความเห็นทางเทคนิคประเมินแนวรับ 27 บาท แนวต้าน 29 บาท) 

     มินทรา รัตยาภาส e-mail: research@kks.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น